รัฐสภา 30 พ.ค.-“สมศักดิ์” แจงสร้างศูนย์แพทย์แผนไทยที่คีรีมาส สุโขทัย ไร้ผลประโยชน์โยงเอี่ยว “สาธารณสุข” เล็งรับนักศึกษาแพทย์จาก ม.เอกชน-ต่างประเทศ แก้โรงพยาบาลรัฐขาดแคลนหมอ ยอมรับอาจทำให้นักศึกษาแพทย์โรงพยาบาลรัฐตกงาน
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 เป็นวันที่สาม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงถึงงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขว่า ส่วนที่มีคำถามว่าศูนย์อาคารสาธารณสุขเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย ที่จะตั้งที่จ.สุโขทัย และมีการตั้งงบประมาณไว้ 140 ล้านบาทนั้น จริงๆ มีการตั้งงบประมาณไว้ 50 ล้านบาท แต่อีก 90 ล้านบาทเป็นงบประมาณผูกพันไว้สำหรับศูนย์อื่นๆ ที่สร้างไปแล้ว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนที่ต้องไปตั้งที่ อ.คีรีมาส จ.สุโขทัย เพราะ อ.คีรีมาส เป็นเขาสมุนไพรตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และการที่บอกมีการตั้งรางวัลจำนวน 60 ล้านบาทนั้น ก็ไม่ใช่การตั้งรางวัลแต่เป็นการประชาสัมพันธ์กับแต่ละโรงพยาบาลที่ให้เลิกใช้ยาฝรั่ง แต่ให้มาใช้ยาแผนไทย
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่เพื่อนสมาชิกตั้งคำถามถึงการเชื่อมต่อระบบบริการสุขภาพดิจิทัลหรือ Thailand health Atlas ใช้ได้หรือไม่ ทำไมจึงไม่มีในเล่มงบประมาณขาวคาดแดงนั้น ขอเรียนว่า เรามีและมีการตั้งงบประมาณไว้ 17.55 ล้านบาท อยู่ในเล่มที่ 11 หน้า 70 บรรทัดที่ 4 อยู่ในโครงการใหญ่ Health data hub
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ตนรู้สึกประทับใจที่สมาชิกส่วนใหญ่ชื่นชมการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขมากกว่าตำหนิ เพราะตนพยายามตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถโดยเฉพาะนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ โดยในปี 2569 กระทรวงสาธารณสุข มีวงเงินงบประมาณ 372,662.11 ล้านบาท ประกอบด้วย 10 กรม วงเงิน 175,286 ล้านบาท 6 หน่วยงานในกำกับ 2,352 ล้านบาท กองทุน 195,022 ล้านบาท ซึ่งแบบออกเป็นวงเงินตามนโยบาย 242,477 ล้านบาท แยกเป็น 8 ส่วน คือ 1.โครงการพระราชดำริ 1,303 ล้านบาท 2. ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ 160,241 ล้านบาท 3.สุขภาพจิตและบำบัดยาเสพติด 1,140 ล้านบาท 4.คนไทยห่างไกลโรคและภัยสุขภาพ 37,792 ล้านบาท 5.สนับสนุนการดำเนินงาน อสม. 30,418 ล้านบาท 6.กลุ่มเปราะบางและพื้นที่พิเศษ 7,606 ล้านบาท 7.เพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจสุขภาพ 335 ล้านบาท 8.บริการจัดการทรัพยากรสาธารณสุข 3,638 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีวงเงินอื่นๆ จำนวน 130,184 ล้านบาท สำหรับการดำเนินงานตามภารกิจพื้นที่ประจำ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มีคนวิพากษ์วิจารณ์กองทุน 30 บาทรักษาทุกที่ มีโอกาสล้มละลายภายใน 3 ปี ตนอยากบอกว่าหากปล่อยปะละเลยโดยเฉพาะบางอย่างที่มองเห็นแล้ว มันอาจจะเป็นอย่างที่ถูกวิจารณ์ แต่ตนเห็นว่าปัญหาอื่นเป็นเรื่องเล็ก ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือโรค NCD เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลของหลักประกันสุขภาพสำหรับการใช้สิทธิ 30 บาทรักษาทุกที่ กรณีผู้ป่วยนอก ปี 2567 พบว่า มีผู้ป่วยโรคนี้เข้ารับการรักษา 220 ล้านครั้ง โดยเป็นผู้ป่วย NCD 167 ล้านครั้ง หรือ 76% ถ้าเราแก้ไขปัญหานี้ได้ ปัญหาอื่นเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว เพราะงบประมาณสูง โดยในปี 2560 ใช้งบประมาณ 62,138 ล้านบาท หรือ 48 % ของงบประมาณภาพรวมนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ และปี2567 ใช้งบประมาณ 79,537 ล้านบาท หรือ 52 % ของงบประมาณภาพรวม เฉพาะหากจัดการเรื่องนี้ได้งบประมาณกองทุนจะเหลือเฟือ ซึ่งหากจัดการกับโรคเบาหวาน และการฟอกไต จะลดงบประมาณไปได้ 44,000 ล้านบาท จะช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล และช่วยให้แพทย์มีเพียงพอ จึงต้องทำให้ อสม.มั่นคง ซึ่งตนมั่นใจว่ามาตรการนับคาร์บ ภายใน 2 ปี คนป่วย NCD เข้าโรงพยาบาลจะน้อยลง แต่คนที่ป่วยอยู่แล้วคงรักษาแบบประคับประคอง
ส่วนที่มีการตั้งงบประมาณ โครงการนับคาร์บ 1,200 ล้านบาท นั้นมีกิจกรรมจำนวนมาก เช่น การส่งเสริมความรู้ประชาชน อบรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อบรมเสริมศักยภาพ อสม. และหาเครื่องสนับสนุนการทำงานของ อสม. เช่น เครื่องวัดความดัน เครื่องเจาะน้ำตาล ระบบเก็บข้อมูล
พร้อมกันนี้นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแพทย์ว่า พื้นที่ที่ขาดแคลนแพทย์ ได้ถูกประกาศเป็นพื้นที่พิเศษ ทั้งจังหวัดบึงกาฬ แม่ฮ่องสอน และตาก บางพื้นที่ เพื่อเพิ่มค่าตอบแทนพิเศษ ขั้นต่ำตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป พร้อมทั้งรับนักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยเอกชนและจบจากมหาวิทยาลัยจากต่างประเทศที่แพทยสภายอมรับได้ จึงอยากไปถึงแพทย์ทั่วประเทศว่าหากเริ่มรับแล้วจะต้องรับไปเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้แพทย์จากมหาวิทยาลัยรัฐต้องเสียสิทธิ์ แต่เพื่อแก้ปัญหาจึงจำเป็นต้องประกาศพื้นที่พิเศษ
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่กรณีที่มีการเอ่ยชื่อบุคคลที่นามสกุลเดียวกับตน เป็นหลานชายตนนั้น พ่อเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับตน เขาชื่อมหาคุณ เทพสุทิน เป็นเจ้าของร้านตำหรับไทย ขอเรียนว่าเขาไม่มีธุรกิจ ธุรกรรมอะไรกับกระทรวงสาธารณสุขเลย แม้แต่บาทเดียวก็ไม่ได้ทำธุรกิจกับกระทรวงสธารณสุข แต่คอยช่วยตนตั้งแต่สมัยที่มีโควิดเข้ามา เขาแนะนำตนในเรื่องฟ้าทะลายโจร เดี๋ยวฟ้าทะลายโจรจะขึ้นราคา หากเราไม่มีฟาวิพิราเวียร์ก็ให้สต็อกฟ้าทะลายโจร
“อย่าไปคิดเลยว่ามหาคุณจะได้ประโยชน์จากกระทรวงสาธารณสุข เขาเป็นร้านตำหรับไทย เปิดร้านมาแล้ว 20 กว่าปี ปัจจุบันมี 80 กว่าสาขาทั่วประเทศ ทำธุรกิจตั้งแต่อายุ 19 ปี อยู่ม.6 เคยฝึกงานอยู่บู๊ท 4 เดือนก่อนที่เจ้าของเขาจะขายให้มหาคุณในราคา 7 หมื่น แต่ตอนนี้เขาอายุ 40 กว่าปี มีธุรกิจตำหรับไทย 80 กว่าสาขา” นายสมศักดิ์ กล่าว
จากนั้น นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ใช้สิทธิ์ซักถามว่า โครงการ NCD ที่เป็นโครงการใหม่ของท่าน ทำให้งบประมารไปจมอยู่ตรงนั้นเยอะ มีงบ 1,200 ล้านบาทนั้น จะนำไปอบรมทั้งหมดหรืออย่างไร ขอให้ช่วยชี้แจง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ความจริง 1,200 ล้านบาทนั้นไม่พอ โครงการโรค NCD แค่ 2 โรค 4.4 หมื่นล้านบาท และมีทำให้มีโรคอื่นๆ ตามมาอีก ย้ำว่าในจำนวน 1,200 ล้านบาทนั้นไม่เพียงพอ เพราะยังมีเรื่องของเครื่องมือต่างๆ และการบันทึกข้อมูลด้วย ทั้งนี้ WHO ยังไม่สามารถดำเนินการได้ มีเพียงประเทศไทยที่สามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาฟัง นพ.วาโย อภิปราย เพราะมีงานที่เซ็นทรัลพระราม 2 ซึ่งจะมาตอบคำถามอีกครั้งในวันที่ 31 พฤษภาคม หรืออาจจะขอส่งเป็นเอกสารให้ นพ.วาโย หากต้องการ.-316.-สำนักข่าวไทย