ก.คลัง 8 ก.ย. – “ลวรณ” ปลัดกระทรวงการคลัง รับลูกโครงการคนละครึ่ง ด้านเลขาธิการ กอช.วอนรัฐบาลใหม่สานต่อ “หวยเกษียณ” ท่ามกลางบรรยากาศ อำลา 3 รัฐมนตรีคลัง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รับมอบพวงมาลัยและดอกไม้อำลาจากผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงานหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวงการคลัง หลังได้ร่วมผลักดันนโยบายการคลังหลายมาตรการ และร่วมกับทีมไทยแลนด์เจรจาต่อรองภาษีนำเข้าศุลกากรให้เหลือร้อยละ 19 เพื่อลดผลกระทบกับผู้ส่งออกไทย และในช่วงหนี้สาธารณะสูง เป็นปีแรกที่กระทรวงคลัง ผลักดันไม่ให้ก่อหนี้เพิ่มในการจัดทำงบประมาณปี 69 นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า โครงการคนละครึ่ง มีระบบแอปเป๋าตังรองรับอยู่แล้ว แต่หลังจากไม่ได้ใช้มาหลายเดือน อาจต้องลงทะเบียนร้านค้าใหม่เพิ่มเติม เพื่อนำกลับมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วน ในทางเทคนิกไม่มีปัญหา หากมีนโยบายออกมาชัดเจน พร้อมเดินหน้าได้ทันที เพื่อเริ่มดำเนินการได้ในวันที่ 1 ตุลาคม 68 โดยใช้งบประมาณปี 69 “ขณะนี้สามารถใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ มีอยู่ […]

กรุงเทพฯ​ 8​ ก.ย. – รมว.​เกษตร​ฯ​ เดินหน้าปราบสงครามสินค้าเกษตรเถื่อน คุมเข้มทุเรียนแช่แข็ง​ ป้องกัน​สวมสิทธิ์แหล่งผลิต – ยกระดับมาตรฐาน​ ปกป้อง​ตลาด​ส่งออก นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร ครั้งที่ 3/2568 ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมการนำเข้าส่งออก “ทุเรียนแช่เยือกแข็ง” โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องแนบเอกสารหลักฐานทุกครั้ง เพื่อป้องกันการนำเข้าทุเรียนจากต่างประเทศมาบรรจุใหม่แล้วสวมสิทธิ์ว่าเป็นทุเรียนไทย ซึ่งส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือสินค้าเกษตรของไทยในตลาดโลก “นี่คือหนึ่งในมาตรการเร่งด่วนของกระทรวงในการทำสงครามกับสินค้าเกษตรเถื่อนและการปลอมแหล่งผลิต ที่ผ่านมาเราสูญเสียความเชื่อมั่นมาไม่น้อย ต้องเร่งกู้คืนด้วยกติกาที่เข้มงวดและโปร่งใส” รมว.เกษตรฯ กล่าว ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้เคยประกาศใช้มาตรฐานสินค้าเกษตรที่เกี่ยวข้องกับทุเรียนแช่แข็งแล้ว 2 ฉบับ ได้แก่ มกษ. 9046-2560 ว่าด้วยการปฏิบัติที่ดีในการผลิตทุเรียนแช่เยือกแข็ง, มกษ. 9070-2566 ว่าด้วยหลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุ ปัจจุบันประเทศคู่ค้า เช่น จีน และเกาหลีใต้ ยังได้กำหนดให้ผู้ส่งออกต้องแนบผลวิเคราะห์สินค้าทุกชิปเมนต์ ครอบคลุม การตรวจเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค 4 ชนิด​ ตรวจโลหะหนักแคดเมียม​รวมทั้ง​ตรวจสารสีต้องห้าม Basic Yellow 2 (BY2)โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ […]

กรุงเทพฯ​ 8 ก.ย.​ – อธิบดี​กรม​การค้า​ต่างประเทศ ​เผยเตรียม​นำผู้ประกอบการ​ส่งออกข้าวหารือ​ทั้งภาค​รัฐ​และ​เอกชน​ของญี่ปุ่น​ หวังกระชับสัมพันธ์การค้าและ​รักษาตลาดข้าวไทย 3 แสนตันต่อปี พร้อมรับข้อเสนอญี่ปุ่นขอเพิ่มโควตาข้าวเข้าร้านอาหารในไทย นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศจะนำคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและภาคเอกชนไทย เดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น​ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าข้าวกับหน่วยงานสำคัญของญี่ปุ่น มุ่งรักษาส่วนแบ่งตลาดข้าวไทยในญี่ปุ่นให้คงอยู่ในระดับปีละประมาณ 300,000 ตัน​ โดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตข้าวในญี่ปุ่นลดลง ขณะที่ความต้องการบริโภคยังสูง ภารกิจหลักของคณะผู้แทนไทย ได้แก่ การเข้าพบและหารือกับหน่วยงานสำคัญของญี่ปุ่น ได้แก่ กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง (MAFF), บริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าวนำเข้า (OMIC), ผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ของญี่ปุ่น ได้แก่ Kitoku Shinryo, ITOCHU และ Kanematsu, โรงงานแปรรูปข้าวและผู้ผลิตอาหารที่ใช้ข้าวไทยเป็นวัตถุดิบ นอกจากหารือเพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทยแล้ว หน่วยงานของญี่ปุ่นยังได้เสนอขอความร่วมมือมายังกรมการค้าต่างประเทศให้ช่วยอำนวยความสะดวกในการนำเข้าข้าวญี่ปุ่น สำหรับใช้ในร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยเสนอให้ปรับเพิ่มโควตาการนำเข้า​จากเดิมกำหน​ดไว้ไม่เกิน 100 ตันต่อราย​ จากการ​หารือกับภาคส่ว​นต่าง​ๆ​ เชื่อ​ว่า​ ไม่กระทบตลาดข้าวไทย เนื่องจากเป็นการนำเข้าข้าวเมล็ดสั้นเพื่อการบริโภคเฉพาะกลุ่มและอยู่ในตลาดเฉพาะที่แตกต่างจากข้าวไทย ฝ่ายญี่ปุ่นให้เหตุผลว่า การนำเข้าข้าวญี่ปุ่นเพื่อใช้ในร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาอัตลักษณ์อาหารต้นตำรับ และเป็นเพียงสัดส่วนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตลาดข้าวในไทยโดยรวม ซึ่งเรายินดีพิจารณาตามกรอบที่ไม่กระทบต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย” […]