ทำเนียบ 19 ต.ค.-นายกฯ ประชุม ก.น.บ. ไฟเขียวกรอบนโยบายและระบบการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ จัดทำเป้าหมายพัฒนาภาค ปี 66-70 ทั้ง 6 ภาค สู่เป้าหมายแบบพุ่งเป้า
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ (ก.น.บ.) ครั้งที่ 1/2565 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมด้วย
นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงการประชุม ก.น.บ. ว่ามีความสำคัญเพื่อบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ ซึ่งต้องมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 และแผนพัฒนาเชิงพื้นที่ในระดับต่างๆ เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดแนวทางการทำงานแบบพุ่งเป้าไปสู่เป้าหมายในพื้นที่ในแต่ละกลุ่มของประชาชนทุกภาคส่วนของประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนหลุดพ้นจากความยากลำบาก มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมกำชับถึงการทำงานเชิงพื้นที่ต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม ตรวจสอบได้ และติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่องให้เกิดความชัดเจน โดยคำนึงถึงประโยชน์ประชาชนในพื้นที่จะได้รับเป็นสำคัญ เกิดความคุ้มค่า และการบริหารจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง เพื่อไปสู่การทำให้ประเทศหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำเกี่ยวกับการผลิตสินค้าและพืชผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ ต้องสอดคล้องและคำนึงถึงบริบทของสถานการณ์โลกร้อน โดยเฉพาะการผลิตสินค้าต่างๆ ต้องให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม รวมถึงการปลูกพืชต่างๆ ต้องดำเนินการในพื้นที่ที่ถูกต้องตามกฎหมายเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เพื่อป้องกันการกีดกันทางการค้าจากการส่งออกสินค้าไทยไปยังต่างประเทศ รวมทั้งผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภค
“นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญในการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ ที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้มีความสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและแผนพัฒนาเชิงพื้นที่ในระดับต่างๆ และให้มีกลไกการทำงานที่เหมาะสม มีการบูรณาการในทุกภาคส่วน เน้นการทำงานแบบมุ่งเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายหลุดพ้นจากความยากจนและมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยในการบริหารงานเชิงพื้นที่จะต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใส มีประสิทธิภาพและตรวจสอบได้ และมีระบบติดตามประเมินผลที่ชัดเจน โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนในพื้นที่จะได้รับ รวมถึงความคุ้มค่าและประหยัดงบประมาณ” นายอนุชา กล่าว
นายอนุชา ยังกล่าวว่า ที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบในประเด็นสำคัญ อาทิ กรอบนโยบายและระบบการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ นโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทำเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาค พ.ศ. 2566 – 2570 และเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาค พ.ศ. 2566 – 2570 ทั้ง 6 ภาค ได้แก่ 1. ภาคเหนือ เป้าหมายการพัฒนา เป็น “ฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ” 2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง” 3. ภาคกลาง “ฐานการผลิตสินค้าและบริการมูลค่าสูง” 4. ภาคตะวันออก เป็น “ฐานเศรษฐกิจสีเขียวชั้นนำของอาเซียนควบคู่กับคุณภาพการดำรงชีวิตของประชาชนที่ดี” 5. ภาคใต้ เป็น “แหล่งท่องเที่ยวและบริการที่มีคุณภาพ แหล่งผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยและมูลค่าสูง เชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาค” และ 6. ภาคใต้ชายแดน เป็น “ฐานเศรษฐกิจชายแดนที่มั่นคงบนสังคมพหุวัฒนธรรม”
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. 2565 เพื่อให้มีการรวมการบริหารงานจังหวัด กลุ่มจังหวัด และภาคเข้าด้วยกัน เกิดการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการอย่างแท้จริง โดยได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ (ก.น.บ.) แทนคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) และคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) เพื่อเป็นกลไลหลักในการทำหน้าที่กำกับให้การบริหารงานจังหวัด กลุ่มจังหวัด และภาค มีการบูรณาการในการทางานร่วมกันอย่างแท้จริง..-สำนักข่าวไทย