นักวิชาการ แนะ กสทช.กรณีทรู-ดีแทค

กทม.- 18 ต.ค.- “รุจิระ บุนนาค” แนะ กสทช.กรณีทรู-ดีแทค ใช้ประกาศปี 61 เตือนอย่าใช้อำนาจเกินกฎหมายกำหนด


ดร.รุจิระ  บุนนาค อาจารย์พิเศษ นักวิชาการ และนักกฎหมาย  กล่าวถึงกรณีการควบรวมธุรกิจของทรู-ดีแทค ที่ล่าสุดคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เลื่อนลงมติออกไปเป็นวันที่ 20 ต.ค.65 ในมุมมองของนักกฎหมายว่า การควบรวมกิจการ ทรู-ดีแทคเป็นไปตามประกาศ กสทช. พ.ศ. 2561 อย่างชัดเจน คือเป็นการที่สองบริษัทควบรวมกันและเกิดเป็นบริษัทใหม่ (A+B=C) ซึ่งเป็นกรณีที่เรียกว่า Amalgamation  ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าไปมีอำนาจ Take Over หรือควบคุมในผู้รับใบอนุญาตอีกฝ่าย แต่เป็นการควบรวมกันและเกิดเป็นบริษัทใหม่  ตามประกาศจึงไม่ได้กำหนดให้ กสทช. มีอำนาจอนุญาตหรือไม่อนุญาต แต่ยังคงมีอำนาจในการกำหนดมาตรการเฉพาะเพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งเป็นกรณีแบบเดียวกับการควบรวม TOT และ CAT เป็น NT หรือ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) แต่จะแตกต่างจากการกรณีเอไอเอสเข้าซื้อกิจการ 3BB  ที่เป็นไปตามประกาศ พ.ศ. 2549 เป็นกรณีแบบการเข้าซื้อหรือถือหุ้นของผู้รับใบอนุญาตรายอื่น โดยถือว่าเป็นกรณีที่แตกต่างกับการควบรวมระหว่างทรูและดีแทคอย่างสิ้นเชิง จึงไม่สามารถนำกรณีเอไอเอสเข้าซื้อกิจการ 3BB  มาเปรียบเทียบกันได้
 
“การควบรวมทรูและดีแทค ต้องยึดตามประกาศของกสทช. ปี 2561 ที่ระบุไว้ชัดเจนว่ากสทช.ไม่มีอำนาจพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาตการรวบกิจการ แต่มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ เพื่อป้องกันความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ สอดคล้องกับผลการศึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่กสทช.ได้ให้ศึกษาวิจัยในเรื่องนี้ และข้อสรุปของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้ความเห็นและให้คำปรึกษาทางกฎหมายแก่รัฐบาลและหน่วยงานทางราชการ ทั้งสองหน่วยงานมีบทสรุปที่สอดคล้องกันว่า กสทช. ต้องพิจารณาตามประกาศของ กสทช. พ.ศ. 2561 ดังนั้น กสทช.จึงมีหน้าที่รับทราบเพียงเท่านั้น แต่ไม่ได้มีอำนาจว่าจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตควบรวม” ดร.รุจิระ กล่าว
 
