กระทรวงมหาดไทย 29 ก.ย.- มท.1 ห่วงประชาชนได้รับผลกระทบจาก “พายุโนรู” สั่งทุกหน่วยงานดูแลชีวิตความเป็นอยู่เต็มที่ เชื่ออุบลฯ ไม่รุนแรงเท่าปี 62 แม้จะมีมวลน้ำสะสมมาก
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมจากอิทธิพลของพายุโนรู ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อจังหวัดภาคอีสานว่า แม้พายุจะอ่อนกำลังลง แต่ยังมีฝนตกหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและพื้นที่ใกล้เคียง ประกอบกับน้ำในแม่น้ำมูลและแม่น้ำชี มีมวลน้ำสะสมมากอยู่แล้วจากร่องมรสุม เมื่อมีฝนตกลงมาเพิ่มจากอิทธิพลของพายุ ทำให้ปริมาณน้ำท่วมสูงขึ้น ต้องบริหารจัดการน้ำให้ดี แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย รวมถึงการเยียวยาหลังน้ำลด ซึ่งในส่วนของจังหวัดอุบลราชธานีได้ตั้งศูนย์พักพิงหลายแห่งเพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตประชาชนเป็นอันดับแรก ให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ รวมถึงดูแลเรื่องอาหารและน้ำดื่ม แต่ถือว่าโชคดีที่ไม่มีลมแรง มีเฉพาะฝนเท่านั้นทำให้ผลกระทบจากพายุโนรูมีไม่มากนัก
ส่วนการดูแลสถานการณ์ในพื้นที่เศรษฐกิจนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ท้องถิ่นโดยผู้ว่าราชการจังหวัด พยายามป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจอย่างเต็มที่ เช่น การวางแนวกระสอบทราย เร่งสูบน้ำออก หรือผลักดันน้ำออกจากพื้นที่เร็วที่สุด เพื่อป้องกันความเสียหายให้มากที่ส่วน แต่ก็มองว่าสถานการณ์น้ำท่วมปีนี้ ยังไม่รุนแรงเท่ากับน้ำท่วมใหญ่อุบลราชธานีเมื่อปี 2562 เพราะเมื่อปี 2562 มีมวลน้ำเต็มพื้นที่ จนไม่รู้จะสูบน้ำออกอย่างไร ต้องใช้วิธีผลักดันน้ำอย่างเดียว แต่ในปีนี้มวลน้ำอยู่เฉพาะพื้นที่
“ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีปริมาณน้ำมาสมทบเพิ่มอีกหรือไม่ เนื่องจากอุบลราชธานีเป็นพื้นที่ปลายน้ำ ยังจะต้องมีมวลน้ำจากแม่น้ำชีไหลมาสมทบแม่น้ำมูลอีก สำหรับสถานการณ์ของพายุโนรูที่ขณะนี้เคลื่อนตัวผ่านจังหวัดอุบลราชธานีไปยังร้อยเอ็ด ชัยภูมิและจะเข้าสู่พิษณุโลก ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่เตรียมพร้อมรับโดยเฉพาะความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน รวมถึงการแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังซึ่งได้มีการใช้ทุกช่องทางในการสื่อสารเท่าที่ทำได้” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย