ศาลยกฟ้อง “คุณหญิงกอแก้ว” และพวก ใช้เอกสารปลอม โอนหุ้นมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท

กทม. 5 ก.ค. – ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาคดีปลอมแปลงเอกสารหุ้น หมายเลขดำ อ. 2497/2561 ที่นายเกษม ณรงค์เดช ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท KPN เป็นโจทก์ฟ้องคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ภรรยา พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ, นายณพ ณรงค์เดช บุตรชายคนกลาง และนายสุทัศน์ จิรจรัสพร เป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารปลอม โดยวันนี้จำเลยทั้งสามเดินทางมาศาล


โดยโจทก์นำคดีมายื่นฟ้องเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2561 ระบุฟ้องความผิดจำเลย สรุปว่า ระหว่างเกิดเหตุคดีนี้โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท โกลเด้น มิวสิค ลิมิเต็ด จำนวน 459,109,350 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 99.99 มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายฮ่องกง ต่อมาระหว่างวันที่ 25 เม.ย. 59 -26 มิ.ย. 61 คุณหญิงกอแก้ว นายณพ และนายสุทัศน์ จำเลยที่ 1-3 ในคดีนี้ ร่วมกันสมคบคิดด้วยการใช้เอกสารปลอม ทำให้นายเกษมผู้เป็นโจทก์ ได้รับความเสียหาย

กรณีสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2561 บริษัท ดีคอนส์ฯ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย ส่งหนังสือแจ้งถึงนายเกษม โจทก์ว่า ศาลฮ่องกงมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามมิให้บริษัทโกลเด้นฯ โดยนายเกษมโอนหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) จนกว่าศาลฮ่องกงจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง หากนายเกษมฝ่าฝืนคำสั่งต้องได้รับโทษ และชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น ภายหลังศาลฮ่องกงมีคำสั่งดังกล่าว นายเกษมได้ทำหนังสือแจ้งไปยังกรรมการบริษัทโกลเด้นฯ เพื่อเรียกประชุมผู้ถือหุ้น โดยต้องการแจ้งให้ที่ประชุมทราบ ถึงการต้องทำตามคำสั่งศาลฮ่องกงให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบ ระหว่างนั้นนายเกษมพบว่ามีการแต่งตั้งนายสุทัศน์ จำเลยที่ 3 ขึ้นเป็นกรรมการ บริษัท โกลเด้นฯ โดยไม่แจ้งให้ทราบมาก่อน อันเป็นพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริต รวมทั้งมีเจตนาขัดขวางไม่ให้เกิดการประชุมผู้ถือหุ้นขึ้น เนื่องจากนายเกษมต้องการให้ที่ประชุมลงมติถอดถอนนายสุทัศน์จำเลยที่ 3 ออกจากการเป็นกรรมการบริษัท พร้อมแต่งตั้งกรรมการคนใหม่ขึ้นมาแทนนายสุทัศน์ นอกจากนี้ นายเกษมได้แจ้งให้นายสุทัศน์และผู้เกี่ยวข้องทราบด้วยว่า นายเกษมไม่ยินยอมโอนหุ้นที่ถือไว้ใน บริษัท โกลเด้นฯ ให้กับใครทั้งสิ้น เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งศาลฮ่องกง หากนายสุทัศน์ จำเลยที่ 3 หรือ บริษัท โกลเด้นฯ ได้รับข้อมูลการโอนหุ้นที่นายเกษมเป็นผู้ถือครอง ให้ถือว่าเป็นข้อมูล หรือเอกสารที่เป็นเท็จ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย


ต่อมาวันที่ 19 มิ.ย. 61 นายเกษมได้รับแจ้งว่า กรรมการ บริษัทโกลเด้นฯ มีมติและอนุมัติการโอนหุ้น 459,103,350 หุ้น ซึ่งเป็นหุ้นทั้งหมดของนายเกษม ไปให้คุณหญิงกอแก้ว จำเลยที่ 1 โดยมีการตั้งตัวแทนระหว่างนายเกษมกับคุณหญิงกอแก้ว ระบุว่า มีการตกลงใช้ตราสารการโอนหุ้น และเอกสารต่าง ๆ ที่นายเกษมเป็นผู้ลงลายมือชื่อยินยอม แต่จากการตรวจสอบเอกสารพบว่า นายเกษมไม่ได้เป็นผู้ลงลายมือชื่อดังกล่าว แต่กลับถูกปลอมแปลงลายมือชื่อขึ้น เกิดจากการสมคบคิดกันของคุณหญิงกอแก้ว นายณพและนายสุทัศน์ จำเลยที่ 1-3 โดยจำเลยทั้งสามร่วมกันปลอมแปลงเอกสารสิทธิ ตราสารการโอนหุ้นที่นายเกษมถือครองในบริษัท โกลเด้นฯ ให้คุณหญิงกอแก้ว โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1-3 ตามความผิดด้วย

คดีนี้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า คดีไม่มีมูลเพียงพอ ให้ยกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นรับคดีไว้พิจารณา เบื้องต้นจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า พยานผู้เชี่ยวชาญทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยนำสืบทำนองเดียวกันว่า ลายมือชื่อของฝ่ายโจทก์ไม่ผิดแผกแตกต่างกันว่าเป็นลายมือปลอมหรือไม่ พยานโจทก์ที่นำสืบมีน้ำหนักน้อย น่าสงสัย จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง


ด้านคุณหญิง กอแก้ว เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเงียบ ไม่ได้หมายความว่า เราผิด เพราะต้องการรอความชัดเจนจากกระบวนการของศาลก่อน และวันนี้ก็มีความชัดเจนแล้ว ขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรม แต่ก็ยังมีอีกหลายคดีที่จะต้องต่อสู้กันไป ซึ่งเป็นมูลเหตุมาจากปัญหาเดียวกัน ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่ ขอกลับไปหารือกับครอบครัวและทีมทนายก่อน ยืนยันตัวเองไม่เคยเอาเปรียบหรือคดโกงใคร ความจริงก็คือความจริง

ด้าน ณพ เปิดเผยว่า ขอบคุณศาล และทุกกำลังใจที่มีให้ตนกับครอบครัว ตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงสุขภาพคุณพ่อ หลังทราบจากสื่อมวลชนว่าคุณพ่อไปทำผ่าตัดหัวใจ ซึ่งตลอด 3 ปี ไม่เคยได้รับอนุญาตให้พบคุณพ่อ ก่อนหน้านี้เคยพยายามไปหาที่บ้านหลายครั้ง แต่ไม่มีโอกาสได้พบ สิ่งที่อยากทำที่สุดในวันนี้คือ ไปกราบเท้าคุณพ่อ และเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟังว่าไม่เคยปลอมลายเซ็น ทำทุกอย่างด้วยความถูกต้อง และขอเวลาพิสูจน์ โดยจะไม่ทำให้คุณพ่อและคุณแม่ที่อยู่บนสวรรค์ผิดหวัง

ขณะที่นายมนต์อนันต์ เรืองจรัส ทนายความของนายเกษม เปิดเผยภายหลังว่า นายเกษม ณรงค์เดช และครอบครัวณรงค์เดช ขอยืนยันข้อเท็จจริงตามคำฟ้องทุกประการ และจะใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ นอกจากคดีนี้แล้ว นายเกษม ณรงค์เดช ยังได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีกับนายณพ ณรงค์เดช และคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา กับพวกเกี่ยวกับการปลอมและใช้เอกสารปลอมอีกหลายฉบับ ซึ่งคดีดังกล่าวพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.1708/2564 แล้ว ศาลนัดสืบพยานในต้นปีหน้า โดยนายเกษม ณรงค์เดช ได้รับอนุญาตจากศาลให้เข้าไปเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการด้วยแล้ว

นายกรณ์ ณรงค์เดช บุตรชายคนเล็ก ให้ข้อมูลผ่านคนใกล้ชิดว่า “วันนี้คุณพ่อ (เกษม ณรงค์เดช) พี่ชายคนโต (กฤษณ์ ณรงค์เดช) และตนเอง ขอน้อมรับคำตัดสิน หลังจากนี้คงให้ทีมกฎหมายดำเนินการไปตามขั้นตอน แต่ทั้งนี้ ยืนยันคุณพ่อบริสุทธิ์ รวมทั้งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คุณพ่อทุกข์ใจมาก น้ำหนักลดมากกว่า 10 กิโลกรัม เข้าออกโรงพยาบาลหลายครั้งจนต้องได้รับการผ่าตัดทำบายพาสหัวใจ ดังนั้น ตนและพี่ชายจึงอยากขอความเป็นธรรมให้คุณพ่อ” . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]