ดร. รุจิระ กล่าวต่อว่า  ตามประกาศมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม ปี 2561 ในข้อ 5 ได้ระบุชัดเจนว่าผู้รับใบอนุญาต หรือผู้มีอำนาจควบคุมของผู้รับใบอนุญาตที่ประสงค์จะทำการรวมธุรกิจกับผู้รับใบอนุญาตรายอื่นต้องรายงานต่อเลขาธิการ กสทช. ไม่น้อยกว่า 90 วันก่อนก่อนการดำเนินการ ซึ่งในส่วนนี้ทางทรูและดีแทคก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว ในขณะเดียวกันหากผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องราคาค่าบริการว่าจะสูงขึ้นหรือไม่หลังจากควบรวมกิจการ ในส่วนนี้ตามประกาศข้อ 12 ที่ระบุว่า หากการรวมธุรกิจตามข้อ 5 ส่งผลให้ตลาดที่เกี่ยวข้องมีดัชนี HHI มากกว่า 2,500 และเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากเดิมมากกว่า 100 ทางกสทช.สามารถพิจารณากำหนดเงื่อนไขหรือมาตราการเฉพาะมาบังคับใช้ เพื่อป้องกันความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะได้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่ากสทช. มีอำนาจและหน้าที่ในการคุมครองผู้บริโภค ด้วยการควบคุมราคาค่าบริการ และที่ผ่านมาค่าบริการโทรศัพท์มือถือได้ลดลงมาตลอด เมื่อเปรียบกับสินค้าอื่น ๆ ที่ราคาสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงของภาวะเงินเฟ้อ และจะเห็นได้ว่าราคาของผู้ให้บริการยังห่างจากเพดานราคาที่กสทช.กำหนดไว้ 10% ซึ่งในกรณีหากราคาสูงกว่าที่กำหนด กสทช. ต้องพิจารณารับผิดชอบดำเนินการเพื่อให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์สูงสุดต่อไป
 
“ดังนั้นการควบรวม ทรู-ดีแทค จึงอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ กสทช. ที่จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามที่กฎหมายบัญญัติ ในกรณีหากกสทช.ใช้อำนาจเกินกฎหมายในการพิจารณา ประเด็นสำคัญคือ คณะกรรมการ กสทช.ถือเป็น เจ้าพนักงานของรัฐ ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ จึงถูกควบคุมโดยกฎหมายนี้ ตามมาตรา 172 ที่ระบุว่า เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ อย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวังโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้อาจจะรวมไปถึงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ที่ได้กำหนดความผิดไว้เช่นกันด้วย อย่างไรก็ตามบอร์ด กสทช. ชุดนี้ แตกต่างกับที่ผ่านมา ตรงที่ไม่มีนักกฎหมาย ถูกเลือกเข้ามาเป็น บอร์ด กสทช. เลย จึงไม่มีผู้ที่คอยชี้นำแนวทางที่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย โดยเฉพาะในเรื่องควบรวมนี้ ที่การพิจารณาประเด็นด้านข้อกฎหมายซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญมาก” ดร. รุจิระ กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

รอเก้อ! ไม่มีนัดเคลียร์ใจ “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ไร้เงา “ทักษิณ”

รอเก้อ! ไม่มีนัดเคลียร์ใจ “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ไร้เงา “ทักษิณ” ส่วน “เนวิน” พักที่ รร.พูลแมน ประจำ จับตา DSI พรุ่งนี้ รับคดี สว.หรือไม่

“BGF-DKBA” เร่งปราบแก๊งคอลฯ โอดแบกภาระดูแลไม่ไหว

“กกล.BGF-กกล.DKBA” เร่งปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้กว่า 6,900 คน โอดแบกภาระดูแลไม่ไหว ขอ ไทยประสานสถานทูตรีบรับตัวกลับโดยเร็ว

สว.ถกลับ

“สว.” ถกลับ 1 ชม. หาทางโต้ “ทวี-ดีเอสไอ”

สว.ถกลับ 1 ชม.เต็ม หาทางตอบโต้ “ทวี-ดีเอสไอ” ช็อตไมค์ หลังถูกถาม ทำไมโพยฮั้วตรงเป๊ะ 138 คน “มงคล” ร่ายยาว เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยหน้าที่ ยัน ไม่กลัวการตรวจสอบ

เงินโอนเข้าบัญชี

สาวแจ้งความ เงินปริศนากว่า 5 แสน โอนเข้าบัญชีรัวๆ จนมือถือค้าง

สาววัย 23 ปี อาชีพรับเลี้ยงเด็ก ตกใจเข้าแจ้งความตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ หลังมีเงินปริศนากว่า 500,000 บาท โอนเข้าบัญชีรัวๆ ช่วงข้ามคืนจนโทรศัพท์มือถือค้าง