ส.ส.ก้าวไกล อัดเละ กมธ.รับฟังความเห็นนิสิต นักศึกษาฯ

รัฐสภา 2 ก.ย.- ส.ส.ก้าวไกล อัดเละ กมธ.รับฟังความเห็นนิสิต นักศึกษาฯ ซัดไร้ประโยชน์ ไม่พูดถึงการปกป้องจาก ม.116 ที่รัฐใช้เป็นแท็กติกกดหัวประชาชน


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณารายงานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณามีมติให้รับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน และประชาชน ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งมี ส.ส.ก้าวไกล สลับกันลุกขึ้นตำหนิรายงานฉบับดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อาทิ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ฝ่ายค้านไม่ขอเข้าร่วม กมธ. คณะนี้ เพราะเห็นว่า ข้อเรียกร้องของนักศึกษาครบถ้วนแล้ว จึงไม่เห็นประโยชน์จากรายงานฉบับนี้ ซึ่งเนื้อหาของรายงาน กมธ. พบว่า สามารถเชิญกลุ่มนักศึกษาได้เพียงกลุ่ม Gen กล้า กลุ่มเดียวเท่านั้น ไม่มีความเห็นของกลุ่มตัวแทนของนักศึกษาที่หลากหลาย เพราะพวกเขาเห็นว่า เปล่าประโยชน์ที่จะมาร่วม เนื่องจาก กมธ.ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ผู้มีอำนาจคนที่สร้างปัญหาที่พวกเค้าอยากให้มารับฟัง ขณะเดียวกัน การลงพื้นที่ร่วมสังเกตการณ์การชุมนุม 7 เวทีของกมธ.นั้น คิดว่า ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนเวทีที่จัดทั่วประเทศ

นางอมรัตน์ กล่าวว่า นอกจากนี้จากรายงานในส่วนของ สพฐ. ที่บอกว่า ไม่ได้มีนโยบายหรือคำสั่งห้ามจัดชุมนุมในสถานศึกษา โดยได้ทำหนังสือเวียนไปยังผู้บริหารโรงเรียนให้เปิดพื้นที่ให้แสดงความเห็น แต่ในความเป็นจริงกลับมีข้อร้องเรียน ถูกครูอาจารย์คุกคามละเมิดสิทธิเต็มไปหมด เช่นเดียวกับ ในส่วนของ สตช. ก็บอกว่า ได้สร้างทัศนคติที่ดีต่อผู้ชุมนุมได้ให้ความสะดวก ได้ปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน แต่ในความเป็นจริงตนได้ลงไปร่วมสังเกตการณ์ในหลาย สน. พบว่า ทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นจริง อย่าง เหตุการณ์สาดสีใส่เจ้าหน้าที่ที่ สน.สําราญราษฎร์ ก็เกิดจากความพยายามไม่ให้กลุ่มผู้ให้กำลังใจผู้ต้องหาเข้าไปในบริเวณ สน. นำแผงเหล็กมาปิดกั้น ขอตรวจบัตรประชาชน สร้างแรงกดดันจนรู้สึกถูกปฏิบัติแบบไม่ให้เกียรติ ทั้งๆ ที่บอกว่า เป็นโรงพักของประชาชน อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์การขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ขณะนี้ ท่านอ้างว่า คนที่ออกมาเป็นคนบางส่วนเท่านั้น อยากถามว่าท่านจะรอให้ 67 ล้านคนออกมาให้ครบถึงจะยอมรับความจริงหรือย่างไร เรื่องนี้ทำให้ตนนึกถึงขาลงของทรราชทั่วโลกที่เมื่อประชาชนออกมาขับไล่ก็จะมีอาการหลอน หลอกตัวเอง ไม่ยอมรับความจริง เชื่อข้อมูลหลอกลวงจากคนแวดล้อม กว่าจะลงจากอำนาจได้ก็ลงแบบมีโศกนาฏกรรม


