เลขาฯ รมว.ยุติธรรม เชื่อ ประสิทธิ์ แอบอมกุญแจในปาก

ก.ยุติธรรม 23 ธ.ค. – เลขาฯ รมว.ยุติธรรม แจงกรณี “ประสิทธิ์” แหกการควบคุม เชื่อแอบอมลูกกุญแจใส่ไว้ในปาก พร้อมตั้งกรรมการสอบเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง


ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้าตรวจสอบกล่องเก็บเครื่องมือพันธนาการผู้ต้องขังภายในเรือนจำกลางคลองเปรม พร้อมแถลงกรณีนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยในคดีฉ้อโกงประชาชนและความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พยายามหลบหนี ขณะถูกเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ควบคุมตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปเบิกความที่ศาลอาญา ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม สั่งให้กรมราชทัณฑ์ สอบสวนว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการทำให้นายประสิทธิ์ พยายามหลบหนี โดยจะใช้เวลาภายใน 1 สัปดาห์ ในการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมสั่งย้ายนายประสิทธิ์ ไปแยกขังที่เรือนจำบางขวาง และตีตรวจ และจับตาตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความเครียดจนทำร้ายตัวเอง รวมถึงสั่งงดเยี่ยม ทั้งนี้ ยืนยันว่าหากตรวจสอบแล้วพบว่าหากมีเจ้าหน้าที่กระทำทุจริตก็ดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง ยอมรับว่าจะนำกรณีนี้ไปแก้ไขปรับปรุงต่อไปเพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายประสิทธิ์ ได้ถูกเบิกตัวจากเรือนจำคลองเปรมไปขึ้นศาลเป็นประจำ จนเกิดเห็นช่องโหว่ที่จะสามารถใช้ในการหลบหนี ส่วนตู้เก็บอุปกรณ์เครื่องพันธนาการเป็นเพียงตู้ไม้เก่าธรรมดาและจุดดังกล่าวไม่ได้มีกล้องวงจรปิดอีกด้วย ส่วนวันเกิดเหตุได้อธิบายว่า มีเจ้าหน้าที่พัสดี 1 คน ในการดูแลตั้งแต่การนำผู้ต้องขังมาจากเรือนนอน มายังจุดที่มีการใส่กุญแจข้อเท้า แต่ในขบวนการต่าง ๆ รวมถึงการใส่กุญแจโซ่ตรวนจะมีเจ้าหน้าที่ผู้ช่วย ที่เป็นนักโทษชั้นดี คอยช่วย และในวันดังกล่าวมีผู้ต้องขัง 3 คน และผู้ต้องขังที่จะได้ปล่อยตัวอีก 3 คน รวมเป็น 6 คน และการตรวจค้นร่างกายผู้ต้องขังจะต้องมีการตรวจค้นร่างกาย ประมาณคนละ 30 นาที


ส่วนกุญแจความมั่นคงสูงแบบ 2 ชั้น โดยจะต้องใช้ลูกกุญแจ 2 แบบ ทั้งแบบปกติ และลูกกุญแจเข็มในการแทงสลักแม่กุญแจ ต้องแทงเข็มสลักก่อนและค่อยหมุน และจากการเข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ได้ทดสอบถอดกุญแจ ทั้ง 2 แบบ จากพวงกุญแจทั้งหมด ใช้เวลาประมาณ 20 วินาทีเท่านั้น ส่วนตู้ดังกล่าวเป็นเพียงตู้ไม้ธรรมดา สูงจากพื้นมาประมาณ 60 เซนติเมตร และด้านในและมีกุญแจปิดล็อก

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้มาตรวจสอบก็พบว่า กุญแจเข็มสลักจาก 5 ดอก และกุญแจปกติ 4 ดอก ก็หายไปอย่างละ 1 ดอกเช่นกัน นอกจากนี้สิ่งที่ผิดสังเกต คือปกตินายประสิทธิ์ จะชอบพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เวลามารับตัว แต่วันที่เกิดเหตุนายประสิทธิ์ พูดน้อยมาก แทบจะไม่คุยกับเจ้าหน้าที่เลย จึงเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าจะซ่อนกุญแจทั้ง 2 ดอกไว้ในปาก เพราะเป็นกุญแจดอกเล็ก อีกทั้งยังใส่หน้ากากอนามัยทับ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดตำรวจตรวจยึดกุญแจที่หายไปทั้ง 2 ดอก คืนมาได้แล้ว

ส่วนเจ้าหน้าที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ กรมราชทัณฑ์กำลังสอบสวนเจ้าหน้าที่อยู่ แต่ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ภายในอย่างเดียวคงไม่พอ และยังเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ที่เป็นนักโทษชั้นดี อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยปลดกุญแจในการไขกำไลข้อเท้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กำลังสอบสวนเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว
นอกจากนี้ยังได้ประสานให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ว่ามีการเงินผิดปกติในช่วงเวลาที่นายประสิทธิ์ วางแผนหลบหนีหรือไม่


