ทำเนียบ 8 ก.ค.-ครม.เห็นชอบ ถอนร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หลังปรับ ครม.ใหม่ ชี้มีประเด็นต้องให้เวลาทำความเข้าใจกับสังคม
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (8 ก.ค.68) เห็นชอบตามที่ กระทรวงการคลัง (กค.) นำเสนอ ครม.พิจารณา อนุมัติให้ถอน “ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ….. ” ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้เสนอร่างฯ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรโดยกำหนดกลไกการดำเนินการผ่านระบบคณะกรรมการ 2 ระดับ คือ คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรและคณะกรรมการบริหารสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรโดยมีสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรเป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการดังกล่าว กำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาต รวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมและกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรให้มีมาตรฐานและเหมาะสม
ทั้งนี้ ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 13 ม.ค.68 อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติฯดังกล่าวตามที่ กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้นำความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 รวมทั้งรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้ตรวจพิจจรณาร่างพระราชบัญญัติตามข้อ 22 เสร็จแล้ว และได้แก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดต่าง ๆ ให้ชัดเจนขึ้น และแก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญ และคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (27 มีนาคม 2568 ) เห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ของ กค. ที่ สคก. ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป จากนั้นคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (1 เมษายน 2568) รับทราบ การสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม 2568 ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุในระเบียบวาระแล้ว
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า วันนี้ ที่ประชุม ครม.สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า กระทรวงการคลังได้เสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร นั้น เนื่องจากได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและมีการแต่งตั้งรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ประกอบกับร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาคสังคม เห็นสมควรถอน ร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น จึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ และหากไม่มีข้อทักท้วงหรือไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่นให้ถือเป็นมติคณะรัฐมนตรี โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ถอนร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวตามที่ กระทรวงการคลังเสนอตามเหตุผลดังกล่าวข้างต้น.-316.-สำนักข่าวไทย