นายวิโรจน์ ลักขนาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า สิ่งที่ไม่ปรากฏในรายงานนี้คือ นวัตกรรมในการคุมคามประชาชนที่รัฐบาลรังสรรค์ขึ้นมา นั้นคือมาตรา 116 ข้อหายุยงปลุกปั่น เป็นข้อหายอดฮิต ที่ถูกเอาใช้ตั้งแต่มีการทำรัฐประะหาร โดย กบฎ คสช. ปี 2557 และใช้จนถึงปัจจุบัน มีการกล่าวหาประชาชนที่แสดงความคิดเห็นตรงข้ามกับรัฐบาล ไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไร ชูสามนิ้ว ผูกโบว์ขาว กระกระดาษเปล่า ร้องเพลงแร๊พ ด่าตุ๊กตา อภิปรายถึงความล้มเหลวของรัฐบาลก็จะถูกดำเนินการด้วยมาตรา 116 อย่างพร่ำเพื่อทั่วประเทศ จนปั่นทอนนิติรัฐของประเทศให้สูญสลาย ขอตั้งคำถามว่าประเทศที่มีประชาชนถูกดำเนินคดีด้วยข้อหายุยงปลุกปั่นทุกวัน ประเทศนี้อยู่ไม่ได้แล้ว มีคนโดน 116 ทุกวัน สิ่งที่ผู้ชุมนุมเรียกร้อง ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เปลี่ยนนายกฯเปลี่ยนรัฐบาล เขาไม่ได้คุกคาม ไม่ได้ข่มขู่ใคร ทุกคนที่มาชุมนุมมาด้วยความสมัครใจ จึงไม่เข้าองค์ประกอบมาตรา 116 แล้วทำไมต้องใช้มาตรา 116 หรือข้อหายุยงปลุกปั่น เพราะข้อหานี้มีโทษจำคุกถึง 7 ปี ตำรวจสามารถขอศาลออกหมายจับได้เลยโดยที่ไม่ต้องมีหลายเรียก และเงินประกันตัวก็สูงหลักแสนบาท นี้เป็นแท็กติกในการใช้คุกคามประชาชน คือสร้างภาระ สร้างชะนักปักหลังให้ประชาชน นักเรียกนักศึกษาให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ของรัฐบาลชุดนี้

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า รายงานฉบับนี้ไม่ได้พูดถึงและไม่ได้ให้คำแนะนำในการปกป้อง สิทธิเสรีภาพของประชาชนในการปกป้องตนเองคือการใช้ มาตรา 200 ของประมวลกฎหมายอาญา ที่ผ่านมาข้อกล่าวหาในมาตรา 116 จากสถิติเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็มักจะสั่งไม่ฟ้อง จำหน่ายคดี หรือยกฟ้อง นี่จึงเป็นหลักฐานโดยชัดแจ้งว่ามาตรา 116 ถูกใช้เป็นเครื่องมือในกรกลั่นแกล้งรังแกประชาชนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น กมธ. ชุดนี้ควรจะแนะนำนักเรียก นักศึกษาว่า หากยืนยันว่าแสดงสิทธิเสรีภาพเป็นไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญ ไม่มีการใช้กำลังคุกคาม ข่มขู่ผู้ใดให้มาร่วมชุมนุม หากถูกพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาในมาตรา 116 ผู้ชุมนุมปรึกษาศูนย์ทนายสิทธิฯ หาทนายไปฟ้องร้องต่ออศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยตรง และให้ฟ้องมาตรา 200 พ่วงมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อไม่ให้พนักงานสอบสวนและ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจเอามาตรา 116 กดหัวประชาชนไม่จบสิ้น

“เจ้าหน้าที่ตำรจมักอ้างกับตนเสมอว่านายสั่งมา ผมขอฝากไปยังตำรวจทุกคนว่า ถ้าท่านโดนมาตรา 200 มีผลแน่ๆ กับหน้าที่การงานของท่าน และนายท่านก็ต้องย้าย ต้องเกษียณไป นายใหม่มาจะดูแลท่านหรือไม่ และเมื่อคดีเข้าสู่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ต่อให้นายท่านจะเป็นใครก็ช่วยเหลือท่านไม่ได้ ผมยืนยันว่ารายงานฉบับนี้ควรเพิ่มเติมว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรใช้มาตรา 116 ในการคุกคามประชาชนแบบนี้อีกต่อไป และแนะนำให้ประชาชนทุกคนที่โดน 116 ให้คืน 200 กลับไปที่ตำรวจทุกนาย และให้กระบวนการยุติธรรมสร้างบรรทัดฐานเพื่อยุติการใช้มาตรา 116 กดหัวประชาชนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”นายวิโรจน์ กล่าว


