“ธีรรัตน์” ปิดการฝึกบริหารจัดการภัยสึนามิ

ภูเก็ต 27 มิ.ย. – “ธีรรัตน์” ปิดการฝึกบริหารจัดการภัยสึนามิ (C-MEX 25) ชื่นชมทุกภาคส่วนร่วมฝึกซ้อมด้วยความมุ่งมั่น พร้อมย้ำ 4 มาตรการ “พัฒนาต่อยอด ทดสอบความพร้อม ให้ความสำคัญการฝึก และทำอย่างต่อเนื่อง” เพื่อประชาชนมีความปลอดภัยสูงสุด


น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานตรวจเยี่ยมกำลังพลและภาคีเครือข่าย เเละปิดการฝึกการบริหารวิฤตการณ์ระดับชาติด้านสาธารณภัย ประจำปี พ.ศ. 2568 (Crisis Management Exercise: C-MEX 25) จากภัยสึนามิ ในพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน ณ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 36 จังหวัดภูเก็ต ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมีการถ่ายทอดการฝึกซ้อมจากอีก 5 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันมายัง จ.ภูเก็ต โดยมี นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ท.อนุสรณ์ โออุไร แม่ทัพน้อยที่ 4 นายรัชกรณ์ นภาพรพิพัฒน์ รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้แทน จ.กระบี่ พังงา ระนอง ตรัง และ จ.สตูล ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลต่างประเทศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่าย ร่วมฝึกซ้อมในพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน จำนวนกว่า 1,000 คน

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการฝึกซ้อมร่วมกัน 6 จังหวัด 6 จุดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยที่เคยเกิดสึนามิเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งรัฐบาล ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ส่งเสริมให้ทุกคน ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะชุมชนและประชาชนตระหนักถึงภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อและมีความรุนแรงขึ้น ซึ่งการรวมพลังในวันนี้ที่หลาย ๆ หน่วยงานเข้ามาร่วมกันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ที่จะทำให้เกิดการสร้างการรับรู้กับพี่น้องประชาชน และสร้างความมั่นใจกับประชาชนว่าทางภาครัฐมีความพร้อม เป็นไปอย่างมีเอกภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล


ในบทเรียนหลายครั้งที่ผ่านมา เมื่อเกิดภัยเราได้ถอดบทเรียนและนำมาปรับปรุงแผนเผชิญเหตุเพื่อให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุดที่เราสามารถป้องกันได้ ทั้งเรื่องบุคลากร อุปกรณ์ต่าง ๆ เราพร้อมเต็มที่ และเรายินดีให้การสนับสนุนซึ่งกันและกันไม่ว่าในพื้นที่ไหน จะเป็นความรับผิดชอบหน่วยงานใด ทุกหน่วยงานสามารถช่วยกันเติมเต็มให้ภารกิจประสบความสำเร็จได้ จึงเป็นการที่ทำให้ทุกหน่วยได้มีส่วนร่วมกันและทุกคนได้มีความกระตือรือร้นอย่างจริงจังมาก จึงฝากให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และเป็นประจำ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อหากเกิดสถานการณ์จริงจะสามารถปฏิบัติตนให้เกิดความปลอดภัย ไม่เกิดการโกลาหลหรือชุลมุนขึ้น

