กรุงเทพ 31 พ.ค. – “มนพร” หนุนวิทยุการบินฯ นำเทคโนโลยีดิจิทัล ทาวเวอร์ ใช้งานที่สนามบินนราธิวาส เบตง สุวรรณภูมิ และดอนเมือง เสริมศักยภาพการให้บริการจราจรทางอากาศ
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้มอบหมายให้วิทยุการบินฯ เร่งนำเทคโนโลยีหอบังคับการบินดิจิทัล หรือ Digital Tower ซึ่งเป็นระบบที่ทันสมัย ใช้งานอย่างแพร่หลายทั่วโลก เข้าใช้งานเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการให้บริการจราจรทางอากาศ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบิน ซึ่งประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายการพัฒนาขีดความสามารถ (Capacity) ด้านการบินให้สามารถรองรับปริมาณเที่ยวบิน 1.2 ล้านเที่ยวบิน ในปี 2568-2569 และรองรับปริมาณเที่ยวบิน 2 ล้านเที่ยวบิน ในปี 2580 โดยมีแผนจะนำมาใช้งานในระยะเริ่มต้น (ภายในปี 2569-2570) ณ สนามบินนราธิวาส สนามบินเบตง สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง จากนั้นจะขยายผลนำ Digital Tower เข้าใช้งานให้ครอบคลุมทุกสนามบินทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศสามารถมองเห็นภาพที่สมจริง และมีข้อมูลทางการบินครบถ้วน ครอบคลุมทุกพื้นที่ของสนามบิน แก้ปัญหาจุดอับสายตา ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ และช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถพัฒนารองรับการขยายสนามบินในอนาคต โดยไม่ต้องสร้างหอควบคุมการจราจรทางอากาศใหม่เพิ่ม และสามารถพัฒนาเป็นหอควบคุมการจราจรทางอากาศสำรอง กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินได้ ทั้งนี้ ได้สนับสนุนให้วิทยุการบินฯ นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้งาน เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการบิน ร่วมขับเคลื่อนสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค ตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม”
นายสุรชัย หนูพรหม รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) กล่าวว่า ขณะนี้วิทยุการบินฯ อยู่ระหว่างพัฒนาแนวทางการนำ Digital Tower เข้าใช้งาน เพื่อปรับรูปแบบการดำเนินงานโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล สามารถให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศได้จากศูนย์ควบคุมระยะไกล หรือ Remote Tower โดยการใช้เทคโนโลยีกล้องโทรทัศน์วงจรปิดประสิทธิภาพสูง ทำงานเชื่อมต่อกับระบบติดตามอากาศยาน ระบบข้อมูลการบิน และประมวลผลด้วยเทคโนโลยี AI รวมทั้งพิจารณาการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสม ตามความซับซ้อนและปริมาณจราจรของสนามบินที่ให้บริการ ซึ่งศูนย์ควบคุม (Remote Tower Center) อาจอยู่ใกล้หรือห่างไกลจากสนามบินที่ให้บริการก็ได้ โดยวิทยุการบินฯ มีแผนดำเนินงาน ดังนี้
1.การนำเทคโนโลยี Digital Tower เข้าใช้งานในรูปแบบ Remote Tower สำหรับสนามบินที่มีปริมาณเที่ยวบินหนาแน่นน้อย ประกอบด้วย สนามบินนราธิวาส และสนามบินเบตง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ลดข้อจำกัดด้านต่างๆ และเพิ่มความคุ้มค่าในการบริหารจัดการด้านบุคลากร และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับสนามบินขนาดกลางและขนาดเล็ก
2.การนำเทคโนโลยี Digital Tower เข้าใช้งานในรูปแบบ Hybrid ซึ่งจะผสมผสานและเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในการให้บริการของหอบังคับการบินหลักในปัจจุบัน สำหรับกลุ่มสนามบินที่มีปริมาณเที่ยวบินหนาแน่นสูง ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง เพื่อลดข้อจำกัดด้านการมองเห็น รองรับโครงการขยายท่าอากาศยาน และเพิ่มประสิทธิภาพด้านขีดความสามารถ ความปลอดภัยในการปฏิบัติการบิน”.-513-สำนักข่าวไทย