กรุงเทพฯ 10 มิ.ย. – 4 หน่วยงานรัฐ ร่วมตรวจสอบสินค้านำเข้าจากประเทศโมร็อกโก พบว่า เข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายภายใต้อนุสัญญาบาเซล จำนวน 36 ตู้ คอนเทนเนอร์ น้ำหนักรวม 736 ตัน หากหลุดออกไปได้จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง
กรมศุลกากร, กรมโรงงานอุตสาหกรรม, กรมสอบสวนคดีพิเศษ และการท่าเรือแห่งประเทศไทย ร่วมตรวจสอบสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ เข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายภายใต้อนุสัญญาบาเซล จำนวน 36 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักรวม 736 ตัน
นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ได้ตรวจสอบตู้สินค้าตกค้างระบุในใบตราส่งสินค้าเป็น ZINC CONCENTRATE จำนวน 36 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนัก 736,425 กิโลกรัม ประเทศต้นทางมาจากเมืองคาซาบลังก้า โมร็อกโก นำเข้ามาเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 โดยสินค้ามีลักษณะเป็นผงละเอียดสีน้ำตาล มีกลิ่นฉุน บรรจุในถุงกระสอบ ตรวจสอบโดยเครื่อง X-ray fluorescence หรือ XRF พบปริมาณธาตุโลหะหลักเป็นสังกะสี 32.2% เหล็ก 13.5% และมีการปนเปื้อนของโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว 1.24% แคดเมียม 890 ppm และพลวง 540 ppm เข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายตามอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ควบคุมการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดน เพื่อป้องกันการถ่ายโอนของเสียอันตรายจากประเทศพัฒนาแล้วไปยังประเทศกำลังพัฒนาตามอนุสัญญาบาเซล สำหรับของเสียดังกล่าวหากหลุดออกไปได้ จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง เช่น โรคปอด โรคทางเดินหายใจและมะเร็ง นอกจากนี้ยังส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การปนเปื้อนในดิน น้ำและอากาศ


กรณีนี้เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 บัญชีที่ 5.2 ของเสียเคมีวัตถุ ลำดับที่ 2.2 และอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด
อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับของเสียอันตรายดังกล่าว กรมศุลกากรจะผลักดันออกนอกประเทศ พร้อมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการป้องกันไม่ให้สินค้าอันตรายเข้ามาในประเทศ เพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดีของประชาชนอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ สถิติการจับกุมการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษพลาสติก สังกะสีออกไซด์ ในปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2568 – 9 มิถุนายน 2568) แบ่งเป็น ขยะอิเล็กทรอนิกส์ จับกุมได้ 37 ราย จำนวน 505,073 กิโลกรัม เศษพลาสติก จับกุมได้ 13 ราย จำนวน 445,122 กิโลกรัม สังกะสีออกไซด์ จับกุมได้ 2 ราย จำนวน 499,649 กิโลกรัม โดยกรมศุลกากรจะบูรณาการความร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการข่าวและตรวจเข้มการนำเข้าส่งออกอย่างเคร่งครัด โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ กำลังพิจารณาการตรวจจับครั้งนี้ เข้าสู่การเป็นคดีพิเศษต่อไป.-513-สำนักข่าวไทย