ทำเนียบรัฐบาล 13 ก.ย.-รองโฆษกรัฐบาล เผยที่ประชุม ครม.เห็นชอบขยายเวลาออกเอกสารรับรองบุคคลให้แรงงานเมียนมา ถึง 13 ก.พ.66
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเรื่องการออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity : CI) ให้แก่แรงงานเมียนมา ที่ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 เรื่อง การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เพื่อรองรับการฟื้นฟูประเทศ ภายหลังการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
“ให้ทางการเมียนมาเปลี่ยนเอกสารรับรองบุคคลให้แก่แรงงานเมียนมาที่มีเอกสารรับรองบุคคลฉบับเดิม ขยายเวลาดำเนินการได้ไม่เกินวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 รวมทั้งกรณีที่ทางการเมียนมาจะเพิ่มการตรวจสอบข้อมูลของแรงงานเมียนมาที่ไม่มีเอกสารประจำตัว เพื่อพิจารณาออกเอกสารรับรองบุคคลให้แก่แรงงานเมียนมาที่ได้รับอนุญาตทำงานเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีเอกสารประจำตัว ก็ให้ขยายถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ด้วย” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบสถานที่ออกเอกสารรับรองบุคคลในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดระนอง และจังหวัดชลบุรี ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน ร่วมดำเนินการในพื้นที่ 4 จังหวัดข้างต้น ในการพิจารณาอนุญาตทำงานให้แก่แรงงานเมียนมาที่มาขอเอกสารรับรองบุคคล ณ สถานที่ดังกล่าว หากทางการเมียนมาร้องขอสถานที่ออกเอกสารรับรองบุคคลเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงสถานที่การออกเอกสารรับรองบุคคล ให้ทางการเมียนมามีหนังสือร้องขอผ่านช่องทางการทูตและสามารถดำเนินการได้ไปพลางก่อน โดยมีระยะเวลาการดำเนินการไม่เกินวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566
“เพื่อให้แรงงานเมียนมาที่มีเอกสารรับรองบุคคลฉบับเดิมและที่ไม่มีเอกสารประจำตัว ได้รับสิทธิการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและการอนุญาตทำงานโดยถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับการคุ้มครองและมีสิทธิประโยชน์สวัสดิการคุ้มครองสิทธิที่พึงได้รับ รวมทั้งสามารถเดินทางกลับประเทศต้นทางได้ หลังจากที่วาระการจ้างงานสิ้นสุดลง หรือไม่ประสงค์จะทำงานอีกต่อไป ตลอดจนเป็นการลดความสุ่มเสี่ยงที่แรงงานบางส่วนจะเปลี่ยนเป็นแรงงานที่ไม่ถูกต้อง หากเอกสารประจำตัวสิ้นสุดอายุลง อันจะทำให้เกิดภาระการติดตามตรวจสอบของเจ้าหน้าที่และงบประมาณที่ต้องใช้” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย