อดีตตุลาการฯ ขอทุกฝ่ายเงียบรอฟังผลวินิจฉัยศาล รธน. ปมนายกฯ 8 ปี

อสมท 25 ส.ค. – อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มองมติ 5 ต่อ 4 สั่ง “พล.อ.ประยุทธ์” หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ คงไม่เกี่ยวกับกระบวนการวินิจฉัยช้าหรือเร็ว ชี้เป็นแง่ดี ลดแรงเสียดทาน ขอทุกฝ่ายหยุดคาดคะเนผล เงียบรอฟังศาล รธน.


ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุจิต บุญบงการ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงมติศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยในคำร้องเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีวาระ 8 ปี ว่า มติที่ออกมาถือว่าเป็นเสียงข้างมาก จะเอามาเป็นประเด็นที่จะพูดจาให้ขัดต่อความชอบธรรมคงเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ว่ามติจะออกมาแบบเฉียดฉิวก็ตาม

ส่วนการวินิจฉัยจะเป็นไปอย่างรวดเร็วหรือไม่ ตนไม่สามารถตอบได้ว่าจะช้าหรือเร็ว และไม่อยากก้าวล่วงการดำเนินงานของศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งไม่อยากจะเอาประเด็นที่สั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ไปยุ่งกับกระบวนการวินิจฉัย ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่กระบวนการวินิจฉัยก็ต้องดำเนินต่อไป


“ส่วนจะช้าหรือเร็ว คงไม่เกี่ยวกับมติที่ให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว เพราะเป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯ เพื่อไม่ให้มีข้อครหา นินทา หรือถูกมองว่าไปทำอะไรที่เป็นการกดดันตัวคำวินิจฉัยหรือไม่ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ เพียงแต่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น อีกทั้งยังทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ สบายใจขึ้น และไม่ตกเป็นเป้าว่ายังเป็นนายกฯ ในระหว่างการวินิจฉัยคดี ซึ่งการสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นผลดีต่อตัวนายกรัฐมนตรีเอง และยังลดกระแสจากภายนอกอีกด้วย” ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุจิต กล่าว

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุจิต ยังกล่าวว่า เท่าที่จำได้ การสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างวินิจฉัยคดี ยังไม่เคยมี

“ผมว่าเราต้องเลิกคิดเรื่องแนวโน้มว่าศาลจะวินิจฉัยอย่างไร พวกเราควรต้องเงียบและรอฟังคำวินิจฉัยว่าจะออกมาในรูปแบบใด แล้วค่อยมาว่ากัน การไปคิดว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ แต่กลับสร้างความสับสนมากกว่า” ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุจิต กล่าว


ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุจิต กล่าวว่า สำหรับกระบวนการวินิจฉัยคดีของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่ละชุดคงมีความแตกต่างกัน รวมถึงรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับก็มีความแตกต่างกันออกไปในแง่ของกระบวนการ จึงไม่สามารถตอบได้ว่า การวินิจฉัยคดีจะช้าหรือเร็ว รวมถึงต้องดูเรื่องของข้อมูลหลักฐานที่จะนำมาวินิจฉัยคดีว่ามีพร้อมแค่ไหน จึงเป็นหลายปัจจัย และไม่ควรไปคาดคะเนว่า เรื่องนี้ควรจะเร็วหรือควรจะช้า อีกทั้งตนอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญชุดแรก กระบวนการคงไม่สามารถนำมาเทียบเคียงกันได้. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง