กรุงเทพฯ 26 มิ.ย. – “เอกนัฏ” ย้ำอุตสาหกรรมไทยต้องโปร่งใส ชี้ความท้าทายคือโอกาสแนะนักลงุทนปรับตัวรับเทรนด์ความยั่งยืน ขณะที่บีโอไอ เผยครึ่งปีแรกต่างชาติลงทุนพุ่ง
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ว่า แม้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย จะเผชิญความท้าทายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า รวมถึงปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจ แต่สำหรับการลงทุนในประเทศไทย ส่วนตัวมองว่าเป็นโอกาส ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรม ได้แก้กฎเกณฑ์และกฎหมาย เพื่อปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยให้สะอาด ตรวจสอบได้ เช่น เรื่องโรงงานเหล็กไม่ได้มาตรฐาน การจัดการของเสียในโรงงาน อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญต่างๆ รวมถึงการกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้คนไทยปลอดภัย ปัจจุบันทั่วโลกมุ่งหน้าไปสู่ความยั่งยืน ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของนักลงทุน ที่จะต้องปรับตัวรับเทรนด์โลก โดยเฉพาะด้านความยั่งยืน
ด้านนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนบีโอไอ เปิดเผยว่า ครึ่งปีแรกของปี 2568 ประเทศไทยยังเนื้อหอม ต่างชาติยังเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขขอรับการส่งเสริมการลงทุนครึ่งแรกของปี 2568 พบว่าสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2567 เตรียมเปิดเผยตัวเลขมูลค่าการลงทุนเดือนกรกฏาคมนี้

นายนฤตม์ กล่าวว่า ปัจจุบันนวัตกรรมมีความสำคัญมากขึ้น ความแข็งแกร่งทางเทคโนโลยีของญี่ปุ่นและความสามารถของผู้ประกอบการในอาเซียน ทำให้เกิดสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ ซึ่งจะกลายเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงในภูมิภาค เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพ บีโอไอได้ออกแบบและปรับเปลี่ยนแพ็คเกจส่งเสริมการลงทุนเพื่อตอบสนองความต้องการของสตาร์ทอัพมากขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนทางการเงิน โดยได้เปิดตัวโครงการ BOI Matching Fund ที่มอบเงินทุนสูงสุดถึง 50 ล้านบาท ให้กับสตาร์ทอัพ เพื่อเร่งสร้างการเติบโตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก
นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการดึงดูดผู้มีความสามารถ ด้วยวีซ่าผู้พำนักระยะยาว (LTR) ผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูงสามารถอยู่ได้ 10 ปีพร้อมใบอนุญาตทำงานอัตโนมัติและสิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โครงการสมาร์ทวีซ่ายังสนับสนุนผู้ประกอบการสตาร์ทอัพที่สร้างสตาร์ทอัพในอุตสาหกรรมเป้าหมายในประเทศไทยอีกด้วย ทั้งนี้เรายังได้เสนอสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคนวัตกรรม เช่น เทคโนโลยีดิจิทัล เทคโนโลยีชีวภาพ ฟินเทค เป็นต้น. -517 -สำนักข่าวไทย