นอกจากนี้ยังให้ตรวจสอบเอกสารจดหมายเปิดผนึกของนายประสิทธิ์ ที่ส่งออกไประหว่างอยู่ในเรือนจำย้อนหลังไปกว่า 230 ฉบับ ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ด้วย แต่ก็ยังไม่พบความผิดปกติ

ส่วนประเด็นที่ว่า ชุดของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ปรากฏบนกล้องวงจรปิด คล้ายการใส่สูท ได้ชี้แจงว่า ชุดของเจ้าหน้าที่ที่ใส่นั้นเป็นสีครีม และวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้สวมแจ็คเก็ตสีดำทับทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสูท และตอบข้อสงสัยที่ว่าขณะเกิดเหตุ เหตุใดเจ้าหน้าที่ไม่เห็นว่ามีการหลบหนีได้ชี้แจงว่าเจ้าหน้าที่ที่คุมตัวนายประสิทธิ์ไปห้องน้ำจดจำเครื่องแบบนักโทษ แต่เมื่อนายประสิทธิ์ได้มีการเปลี่ยนเป็นชุดปกติทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ทันได้สังเกตแต่เจ้าหน้าที่ก็เห็นว่าคนที่เดินออกไปมีความผิดปกติจึงสงสัยเข้าไปดูในห้องน้ำก็พบว่านายประสิทธิ์ ไม่อยู่จึงเข้าใจว่าชายคนดังกล่าวต้องเป็นนายประสิทธิ์แน่นอนจึงได้รีบเดินออกมาตามพร้อมตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ศาล ให้ช่วยติดตาม ยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อยู่ในชุดจับกุมนายประสิทธิ์

โดยหลังจากนี้จะนำข้อผิดพลาดตรงนี้ไปปรับปรุงแก้ไข และระมัดระวังเคร่งครัดในการปฏิบัติหน้าที่มากขึ้นด้วย พร้อมยืนยันว่า จะไม่ยอมให้มีเจ้าหน้าที่ทุจริตต่อการทำงานอย่างแน่นอน หากพบว่าทุจริตก็จะลงโทษ ปลดออก ไล่ออก ตัดเงินเดือน ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของแต่ละเรื่อง

ส่วนจุดหมายที่ “อี๋” นายแทนคุณ จิตต์อิสระ มาส่งให้กระทรวงจะทำตรวจสอบ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ได้ชี้แจงว่าจดหมายดังกล่าว เป็นจดหมายเปิดผนึก และจากการตรวจสอบก็ได้ระงับจดหมายดังกล่าว การส่งออกจดหมาย แต่สามารถที่จะส่งออกไปเป็นเอกสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์คิวอาร์โค้ด และจะทำการตรวจสอบว่าจดหมายดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการหลบหนีในครั้งนี้หรือไม่ แต่เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ได้พูดว่า ตัวของนายประสิทธิ์ มีความฉลาดมากในการชักชวน จูงใจบุคคลอื่นๆ ก็อาจจะอาศัยตรงนี้ในการพูดจากับคนอื่น ๆ. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เกาะติดปฏิบัติการ EOD ทำลายวัตถุต้องสงสัย หาดป่าตอง

ภูเก็ต 26 มิ.ย. – ภูเก็ตป่วนอีก! พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด ที่หาดป่าตอง ตำรวจชุด EOD ยิงทำลายสำเร็จ หลังเมื่อวานทำลาย จยย. ซุกวัตถุระเบิด จอดทิ้งหน้าสนามบิน ตำรวจชุด EOD ได้ยิงทำลายวัตถุต้องสงสัยที่ผู้ไม่หวังดีนำมาซุกซ่อนเอาไว้บริเวณหาดป่าตอง เรียบร้อยแล้ว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยตำรวจได้กันพื้นที่ในจุดที่พบวัตถุต้องสงสัย ไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปในบริเวณดังกล่าว ทำให้พื้นที่รอบนอกรัศมีออกมา 300-400 เมตร นักท่องเที่ยวยังคงใช้ชีวิตปกติ และไม่ได้ตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด วัตถุต้องสงสัยดังกล่าว มีลักษณะเป็นการตั้งตัวหน่วงเวลาแต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นระเบิดชนิดใด ต้องรอตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บวัตถุพยานต่างๆ เพิ่มเติม โดยก่อนจะยิงทำลาย เจ้าหน้าที่ได้ยิงสกัดสัญญาณก่อน 2 ครั้ง และขณะยิงทำลาย ผู้สื่อข่าวซึ่งอยู่ห่างออกมา 200 เมตร ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น โดยช่วงเย็นวานนี้ ตำรวจชุด EOD ได้ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยซุกระเบิด จอดทิ้งหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินภูเก็ต และยิงทำลายวัตถุระเบิดได้สำเร็จ พลตำรวจตรีสินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ยอมรับว่าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา มีการยกระดับความเข้มการตรวจสอบพื้นที่ทั่วเกาะ ทั้งนี้เหตุการณ์ที่พบวัตถุระเบิดทั้ง 2 จุด ในภูเก็ต เชื่อมโยงกับการจับกุม […]

ผ่อนผันให้ชาวเขมร ผ่านด่านคลองลึกเข้าไทย ไม่เกิน 1 พันคน/วัน

สระแก้ว 26 มิ.ย.-มนุษยธรรม! ทภ.1 ยอมผ่อนผันให้ชาวเขมร เดินทางผ่านด่านคลองลึกเข้ามาในประเทศไทยได้วันละไม่เกิน 1 พันคน แต่กำหนดเวลาเปิด-ปิดด่านดังเดิม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพภาคที่ 1 โดยกองกำลังบูรพา ได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริเวณด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เรื่องให้ประชาชนชาวไทยและกัมพูชา เดินทางข้ามแดนและเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อเป็นการดูแลในเรื่องของมนุษยธรรม ให้กับพี่น้องประชาชน ระบุว่า เพื่อเป็นการอนุโลมให้กับประชาชนชาวไทย และชาวกัมพูชา ที่ต้องการเดินทาง กลับภูมิลำเนา ผ่านจุดผ่านแดนในพื้นพื้นที่จังหวัดสระแก้ว และเป็นไปตามด้านมนุษยธรรม กองกำลังบูรพา จึงกำหนดมาตรการในการดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้1.จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก1.1ประชาชนกัมพูชา ที่มีความจำเป็นสามารถเดินทางเข้ามาซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น โดยใช้หนังสือผ่านแดน Border Pass ของจังหวัดบันเตียเมียนเจย เท่านั้น (ไม่อนุญาตให้ใช้หนังสือเดินทาง Passport ในการผ่านแดน) และไม่อนุญาตให้นำยานพาหนะ ตั้งแต่รถจักรยานยนต์ฯ และรถยนต์ส่วนบุคคลฯ ทุกชนิด เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย (ยกเว้นรถจักรยาน 2 ล้อ) และให้ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ลงตราประทับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ ไม่เกิน 1 วัน ตามห้วงเวลา ดังนี้1.1.1 เวลา 08.00 […]

นายกฯ ลงพื้นที่ชายแดนอรัญประเทศ

สระแก้ว 26 มิ.ย.-นายกฯ นำคณะลงพื้นที่สระแก้ว หารือผลกระทบจากมาตรการเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นจะไปด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ตรงข้ามปอยเปต นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยจุดแรกที่เดินทางมาถึงคือโรงเรียนอรัญประเทศ เพื่อเป็นประธานในการประชุมหารือเรื่องผลกระทบจากมาตรการการกำหนดเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจะรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ทั้งการค้าขายและพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งการป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ หลังการประชุม นายกรัฐมนตรีและคณะ จะเดินทางต่อไปยังบริเวณด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ตรงข้ามเมืองปอยเปตของกัมพูชา เพื่อลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณด่านชายแดน พร้อมพบปะพูดคุยกับประชาชน ผู้ประกอบการ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่.-สำนักข่าวไทย

คนร้ายเผารถ-วางวัตถุต้องสงสัยหลายจุดใน จ.ปัตตานี

ปัตตานี 26 มิ.ย. – คนร้ายเผารถ อบต.-วางวัตถุต้องสงสัยหลายจุดใน จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่เขาตรึงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมเพิ่มความเข้มงวดการลาดตระเวน เมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุความไม่สงบขึ้นในพื้นที่อำเภอสายบุรี จ.ปัตตานี หลายจุด มีรายงานว่า รถของ อบต.แป้น ถูกลอบวางเพลิงจนได้รับความเสียหาย และในพื้นที่โดยรอบยังพบวัตถุต้องสงสัยหลายจุด ทั้งที่ ม.3 ต.กะรุบี ม.8 ต.ตะโละดือรามัน และ ม.4 ต.ปล่องหอยอำเภอกะพ้อ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้ เข้าตรึงพื้นที่ และดำเนินการเก็บกู้ ตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อน และรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมเพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนและสอดส่องตามจุดเสี่ยง ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และอยู่ระหว่างการสืบสวนถึงมูลเหตุจูงใจ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง และหากพบวัตถุต้องสงสัยหรือเหตุผิดปกติ ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยด่วน.-สำนักข่าวไทย