น.ส.ธีรรัตน์ ได้เน้นย้ำ 4 ข้อสั่งการเพื่อให้การป้องกันสาธารณภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ 1. นำบทเรียนจากการฝึกในครั้งนี้ไปสู่การพัฒนา ต่อยอด ที่สอดคล้องตามกฎหมาย แผนว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในทุกระดับ ทั้งระดับชาติ จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2. ให้มีการทดสอบความพร้อมของหอเตือนภัย เครื่องมือ อุปกรณ์ ระบบสื่อสาร เครื่องจักรกลสาธารณภัย ยุทโธปกรณ์ และกำลังพล ที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดความพร้อมในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล 3. ให้จังหวัดให้ความสำคัญกับการฝึกแบบบูรณาการร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบการจัดการสาธารณภัย เพื่อร่วมสร้างความเข้มแข็ง และสังคมแห่งความปลอดภัยอย่างยั่งยืน และ 4. ให้หน่วยงานภาคีเครือข่าย ภาครัฐบาล ภาคเอกชน มูลนิธิ อาสาสมัครกู้ชีพกู้ภัย จิตอาสาร่วมเตรียมความพร้อมเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งบูรณาการร่วมกันเพื่อพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการสาธารณภัยของประเทศ และเกิดเครื่อข่ายด้านการป้องกันและบรรเทาสาธาธารณภัยครอบคลุมทุกพื้นที่

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอขอบคุณและชื่นชมทุกภาคส่วนที่มุ่งมั่นจนทำให้การฝึกภาคปฏิบัติครั้งนี้สำเร็จลุล่วง และในส่วนความรู้วิชาการก็ได้มีการให้ความรู้ในเรื่องข่าวสารที่เป็นประโยชน์ในแต่ละพื้นที่เพื่อนำความรู้ที่ได้รับไปกระจายต่อให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างทั่วถึง โดย มท. ร่วมกับทุกภาคส่วนทำงานอย่างใกล้ชิดและมีบุคลากรที่ทำให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพมากและเมื่อเกิดเหตุการณ์สิ่งเราก็พร้อมที่จะรับมือ ทั้งยังได้มีการเชิญตัวแทนสถานทูตและสถานกงสุลได้มาร่วมชมการสาธิตของเราด้วย ทำให้เขาได้รับทราบว่าเรามีการเตรียมความพร้อมอย่างไรเพื่อที่จะเมื่อมีการสอบถามจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทางสถานทูตก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลได้เลยว่า ไทยเรามีการเตรียมความพร้อมด้วยการฝึกซ้อมอยู่เสมอเป็นประจำต่อเนื่อง สามารถสร้างความมั่นใจให้กับชาวต่างชาติที่เข้ามาเยือนประเทศไทยด้วย


ด้านนายภาสกร กล่าวว่า การฝึกในครั้งนี้ครอบคลุมตั้งแต่การแจ้งเตือนภัย การอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย การกู้ภัย การแพทย์และสาธารณสุข การจัดการศูนย์พักพิง และการกู้ภัยทางน้ำและอากาศยาน ระหว่างวันที่ 24-27 มิ.ย. 68 โดยมีภาครัฐภาคเอกชนมูลนิธิองค์กรสาธารณกุศลภาคประชาชนและจิตอาสา 180 หน่วยงาน และผู้ร่วมฝึก 1,000 คน มีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อทดสอบแผนเผชิญเหตุของ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน รวมทั้งยังเป็นการทดสอบความเชื่อมโยงของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ทุกระดับ ทั้งในระดับนโยบาย ระดับอำนวยการ และระดับปฏิบัติ เพื่อพัฒนาศักยภาพหน่วยงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้มีความพร้อมในการบริหารจัดการสาธารณภัยอย่างมีประสิทธิภาพ เจ้าหน้าที่และประชาชนมีความรู้ในการปฏิบัติตน โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยสึนามิ ที่เคยเกิดเหตุการณ์เมื่อปี 2547 ทำให้มีผู้เสียชีวิตในพื้นที่ประเทศไทยกว่า 5,400 คน ผู้ได้รับบาดเจ็บ และสูญหายจำนวนมาก รวมถึงทรัพย์สินของประชาชนเสียหายคิดเป็นมูลค่าหลายแสนล้านบาท

การฝึกการบริหารวิฤตการณ์ระดับชาติด้านสาธารณภัยในครั้งนี้ ได้จำลองสถานการณ์การตรวจพบระดับน้ำมีการเปลี่ยนแปลงที่หุ่นตรวจคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย และทะเลอันดามัน แล้วได้รับการยืนยันว่าเกิดสึนามิที่มีผลกระทบต่อประเทศไทย โดยคาดว่าจะขึ้นฝั่งที่ จ.ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง และสตูล ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ และศูนย์ปฏิบัติการท้องถิ่นทั้ง 6 จังหวัดจึงได้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับมือเหตุสึนามิที่เกิดขึ้น และเป็นศูนย์กลางระดมสรรพกำลังในการช่วยเหลือประชาชน โดยร่วมมือกับกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยซึ่งได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้กดสัญญาณเตือนไปยัง 6 จังหวัดเพื่ออพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยโดยด่วน

สำหรับพื้นที่ฝึกซ้อมใน 6 จังหวัด ได้แก่ 1. ระนอง บริเวณบ้านบางเบน และบ้านอ่าวเคย ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ เปิดสัญญาณหอเตือนภัย 1 จุด 2. พังงา บริเวณบ้านน้ำเค็ม บ้านบางสักเหนือ และบ้านบางสักใต้ ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า เปิดสัญญาณหอเตือนภัย 4 จุด 3. กระบี่ บริเวณหาดนพรัตน์ธารา ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ เปิดสัญญาณหอเตือนภัย 1 จุด 4. ตรัง บริเวณหาดทรายทอง ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน เปิดสัญญาณหอเตือนภัย 1 จุด 5. สตูล บริเวณ ต.ตันหยงโป อ.เมืองสตูล เปิดสัญญาณหอเตือนภัย 2 จุด และ 6.ภูเก็ต บริเวณหาดกมลา อ.กะทู้ เปิดสัญญาณหอเตือนภัย 1 จุด โดยการฝึกซ้อมจะมีการส่งสัญญาณเตือนภัยจากหอเตือนภัยสึนามิของแต่ละพื้นที่เสมือนจริง แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ เสียงแบบ M2 “เกิดแผ่นดินไหวในทะเล อาจเกิดคลื่นสึนามิ ขอให้ออกจากชายหาด ไปยังที่สูงโดยด่วน” และเสียงแบบ M3 “ขณะนี้เกิดคลื่นสึนามิ ขอให้ออกจากชายหาด ไปยังพื้นที่สูงโดยด่วน”

จากนั้น เป็นการสาธิตการกู้ภัยทางบก และการจัดการศูนย์พักพิง ด้วยการอพยพประชาชนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัย และหลังเกิดสถานการณ์ ได้มีการค้นหาผู้ประสบภัยบริเวณซากอาคาร ซากรถยนต์ และพื้นที่โดยรอบ พร้อมทั้งแยกระดับของผู้บาดเจ็บเพื่อลำเลียงไปยังสถานพยาบาล นอกจากนี้ ได้รับชมสาธิตการค้นหาผู้ประสบภัย สถานีกู้ภัยทางน้ำและอากาศยาน โดยได้รับการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์จากฐานทัพเรือภาคที่ 3 และกรม ปภ. และเรือจากกรม ปภ. สำนัก ปภ.กทม. กรมเจ้าท่า และมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ด้วยการลำเลียงผู้ประสบภัยที่ลอยคออยู่ในทะเลกลับเข้าสู่ฝั่ง.-319​ -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