ด้านนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในประธาน กมธ. ชี้แจงว่า ตั้งแต่ กมธ. ได้รับแต่งตั้ง สิ่งแรกที่เรารู้สึกเสียใจคือ กมธ.ชุดนี้ไม่สมประกอบ เพราะมีแต่สัดส่วนพรรคร่วมรัฐบาล ถือเป็นความเสียใจที่สภาฯ จากตัวแทนประชาชน จะช่วยกันแสวงหาทางออกให้บ้านเมือง แต่กลับผลักภาระไปให้กับรัฐบาล การทำงานที่ผ่านมาเรารู้ทันทีว่า ต้องเจอกันอะไรบ้าง อย่างที่นางอมรัตน์ ระบุว่า กมธ.ชุดนี้เชิญเยาวชนมาได้เพียงกลุ่มเดียว ซึ่งตนยอมรับ ส่วนกลุ่มอื่นไม่ใช่กมธ.เพิกเฉย แต่เมื่อเชิญแล้วกลับได้คำตอบว่า ไม่ขอเข้าร่วม เพราะพวกเขารู้สึกว่า กมธ.คณะนี้ถูกตั้งมาขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนรัฐบาล เพื่อมาซื้อเวลา ตนยืนยันว่า กมธ.ไม่ได้เป็นตัวแทนรัฐบาล ไม่ได้มีการซื้อเวลา เพราะเราได้เวลาจากสภาฯ 90 วัน แต่ตนทราบว่า เรื่องนี้่เร่งด่วน จำเป็นต้องให้รัฐบาลแก้ไข กมธ.จึงใช้เวลาไม่ถึง 30 วันเพื่อสรุปเอาคำตอบมาให้สภาฯ ส่วนกรณีที่บอกว่า เราไปเวทีชุมนุมเพียง 7 เวทีมันน้อยไป ซึ่งกมธ.มีอยู่กันเท่านี้ ทำไมฝ่ายค้านไม่มาร่วมกับพวกเรา ตนชวนแล้วก็ไม่เอา บอกอย่างเดียวว่า ต้องส่งให้รัฐบาล แต่เสียงในสภาฯให้ตั้งกมธ.ก็ไม่มาร่วมด้วย มันเลยไปได้แค่ 7 เวทีเท่านั้น ส่วน ม.116 นั้น กมธ. ได้แสดงความเป็นห่วงกับตำรวจ แต่ผลที่ออกมาเพราะ เราควบคุมไม่ได้ สิ่งที่เราจะทำได้ร่วมกันในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติต้องไม่อยู่เฉย และไม่ผลักภาระไปให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่เราควรร่วมมือกันแล้วเรียกร้องข้อนี้ให้เกิดขึ้น

ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิรายว่า ตนเห็นด้วยกับประธานกมธ.ว่ารายงานฉบับนี้ไม่สมประกอบจริงๆ เหตุผลที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วม กมธ. เพราะเรารู้ดีว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้เป็นปัญหาระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ และประชาชน หลายเรื่องที่เขียนในรายงานเล่มนี้ไม่จำเป็นต้องส่งรายงานเล่มนี้ให้พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเราก็รู้กันดีว่า ประชาชนต้องการอะไร ดังนั้น การตั้งกมธ.ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเราต่างรู้ดีว่า หน้าที่ที่จะต้องทำคือ การส่ง พล.อ.ประยุทธ์ ไปรับฟังประชาชนอย่างตั้งอกตั้งใจ รัฐบาลจะต้องไม่หลบซ่อนอยู่ข้างหลัง แต่จะต้องออกมาเผชิญหน้าต่อประชาชน แต่ถ้าเราดูในส่วนของข้อเรียกร้องที่ต้องการให้หยุดคุกคามประชาชน ถือเป็นหน้าที่พื้นฐานของรัฐที่จะต้องปกป้องไม่ให้เกิดขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดมา เรากลับพบว่า การข่มขู่คุกคามสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องไปรับฟังความคิดเห็นนักศึกษา และประชาชนด้วยตัวเอง ท่านจะต้องโผล่หัวออกจากกะลาแล้วออกมาเผชิญหน้า สบตาประชาชนในฐานะที่เท่าเทียมกัน ฟังทุกข้อเรียกร้อง ฟังเสียงประณามด้วย 2 หู ของท่านเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งของการอภิปราย นายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.ปทุมธานี พรรคภูมิใจไทย อดีตพรรคอนาคตใหม่ ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า “เหตุที่ กมธ.ชุดนี้ไม่สมประกอบ เพราะฝ่ายค้านเล่นการเมืองแบบเก่า จึงอยากเรียกร้องว่า วันนี้เรามีรัฐสภาใหม่ มีรัฐบาลชุดใหม่แล้ว ตนอยากเห็นการเมืองแบบใหม่ จึงอยากให้ฝ่ายค้านเล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์มากกว่านี้ ไหนที่ผ่านมาบอกจะเล่นการเมืองแบบใหม่ สร้างสรรค์”

ทำให้นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตอบโต้นายอนาวิลล โดยยืนยันว่า “พรรคก้าวไกลทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ การบอกว่า เราไม่เข้าร่วมกมธ.แล้วตีความถึงเจตนาว่า เราเล่นการเมืองแบบเก่านั้น ขอปฏิเสธ เพราะยืนยันไปแล้วตั้งแต่วันตั้งกมธ.ว่า ข้อเสนอของนักศึกษาสามารถถึงนายกฯได้เลย การจะเทียบการเมืองแบบเก่าหรือแบบใหม่ ขอเทียบกันง่ายๆคือ การเมืองแบบเก่ามีการซื้อตัว ขายตัวส.ส. ซึ่งคนทั่วประเทศไทยเรียกกันว่า งูเห่า ผมคิดว่า พรรคก้าวไกล หรืออดีตอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไป เราไม่มีความคิดที่จะไปซื้อตัว หรือไปดึงเพื่อนส.ส.จากพรรคอื่นให้มาอยู่กับเราเลย”

ทั้งนี้การพิจารณารายงานดังกล่าวยังไม่เสร็จ เนื่องจากมีผู้ต่อคิวอภิปรายเป็นจำนวนมาก กระทั่งเวลา 19.00 น. นายศุภชัย ประธานการประชุมได้สั่้งปิดประชุมเพื่อพิจารณาต่อในวันที่ 3 ก.ย.นี้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมตัวเมืองน่าน-เขตเศรษฐกิจขยายวงกว้าง

น่าน 23 ก.ค. – ตอนนี้น้ำท่วมตัวเมืองน่าน รวมทั้งเขตเศรษฐกิจ ยังเพิ่มสูงขึ้นและแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ หลังระดับน้ำท่วมสูงเกิน 9 เมตร และทะลักเข้าท่วม .-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

ตอบโต้เขมร! ปิด 4 ด่าน หลังทหารเหยียบกับระเบิดขาขาดอีก 1 ราย

23 ก.ค.- ศบ.ทก. เห็นชอบให้ทัพภาค 2 ปิดด่านชายแดน-สถานที่ท่องเที่ยว 4 จังหวัดอีสานใต้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ (24 ก.ค.) หลังล่าสุดทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดอีกราย จากกระแสข่าวมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดบริเวณแนวชายแดนไทยกัมพูชาเมื่อเวลา 16.55 น. นั้น ล่าสุด แหล่งข่าวจากศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงโดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ปรึกษามาที่ ศบ.ทก. เพื่อขออนุญาตปิดด่านในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีษะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวชายแดน เพื่อเป็นการประท้วงกัมพูชา จากการลักลอบวางทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้น ซึ่ง ศบ.ทก. เห็นชอบ ขณะเดียวกันจะส่งหนังสือประท้วงโดยใช้กลไก RBC และรายงานกระทรวงต่างประเทศ เพื่อประท้วงต่อไป ดังนั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) จะปิดด่านชายแดนทั้งหมดในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานใต้ของไทย หลังจากที่ฝั่งไทยมีการกำหนดเวลาเปิด-ปิด และในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง 3 ปราสาท คือ ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย […]

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย