ย้ำใช้มือถือขณะขับรถ มีโทษปรับ 400-1,000 บาท

กทม. 14 ต.ค.-“ทิพานัน” แจ้งเตือนประกาศใช้มือถือขณะขับรถต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายมีผลบังคับใช้แล้ว ช่วยลดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยของสังคม ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 400-1,000 บาท

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง “หลักเกณฑ์และวิธีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ขับขี่ขณะขับรถ พ.ศ. 2565” ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความปลอดภัยการใช้รถใช้ถนน เพื่อลดการสูญเสียและการบาดเจ็บของพี่น้องประชาชน ซึ่งในปัจจุบันผู้ขับขี่รถมีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่หรือโทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ โดยเป็นหนึ่งในสาเหตุให้เกิดการเกิดอุบัติเหตุจำนวนมาก


น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ขับขี่ขณะขับรถ พ.ศ. 2565 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 43 (9) แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ให้ผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการดังต่อไปนี้

1.ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สาย อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนาหรือระบบกระจายเสียง จากเครื่องโทรศัพท์ โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่


2.ใช้อุปกรณ์เสริมพิเศษสำหรับยึดหรือติดโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้กับส่วนหน้าของตัวรถทุกครั้ง ก่อนการขับรถ ทั้งนี้ ต้องไม่บดบังทัศนวิสัยหรือเสียความสามารถในการขับรถ กรณีผู้ขับขี่มีความจำเป็นต้องถือ จับ หรือสัมผัสโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อใช้งานโดยประการใด ๆ ให้ผู้ขับขี่หยุดหรือจอดรถในสถานที่สำหรับจอดรถอย่างปลอดภัย ก่อนใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ดังกล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(9) ที่กำหนดไว้ชัดเจนว่า ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารอื่นใดในขณะที่รถเคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น

และเพื่อให้กฎหมายมีความทันต่อสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนไปในอนาคตและเพื่อติดตามผลสัมฤทธิ์ของการบังคับใช้กฎหมายเรื่องนี้ จึงได้กำหนดให้หลังจากประกาศฉบับนี้ใช้บังคับแล้วเป็นระยะเวลา 5 ปี หรือเมื่อมีเหตุจําเป็นอื่น ให้มีการพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์ และวิธีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ขับขี่ขณะขับรถ โดยรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อประกอบการพิจารณา


“รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนจากหลายกรณีที่เคยมีปัญหารับโทรศัพท์ขณะขับขี่ รวมถึงหลายกรณีที่เกิดความเสียหายทั้งทรัพย์สินและชีวิตของผู้ขับขี่เองและของผู้ร่วมใช้ถนนคนอื่นๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐมีกลไกหลายแบบที่จะช่วยบรรเทาปัญหาและแก้ไขปัญหาการโทรระหว่างขับขี่ให้ดีขึ้น จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎหมายร่วมกันช่วยลดอุบัติเหตุเพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและผู้อื่น ร่วมกันสร้างสังคมให้มีความปลอดภัยในการขับขี่ต่อไป” น.ส.ทิพานัน กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มพาลูก-เมียกลับจากฉลองวันเกิด รถยางระเบิดเสียหลักชนเสาไฟ ดับ 3 สาหัส 2

พ่อแม่ลูก 5 คน กลับจากฉลองวันเกิด รถกระบะยางระเบิดเสียหลักหมุนชนอัดเสาไฟฟ้า พ่อและแม่พร้อมลูกคนโตเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกคนกลางและคนเล็กอาการสาหัส

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

ข่าวแนะนำ

KNLA เข้าโจมตีทั้งกลางวัน-กลางคืน เสียงระเบิดดังถึง อ.ท่าสองยาง

เสียงระเบิดดังสนั่นชายแดนไทย-เมียนมา ด้านตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ยังระอุ กกล. KNLA เข้าโจมตี ทั้งกลางวันและกลางคืน เสียงระเบิดดังถึง อ.ท่าสองยาง

ไฟไหม้โรงงานยาง วอดเกือบหมด

ระทึกกลางดึก ไฟไหม้โรงงานยาง ในพื้นที่เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี พนักงานกว่า 50 ชีวิต วิ่งหนีออกมาได้ทัน ใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างสอบสวน

รวบผู้ช่วยทันตแพทย์ ลักทอง 16 บาท ในหมู่บ้าน

รวบสาวแสบผู้ช่วยทันตแพทย์ ย่องเข้าบ้านพัก ย่านนนทบุรี ลักทอง 16 บาท มูลค่ากว่า 8 แสนบาท เอาเงินไปใช้หนี้และวิ่งเต้นคดีความ สอบประวัติ พบก่อเหตุในคดีลักทรัพย์มาแล้ว 3 ครั้ง