ฝนถล่มน้ำท่วมหลายพื้นที่ ส่งสัญญาณรับมือฤดูน้ำหลาก

เชียงราย 27 มิ.ย. – ชาวบ้านอย่างน้อย 4,000 ครอบครัวใน 5 อำเภอของเชียงราย เดือดร้อนหนักจากน้ำท่วม หลังฝนตกทั้งคืน โดยเฉพาะ อ.พญาเม็งราย วัดปริมาณฝนได้กว่า 300 มิลลิเมตร น้ำท่วมสูงเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุออกจากบ้านเพื่อความปลอดภัย ล่าสุดแม้ระดับน้ำที่ท่วมหลายจุดเริ่มลดลงแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะน้ำท่วมครั้งนี้เป็นเหมือนสัญญาณเตือนให้เตรียมรับมือฤดูน้ำหลากในปีนี้.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ คุยตรง “มาครง” หวังฝรั่งเศสประสานเอื้อเจรจาทวิภาคีไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 27 มิ.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” หารือ “ปธน.มาครง” ทางโทรศัพท์ กระชับความสัมพันธ์ ยันให้ความสำคัญกับบทบาทศูนย์กลางของอาเซียนรับมืออาชญากรรมข้ามชาติ-ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ย้ำ ไทยหนุนกลไกล JBC ทำงานเดินหน้าด้วยดี หวัง ฝรั่งเศส ประสานความร่วมมือ เอื้อเจรจาทวิภาคีไทย-กัมพูชา เมื่อเวลา 16.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายเอมานูว์แอล มาครง (H.E. Mr. Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยนายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีมาครง แสดงความยินดีที่ได้พูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีรับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ยืนยันความตั้งใจที่จะยกระดับความสัมพันธ์ไทย–ฝรั่งเศส สู่ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์โดยเร็ว พร้อมแสดงความยินดีหากประธานาธิบดีมาครง จะเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในห้วงที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดขององค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส (Organisation Internationale de la Francophonie : OIF) ที่กัมพูชาในปีหน้า ซึ่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้เชิญนายกรัฐมนตรีเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ รวมถึงเชิญเข้าร่วมการประชุม Paris Peace Forum ที่ฝรั่งเศส เช่นกัน […]

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

“ภูมิธรรม” เผยวงถก สมช. ยังคุมเข้มมาตรการชายแดนกัมพูชา

ทำเนียบ 27 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” เผยที่ประชุม สมช. ยังคุมเข้มมาตรการชายแดนกับกัมพูชา แต่ไม่เพิ่มมาตรการ เชื่อสถานการณ์จะดีขึ้น ความรุนแรงเป็นสิ่งสุดท้ายในการแก้ปัญหา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่าวันนี้มีการพิจารณาทบทวนมาตรการต่างๆ ในการดูแลพื้นที่ชายแดนมั้งหมด ยังยืนยันปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา ยังใช้มาตรการเดิมเพราะเป็นมาตรการที่ยังใช้ได้ และยืนยันจะใช้สันติวิธีและพยายามหลีกเลี่ยงผลกระทบ ไม่ให้ประชาชนสองฝ่ายได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ยังมีมาตรการสนับสนุนเจรจาของทั้งสองฝ่าย ส่วนการปิดด่านผ่านแดง ยังอยู่ใน ขั้นที่หนึ่งและสอง คือการจำกัดเวลาเข้าออก และการอนุญาตตัวบุคคล สิ่งที่กัมพูชาประกาศมาตรการใดๆ ออกมา โดยเฉพาะเรื่องการปิดด่านต่างๆ ถือเป็นเหตุและผลของกัมพูชา แต่ของไทยยังยืนยันในความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหา ส่วนมากมาตรการ seal stop safe อยากให้กลับไปทบทวน ว่า สิ่งที่ดำเนินการไป 3-4 เดือน ให้เร่งดำเนินการประเมินผล ว่ายังต้องคงมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟฟ้า อยู่หรือไม่เพราะขณะนี้ชายแดน ส่วนที่เป็นปัญหาอยู่เดิมเริ่มลดน้อยลง แต่ก็ยังมีบางส่วนที่เข้าไปลึกกว่านั้น ก็ต้องดูว่าจะจัดการอย่างไร โดยมอบหมายให้คณะเล็กไปพิจารณาดำเนินการ ส่วนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เสนอให้ยกเลิกการจัดกิจกรรม ครบรอบจากสถาปนาความสัมพันธ์ไทยกัมพูชา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ได้เสนอเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม […]