ใช้งบประมาณต้องคุ้มค่า ตรวจสอบได้

เมืองทองธานี 12 ม.ค.-นายกฯ มอบนโยบายจัดทำงบประมาณปี 67​ ย้ำใช้งบอย่างระมัดระวัง คุ้มค่า​ ตรวจสอบได้ โครงการไหนไม่ได้ตามเป้าให้ยกเลิก เอาเงินไปใช้โครงการอื่นให้เกิดประโยชน์ ลั่นทุจริตต้องถูกดำเนินคดี ​  


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์​ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ นายสุชาติ​ ชม​กลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายธนกร​ วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ ร่วมประชุม

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า สถานการณ์ของเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่มีเสถียรภาพ มีความมั่นคงทางด้านงบประมาณ ได้รับการยอมรับและมีการพัฒนาในประเทศหลายส่วน แม้ว่าจะมีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบกับโควิด-19 สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ทางภูมิศาสตร์ระหว่างประเทศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ส่งผลให้การพัฒนาในอนาคตเปลี่ยนแปลงไปมาก การพลิกผันการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของโลกที่มีสัดส่วนของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นจำนวนมากต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความท้าทายภายในประเทศ ที่ต้องบริหารจัดการกับปัญหาความเจริญของเศรษฐกิจภายในประเทศ หนี้สินครัวเรือน การเข้าสู่สังคมสูงวัย​ ซึ่งส่งผลกระทบต่อจำนวนแรงงาน รวมทั้งปัญหาคุณภาพและความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วมสภาพแวดล้อม


“เราเผชิญกับสิ่งเหล่านี้มาหลายปี แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้น ​จำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณให้คุ้มค่า ให้เกิดความสมดุล เพื่อแก้ไขปัญหาทุกมิติ ต้องเดินไปพร้อมกัน รัฐบาลมีความมุ่งมั่น ทุ่มเท เตรียมพร้อมสรรพกำลังแก้ไขปัญหาอันเป็นประเด็นหลักเร่งด่วนอย่างเต็มที่สุดกำลังความสามารถ พัฒนาปฏิรูปด้านต่าง ๆ ให้เดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง หากย้อนกลับไป จะเห็นว่าการดำเนินการมีผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์​ ผมคิดว่าทุกคนก็คงเห็นบ้าง หากไม่เห็นก็ไม่รู้จะทำอย่างไร​ ว่ามีอะไรคืบหน้ามาบ้าง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีมาตรการทางการคลังเพื่อฟื้นฟูผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ลดผลกระทบของการปรับขึ้นราคาสินค้า โดยได้บัญญัติมาตรการเฉพาะ​เจาะจง​ในการแก้ไขปัญหา​ สำหรับกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ อย่างกลุ่มผู้มีรายได้น้อยประชาชนทั่วไป เพื่อรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศและเพิ่มกำลังซื้อ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน และโครงการคนละครึ่ง​ ไม่ต่ำกว่า 25 ล้านคน สินเชื่อดอกเบี้ยตามมาตรการเสริมสภาพคล่องสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย ตลอดจนมีการช่วยเหลือภาคแรงงานสำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ให้การช่วยเหลือเกษตรกรผ่านโครงการประกันรายได้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้านการบรรเทาผลกระทบจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น ต้นทุน​พลังงานที่นำเข้าจำนวนมาก วันนี้เกิดผลกระทบ และได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาบรรเทาผ่านมาตรการภาษีสรรพสามิต อุดหนุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันดีเซล ก๊าซหุงต้ม ก๊าซ NGV การให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า การลดเงินนำส่งของนายจ้างตามมาตรา 33 ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น มีการช่วยเหลือกว่า 15 ล้านราย สำหรับประเด็นปัญหาสำคัญที่ต้องเตรียมพร้อมอย่างเท่าทัน คือ การแก้ไขปัญหาการดำเนินชีวิตของประชาชน เช่น เรื่องการลดข้อจำกัดในการประกอบอาชีพ โดยอบรมแรงงานให้ครอบคลุมกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อจะเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ สามารถพึ่งพาตัวเองได้ บรรเทาปัญหาความเดือดร้อนด้านอาชีพให้ประชาชนไม่น้อยกว่า 370,000 คน การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบและหนี้กองทุน กยศ. การปราบปรามการฉ้อโกงหลอกลวงประชาชน การปรับปรุงระบบภาษี การขยายโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัย แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนที่ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพ


“ด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด ต้องมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน สร้างชุมชนที่เข้มแข็ง สร้างอาสาสมัคร สร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติด ทั้งกายภาพและจิตใจ รณรงค์ ป้องกันและแก้ไข ทั้งในสถานประกอบการ โรงเรียน เรือนจำ ทัณฑสถาน ฟื้นฟูดูแลผู้เสพ สร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติในสังคม การแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการเฝ้าระวังการทุจริตประพฤติมิชอบอย่างจริงจังและเข้มงวด ทุกอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม มีขั้นตอนในการดำเนินการทุกอย่าง อะไรก็ตามที่เป็นความผิด ต้องถูกดำเนินการทางกฎหมาย ไม่มีข้อยกเว้น เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับหลายส่วนด้วยกันที่ต้องร่วมมือกัน ขอฝากไว้ด้วย ขอให้ทุกคนให้ความสำคัญ​ ผมไม่เคยปล่อยปละละเลยใด ๆ ทั้งสิ้น ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามความรับผิดชอบของทุกส่วนในกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องมีความร่วมมือของประชาชนในการร่วมมือร้องทุกข์กล่าวโทษ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนเว็บไซต์ภาษี ได้สั่งการเพิ่มเติมว่าต้องรู้ว่าทุกอย่างมาอย่างไรไปอย่างไร​ ใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า​ จัดสัดส่วนต่าง ๆ ได้เหมาะสมหรือไม่ จะได้​​รู้ได้เข้าใจกัน แล้วจะไม่เป็นปัญหาในอนาคต การใช้จ่ายเงินจะใช้ให้ใคร​ รายจ่ายต้องคำนึงถึงที่มาของรายได้ อยากบอกให้ทุกคนทราบว่า​ รัฐบาลเป็นห่วงเป็นใยทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทุกพวก​ แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรมในการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้มาจากภาษีของประชาชน ในแต่ละประเภทให้เกิดความสมดุล​ เกิดความเป็นธรรม เพราะฉะนั้นจะต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากที่สุด

“รัฐบาลวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศไปสู่อนาคต อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าจะต้องหารายได้เพิ่มเติม​ ให้พ้นจากประเทศที่เป็นรายได้ปานกลางให้เป็นประเทศที่มีรายได้สูงโดยเร็วที่สุด เพื่อมาดูแลให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ที่มีรายได้น้อย จะดูแลเขาได้อย่างไรเพิ่มเติม แต่ต้องหาเงินก่อน ต้องทยอยดำเนินการ ในห้วงรัฐบาลที่อยู่ก็พยายามทำอย่างเต็มที่ วันนี้มีปัญหาระบบออนไลน์ ที่ถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เกิดประโยชน์​ ในทางหลอกลวง ผมได้สั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบว่าจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย แม้ว่าจะมากมายเพียงใดก็ตามก็ต้องดำเนินการ​ ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ เกิดความเสียหายอย่างที่ทุกคนก็เห็นอยู่​ เราจะต้องไม่ปล่อยปละละเลย หากเราไม่ช่วยกันก็แก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้สักอย่าง ต้องแก้ไขปัญหาแบบองค์รวมโดยใช้ประชาชนมีส่วนร่วม” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ​เรามีระบบการกระจายอำนาจอยู่แล้ว​ จะต้องพัฒนาให้มากขึ้น​ เมื่อมีความพร้อม​ งบประมาณพร้อม​ คนพร้อมทุกอย่างเดินหน้าได้หมด ต้องดูบริบทของประเทศไทยด้วยว่าเป็น​อย่างไร​ อยู่ในปัจจุบัน การกระจายอำนาจพร้อมกับการกระจายความรับผิดชอบเพิ่มบทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประเทศไทยเป็นเป้าหมายของหลายประเทศบนโลกใบนี้ ซึ่งให้ความสนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยว ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน โดยตัวเลขคาดการณ์คาดว่า GDP จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 3.5 ในปี 2566 แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะช่วยกันได้อย่างไร​ ทั้งภาครัฐ​ภาคเอกชนและประชาชนจะต้องช่วยกันในการเดินหน้า เพราะเราจะต้องเดินหน้าลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคโควิด-19 ก็ยังมีอยู่และถูกซ้ำเติมด้วยสถานการณ์โลกในปัจจุบัน​ ความผันผวนด้านราคาพลังงาน​ ทั้งน้ำมัน ก๊าซ มีปัญหาทั้งหมด​ มีราคาผันผวน เราต้องเตรียมความพร้อมการกลายพันธุ์ของโรคโควิด- 19 โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ออกข่าวชี้แจงไปแล้วว่าอยู่ในการดูแลควบคุมดำเนินการอยู่ในเรื่องนี้ ขอให้ทุกคนระมัดระวังให้ได้มากที่สุด

“การใช้จ่ายในปี 2567 ถึงมีบทบาทสำคัญเดินหน้าควบคู่กับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนแม่บทต่าง ๆ เพื่อบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้​ เรื่องส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัล​ ยกระดับฝีมือแรงงานการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการที่ดีต่อเนื่อง การดำเนินเศรษฐกิจชีวภาพ​ เศรษฐกิจหมุนเวียนเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG การจัดสวัสดิการให้กับคนไทยกลุ่มต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ผมใช้คำว่าเหมาะสม ขอให้ดูระเบียบให้ดีด้วยในการจัดสรรงบประมาณในเรื่องเหล่านี้ มี 2 คำ​ ที่ผมใช้อยู่เสมอ​ คือความเท่าเทียม เท่าเทียมในด้านโอกาส เท่าเทียมด้านกฎหมาย ความเป็นธรรมคือผู้มีรายได้น้อยมีความเดือดร้อนก็ย่อมได้รับความดูแล เราต้องทำทั้ง 2 อย่างอยู่แล้ว ซึ่งเป็นคนละเรื่อง เราจะต้องหางบประมาณได้เพียงพอไม่” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า​ รัฐบาลมีความท้าทายในการดำเนินการทางการคลังจำเป็นจะต้องดำเนินการไปด้วยความรอบคอบในการรักษาวินัยและเสถียรภาพทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว การจัดเก็บรายได้และการใช้จ่ายภาครัฐ ต้องสอดคล้องเหมาะสม​ ยั่งยืนสามารถสนับสนุนการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ก่อให้เกิดภาระการเงินการคลังในระยะยาวขอเน้นความสำคัญที่จะทำอะไรก็ตามต้องไม่สร้างภาระระยะยาว เราทำอย่างระมัดระวังเท่าที่จำเป็น มีขีดความสามารถในการบริหารได้ ขอให้อยู่ในกรอบหลักการดังกล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การบริหารรายจ่ายงบประมาณประจำอย่างประหยัด​ มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความจำเป็นในปัจจุบัน ​นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ในกระบวนการทำงานให้มากยิ่งขึ้น ในการประชุมสัมมนาประชาสัมพันธ์ออนไลน์ นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่องดลดภาระงบประมาณ​ ขอร้องว่าจะทำอย่างไรให้สามารถลดงบประมาณรายจ่ายประจำลงได้ โครงการแผนงานใดถ้าไม่ก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้หรือทำไม่ได้ติดขัดขั้นตอน ก็ควรยกเลิก เพื่อนำงบประมาณไปใช้ในแผนงานโครงการอื่น การเสนอแผนงานโครงการขึ้นมาต้องตรวจสอบความเป็นไปได้ ต้องเข้มงวดเรื่องเหล่านี้ ​ ไม่ใช่อนุมัติไปแล้ว แต่ทำจริงไม่ได้​ จะทำให้เกิดปัญหาตามมา เพราะฉะนั้นจะต้องเตรียมการให้พร้อม เรื่องไหนที่ทำมาแล้วทำไม่ได้​ ทำแล้วไม่ผ่าน ต้องทบทวน

“การมอบนโยบายวันนี้ ถ้าไม่ทำตามนี้​ ก็ไม่มีประโยชน์ จะใช้จ่ายอะไรก็​ทำแผนงานต่าง ๆ​ อะไรก็ได้ ไม่ได้​ อันตราย จากสถานการณ์ทางการเงินก็เริ่มทำแบบนี้ ก็มีปัญหาต่าง ๆ อยู่บ้างก็ทำต่อก็แล้วกัน​ งบประมาณ 2567​  ที่ต้องเตรียมความพร้อมให้กับรัฐบาลต่อไป ขณะเดียวกันเราต้องเตรียมความพร้อมในรัฐบาลต่อไปด้วย นี่คือหลักการของผมในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี หัวหน้ารัฐบาล เพราะฉะนั้นต้องไม่ทุจริต ถ้ามีก็ต้องถูกลงโทษ ผมไม่เคยละเว้นใครทั้งสิ้น เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม ต้นทาง กลางทาง ปลายทางดำเนินการ ผมไม่เข้าร่วมใด ๆทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนช่วยกันให้มันเรียบร้อยทุกเรื่อง อย่าให้เกิดความแตกแยก​ ความชิงชังเกิดขึ้น ผมไม่ต้องการแบบนั้น บ้านเมืองไปกันไม่ได้ เราใช้กลไกที่มีอยู่แล้วเดิมแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ ขอโทษคนฟังว่าคำพูดของผมอาจไม่น่าฟังมากนัก แต่ทั้งหมดนี้คือจิตใจของผม” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ชี้หากพบกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้

เกษตรศาสตร์ 25 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ชี้หากพบทหารกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้ แต่ยิงแจ้งเตือนก่อน หากยังขัดขืนสั่งยิงทันที เชื่อประชุม RBC 27 ส.ค.นี้ ราบรื่นดี มองหากกัมพูชาไม่รับเงื่อนไขเก็บทุ่นระเบิด เตรียมเก็บหลักฐานฟ้อง UN วันนี้ (25 ส.ค. 68) ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา (RBC) ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ หากฝ่ายกัมพูชาไม่ตกลงที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิด ว่า ถ้าไม่เก็บกู้ก็จะรายงานไปที่ UN และทำบันทึกไว้เพื่อเป็นการประท้วง ส่วนการประชุม RBC ที่พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 มีการตอบรับเรื่องเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ควรจะมีการตอบรับด้วยหรือไม่เพื่อแสดงถึงความจริงใจ นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า […]

ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งเร่งออกโฉนดให้ชาวบ้านหนองจาน

สรแก้ว 25 ส.ค. – ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งที่ดินจังหวัดเร่งดำเนินการออกเอกสารสิทธิให้ชาวบ้านหนองจานโดยเร็ว พร้อมส่งทีมสำรวจ เร่งแก้ไขปัญหาที่ดินตามแนวชายแดนให้แล้วเสร็จ นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ที่ดินจังหวัด ป่าไม้ ส.ป.ก. ชี้แจงกรณีปัญหาของที่ดินบ้านหนองจาน พร้อมให้ประชาชนแสดงการยื่นเอกสารสิทธิการถือครองที่ดิน เพื่อคัดกรองเตรียมออกโฉนดให้กับชาวบ้านในพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านกุดผือ ที่มีที่ดินอยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณหลักเขตแดนที่ 46-47 เพื่อดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้โดยเร็ว โดยมีชาวบ้านนำเอกสารสิทธิ น.ส.2 สค.1 น.ส.3 มายื่นให้เจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบการคัดกรองเพื่อออกโฉนดที่ดินตามนโยบายเร่งด่วน ซึ่งจังหวัดจะแบ่งทีมสำรวจลงพื้นที่เป็น 3 ชุด เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาที่ดินตามแนวชายแดน ตั้งแต่พื้นที่อำเภออรัญประเทศ อำเภอโคกสูง และอำเภอตาพระยา ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว สร้างความดีใจให้กับประชาชนเป็นอันมาก.- สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

แจงยิบข้อดี MOU43 กรอบแนวทางสำรวจปักปันเขตแดน

กต. 25 ส.ค.- อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ แจงละเอียดยิบข้อดี MOU43 ใช้เป็นกรอบแนวทางการสำรวจปักปันเขตแดน เพื่อทำแผนที่ใหม่ร่วมกันตามหลักสากล เตือนยกเลิกหนีแผนที่ 1 : 200,000 ไม่พ้น และจะวนมาทำ MOU กันใหม่ นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อธิบายถึงที่มาของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา หรือ MOU 43 ว่าเป็นเอกสารพื้นฐานของกรอบการเจรจา ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกปี 2543 หรือ MOU2543 หรือ MOU43 อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ มั่นใจว่า ประเทศไทยได้เปรียบจาก MOU43 เนื่องจาก MOU43 เป็นการกำหนดกรอบความตกลง และกลไกการปักปันเขตแดน เพื่อร่วมกันสำรวจ-จัดทำหลักเขตแดน เพื่อให้ได้แผนที่ที่นำมาใช้ได้จริง โดยใช้หนังสือสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 เป็นเอกสารประกอบ เนื่องจาก หนังสือสัญญาดังกล่าวได้พูดถึงคณะกรรมการปักปันเขตแดน เพื่อให้ไปทำแผนที่ตามหลักสันปันน้ำ แม่น้ำ และแนวเส้นตรง […]