.ต่างประเทศ 1 มิ.ย.-“มาริษ” นำแถลงสถานการณ์ “ไทย-กัมพูชา” ยันทำทุกทางไม่ให้บานปลาย ย้ำ กต.ไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เผยยกหูหา “รองนายกฯ กัมพูชา” แล้ว เห็นพ้องตรงกัน เกิดความสงบความเรียบร้อยตามแนวชายแดน ด้าน “โฆษก กต.” ยันโพสต์ “ฮุนเซน” ไม่มีผล คาด 1-2 สัปดาห์ได้ประชุม “JBC” แน่
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำแถลงข่าวเกี่ยวกับพัฒนาการสถานการณ์ไทย-กัมพูชา พร้อมด้วย พลเอก มนัส จันดี เสนาธิการทหาร , นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ว่า ตนได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จัดประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา โดยไทยและกัมพูชา เป็นประเทศที่มีความใกล้ชิดกัน ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องดำเนินการทุกวิถีทางที่จะไม่ให้สถานการณ์บานปลายถึงขั้นกระทบกระเทือนถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งถ้ากระทบมากไปจะไม่เป็นผลดี อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค. เวลา 05.45 น. กระทรวงการต่างประเทศรู้สึกไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามหลักกฏหมายระหว่างประเทศและกฎหมายผ่านแดนอย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และแนวปฏิบัติสากลที่เกี่ยวข้อง
นายมาริษ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันสถานการณ์ชายแดนยังสงบเรียบร้อย ด่านทุกด่านยังเปิดทำการปกติ จากเหตุการณ์เกิดขึ้น ตนได้มีการหารือกันในหลายระดับ แรกเริ่มได้มีการโทรศัพท์พูดคุยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของกัมพูชา ซึ่งเห็นด้วยว่า จะทำอย่างไรให้ยุติความตึงเครียด นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกทั้งสองประเทศได้พบกันในวันที่ 29 พ.ค. เพื่อหาทางลดความตึงเครียด และล่าสุดเมื่อวันที่ 30 พ.ค. ได้ตนได้ไปประชุมที่ญี่ปุ่น และมีการพบกับ สมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และได้เรียนหารือกันด้วย ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นว่าเราต้องมีความร่วมมือกัน เพื่อลดความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนโดยกลไกต่างๆ ซึ่งเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้เห็นชอบความร่วมมือกันทางการทหาร เพื่อให้เกิดความสงบความเรียบร้อยตามแนวชายแดนในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีไทยได้เยือนกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายเห็นความต้องการว่าจะใช้กลไกที่มีอยู่เราเจตนารมย์ทางการเมืองที่ต้องการแก้ไขปัญหานี้อย่างสันติโดยไม่มีความขัดแย้งผ่านการประชุมระดับที่มีระหว่างกัน เจบีซี, จีบีซี และอาร์บีซี พยายามใช้กลไกทักษะระดับนี้ ในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้ความสงบกับคืนมา วันนี้จึงมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเตรียมความพร้อมที่เราจะไปพูดคุยกับฝั่งกัมพูชาในกรอบของกรรมาธิการร่วมชายแดนไทยกัมพูชา หรือเจบีซี ซึ่งทั้งสองฝ่ายตัดสินใจแล้ว จะผลักดันให้มีการประชุมโดยเร็วที่สุด
นายมาริษ ยังระบุด้วยว่า เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและไม่เกิดเหตุการณ์ที่มันบานปลายไปมากกว่านี้ จำเป็นที่ประเทศทั้งสอง ไม่ต้องการให้เกิดความตึงเครียดขึ้น จึงต้องใช้ความอดกลั้นที่จะไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายและใช้กลไกการเจรจาของกรอบเจบีซีแก้ปัญหา ขณะเดียวกันขอฝากสื่อมวลชนเราจะต้องช่วยกันทำให้ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องระวังไม่ให้มีการเผยแพร่สิ่งที่ไม่สมควรเปิดเผยให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่านี้

ขณะที่นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงเพิ่มเติมว่า กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความเสียใจ ยืนยันว่าไทยดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและตามกฏหมายภายในของไทย ทั้งนี้ การดำเนินการของไทยเป็นไปเพื่อป้องกันอธิปไตยและเป็นไปเพื่อการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสมและได้สัดส่วนของสถานการณ์ ที่สอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศและแนวปฏิบัติสากลที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้สถานการณ์ยังคงมีความสงบตามแนวชายแดนไทย กัมพูชา และด่านทุกด่านเปิดตามปกติ
“ท่านรัฐมนตรีได้มีการติดต่อสื่อสารกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา 2 ครั้ง และล่าสุดนี้ทำให้เห็นว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีเจตนารมณ์ทางการเมืองที่แน่วแน่ ที่จะแก้ไขด้วยกลไกที่ 2 ฝ่ายมีอยู่แล้ว เราหวังว่าจะมีการประชุมเจบีซี ซึ่งเป็นกลไกทางเทคนิคและกฎหมายที่ตั้งขึ้นมา มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความชัดเจนของการแก้ไขปัญหาเขตแดนในระยะกลางถึงระยะยาว เพื่อให้มีการสำรวจและทำหลักเขตแดนที่ชัดเจน โดยอาจจะแนะนำมาตรการชั่วคราวในระหว่างรอสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญ ที่อาจช่วยลดการเผเชิญหน้าระหว่างทหารทั้ง 2 ฝ่าย เราพยายามจัดให้มีการประชุมในโอกาสแรกอย่างเร็ว อาจจะเกิดขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า และไม่น่าจะเกินปลายเดือน มิ.ย.นี้” นายนิกรเดช กล่าว
จากนั้นเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม โดยนายนิกรเดช ย้ำว่าการประชุมเจบีซีที่จะจัดขึ้น ตอนนี้ไม่มีปัญหา ฝ่ายไทยมีความพร้อมในการเจรจาแล้วตามที่มีการประชุมกันไป ประเด็นคือผู้ที่เป็นเจ้าภาพการประชุมคือฝ่ายกัมพูชา ซึ่งกำลังเจรจาเรื่องวันที่อยู่ ทั้ง 2 ฝ่ายอยากให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด
เมื่อถามถึงโพสต์ของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่ระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของกัมพูชา ตามหลักแล้วมีผลทางกฎหมายหรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า ผลทางกฎหมายไม่มี ท่านโพสต์ได้ เพียงแต่เราดูในฝั่งเรา อยากให้ข้อมูลที่ออกมาทางสื่อสะท้อนความเป็นจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ส่วนหากเกิดความรุนแรงเกิดขึ้น จะมีการรับมืออย่างไรบ้าง นายนิกรเดช กล่าวว่า เรื่องนี้เกินกระทรวงการต่างประเทศ แต่จะมีทั้งทางทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้เกิดเหตุปะทะกันรุนแรง ตนคิดว่าอย่าเพิ่งไปถึงตรงนั้น ตอนนี้เรากำลังอยู่ในทางลงที่ดี ทางลงที่สันติระหว่างกัน ตนเชื่อว่าเราพร้อมเจรจาระหว่างกัน
เมื่อถามว่าจุดยืนของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เป็นพลเรือน และกองทัพที่อยู่ในฝ่ายปฏิบัติสอดคล้องกันหรือไม่ในเรื่องการยืนยันเจรจารักษาสันติภาพ นายนิกรเดช ระบุว่า สอดคล้องกัน เพราะฝ่ายทหาร ไม่ได้ประสงค์ที่จะมีความรุนแรงใดๆ เราทีมไทยแลนด์ทั้งทีม เรามุ่งหาข้อยุติอย่างสันติวิธี.-314.-สำนักข่าวไทย