กรมเจ้าท่าเร่งกำจัดผักตบชวา-วัชพืชในแม่น้ำสายหลัก

กรุงเทพ 20 ก.ย. – “มนพร” สั่ง “เจ้าท่า” เร่งกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในแม่น้ำสายหลักให้เสร็จตามแผนปีงบฯ 2567 จำนวน 477,000 ตัน หลังผลงานคืบหน้ากว่า 62.50% ในแม่น้ำ 6 สาย เพิ่มประสิทธิภาพระบายน้ำ สัญจรสะดวก – ปลอดภัยให้ประชาชน


นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้เป็นช่วงฤดูฝน ส่งผลให้ผักตบชวาขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว และมีปริมาณหนาแน่นตามแม่น้ำลำคลองต่าง ๆ ทำให้เกิดอุปสรรคในการเดินเรือและการระบายน้ำ จึงสั่งการให้กรมเจ้าท่าเร่งรัดดำเนินการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชตามแผนในปีงบประมาณ 2567 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่ออำนวยความสะดวกและบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนในการเดินทางสัญจรทางน้ำได้อย่างปลอดภัย

นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า ได้ดำเนินการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชอย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม และตามคำสั่งคณะกรรมการอำนวยการบูรณาการ เพื่อแก้ปัญหาผักตบชวา โดยได้แบ่งพื้นที่รับผิดชอบกรมเจ้าท่าดำเนินการในแม่น้ำสายหลัก ระยะทางรวม 349 กิโลเมตร ประกอบด้วย ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา ระยะทาง 160 กิโลเมตร, แม่น้ำป่าสัก ระยะทาง 50 กิโลเมตร, แม่น้ำน้อย ระยะทาง 42 กิโลเมตร, แม่น้ำลพบุรี ระยะทาง 67 กิโลเมตร, เขื่อนเจ้าพระยา แม่น้ำสะแกกรัง ระยะทาง 20 กิโลเมตร และ แม่น้ำท่าจีนสายเก่า ระยะทาง 10 กิโลเมตร


ทั้งนี้ กรมเจ้าท่าได้รับจัดสรรงบประมาณปี 2567 จำนวน 14,748,900 บาท เพื่อกำจัดผักตบชวาและวัชพืช จำนวน 477,000 ตัน โดยผลการดำเนินงาน ณ เดือนกันยายน 2567 ดำเนินการได้ 298,535 ตัน คิดเป็นผลงาน 62.50% ปัจจุบันเร่งดำเนินการจัดเก็บผักตบชวาในหลายพื้นที่ ดังนี้ 1.แม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลโพแตง อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2.แม่น้ำลพบุรี ตำบลสวนพริก อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ 3.แม่น้ำลพบุรี ตำบลบางขันหมาก อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี

กรมเจ้าท่า จะดำเนินการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชที่กีดขวางทางน้ำให้แล้วเสร็จตามแผนฯ เพื่อแก้ไขปัญหาการเดินเรือและการสัญจรทางน้ำให้เกิดความปลอดภัย เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก อีกทั้งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน เป็นไปตามนโยบาย “ราชรถยิ้ม” ของ รมช.คมนาคม ที่ต้องการขยายผลสู่ภาคปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เป็นการถ่ายทอดนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมสู่การปฏิบัติ ช่วยยกระดับภาคการคมนาคมขนส่งทางน้ำของประเทศ ให้เกิดความสะดวก ประหยัด ปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม.-513-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”