กรุงเทพฯ 23 พ.ค. – กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนภัยฝนตกหนักถึงหนักมาก 66 จังหวัดเสี่ยงจากเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และลมกระโชกแรง โดยเฉพาะวันที่ 24-25 พ.ค. ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ บางพื้นที่ปริมาณฝน 24 ชั่วโมงอาจสูงถึง 100 มิลลิเมตร หลายพื้นที่อาจเกิดจากฝนที่ตกสะสม
นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 23–27 พฤษภาคม ประเทศไทยจะได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรง และหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลอันดามันที่อาจมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกสะสม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และลมกระโชกแรง โดยขอให้ประชาชนติดตามประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมการรับมือสถานการณ์ที่อาจรุนแรงขึ้นในบางพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงวันที่ 24–25 พฤษภาคม ซึ่งฝนจะตกต่อเนื่องและตกหนักเป็นพิเศษ บางพื้นที่ปริมาณฝน 24 ชั่วโมงอาจสูงถึง 100 มิลลิเมตร
กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศแจ้งเตือนจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก รวมทั้งสิ้น 66 จังหวัดได้แก่
- ภาคเหนือ (17 จังหวัดประกอบด้วย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุทัยธานี นครสวรรค์ และพะเยา
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือประกอบด้วย เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และนครราชสีมา
- ภาคกลางประกอบด้วย นครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ
- ภาคตะวันออกประกอบด้วย นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
- ภาคใต้ประกอบด้วย ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล และสงขลา
กรมอุตุนิยมวิทยาแนะนำให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระมัดระวังอันตรายจากสภาพอากาศแปรปรวน หลีกเลี่ยงการเดินทางหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งขณะเกิดฝนฟ้าคะนอง โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำ ใกล้ภูเขา หรือทางน้ำไหลผ่าน พร้อมทั้งติดตามข่าวสารจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับมือ และวางแผนเฝ้าระวังภัยอย่างเป็นระบบ โดยสามารถติดตามประกาศและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.tmd.go.th หรือโทร 0-2399-4012 และสายด่วน 1182 ตลอด 24 ชั่วโมง. 512-สำนักข่าวไทย