อุบลราชธานี 20 ธ.ค. – กรมอุทยานแห่งชาติฯ เผย “ข้ามแดน” ลูกเสือโคร่งที่ช่วยเหลือจากขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติตายแล้ว สาเหตุเบื้องต้นคาดว่า เกิดจากปอดอักเสบ มีแก๊สในกระเพาะ และอากาศหนาวเย็นมาก นายสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ร่ำไห้ หลังจากพยายามดูแลสุดความสามารถ ส่วนอีก 3 ตัว เอกซเรย์แล้วปลอดภัย
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 กล่าวว่า ได้รับรายงานจากส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าว่า ลูกเสือโคร่ง ชื่อ “ข้ามแดน” ที่ตรวจยึดจากการลักลอบค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ได้ตายแล้วในเวลา 07.15 น. ของวันนี้ ซึ่งทางคลินิกสัตว์ป่าพยายามช่วยเหลือลูกเสือโคร่งอย่างสุดความสามารถ พร้อมได้ขอความอนุเคราะห์นายสัตวแพทย์จากสวนสัตว์อุบลราชธานีเข้าช่วยดูแลอาการตั้งแต่เวลา 03.30 น.
ทั้งนี้ นายสัตวแพทย์สุภัทรพรณพรรณ ขุนทวี นายสัตวแพทย์ 6 จากสวนสัตว์อุบลราชธานี แจ้งว่า จากผลการเอกซเรย์ (X-ray) พบว่าปอดอักเสบ ซึ่งอาจเกิดจากสภาพอากาศเย็นในช่วง 3-4 วัน ก่อนอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ช่องท้องมีแก๊สจำนวนมาก คาดว่าลูกเสืออาจจะปวดท้องหนักมาก แต่หากจะหาสาเหตุที่แน่ชัดจะต้องผ่าพิสูจน์ต่อไป พร้อมกันนี้ได้เอกซเรย์ (X-ray) ลูกเสืออีก 3 ตัวคือ มุกดา สะหวัน และข้ามโขง พบว่าปอดของลูกเสือโคร่งทั้ง 3 ตัว เป็นปกติ แต่เริ่มมีแก๊สในกระเพาะอาหารบ้างแล้ว
สัตวแพทย์ได้วางแนวทางดูแลคือ ให้ลูกเสือโคร่งมีกิจกรรมหลังดื่มนมมากขึ้น เช่น ออกเดินเล่น และลดปริมาณนมแต่ละครั้ง แล้วเพิ่มช่วงเวลาการให้นมแทน
สำหรับลูกเสือโคร่ง “ข้ามแดน” ขณะที่ตรวจยึดมานั้น ตรวจสอบเบื้องต้นน่าจะมีอายุมากที่สุด เพราะขนาด/ลักษณะของฟันยาวกว่าตัวอื่นๆ และน้ำหนักจะมากกว่าตัวอื่น แต่หลังจากนำมาดูแล “ข้ามแดน” กลับกินน้ำนมน้อยกว่าตัวอื่นๆ และโตช้ากว่าตัวอื่นๆ มีอาการซึม ไม่ขี้เล่น ต่างจากอีก 3 ตัว
นายชัยวัฒน์กล่าวต่อว่า ช่วงก่อนหน้านี้ที่ จ. อุบลราชธานี สภาพอากาศเย็นลงมากอย่างรวดเร็ว “ข้ามแดน” มีอาการซึม ไม่เล่น และป่วย ส่วนเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ ในกิจกรรมวันงานคุ้มครองสัตว์ป่าช่วงวันที่ 17-19 ธันวาคมที่ผ่านมา จึงได้งดนำลูกเสือทั้ง 4 ตัว ออกมาด้านนอกอาคารในวันที่ 18-19 เพื่อไม่ให้โดนลม
ทั้งนี้ การสูญเสีย “ข้ามแดน” ทำให้เจ้าหน้าที่และสัตวแพทย์ทุกนายรู้สึกเสียใจมาก เนื่องจากนับตั้งแต่วันที่ได้ตรวจยึดลูกเสือโคร่งทั้ง 4 ตัว เจ้าหน้าที่และนายสัตวแพทย์ทุกนายได้ดูแลอนุบาลลูกเสือโคร่งและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่ลูกเสือโคร่งต้องถูกพรากจากแม่ตั้งแต่ยังเล็กมาก ทำให้ความแข็งแรงทางร่างกายและภูมิคุ้มกันโรคอาจไม่เทียบเท่ากับการได้รับน้ำนมจากแม่เสือโคร่งเอง
นายชัยวัฒน์ได้มอบหมายให้นางสาวคชรินทร์ ราชสินธุ์ นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ เป็นผู้ควบคุมดูแลการผ่าซากลูกเสือโคร่ง “ข้ามแดน” เพื่อพิสูจน์ทราบการตายที่แท้จริงและกำชับให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลลูกเสือโคร่งอีก 3 ตัว คือ “มุกดา สะหวัน ข้ามโขง” อย่างใกล้ชิด.-สำนักข่าวไทย