กทม.29 มี.ค.- ศาลจำคุก 50 ปี “จุฑามาศ ศิริวรรณ” อดีตผู้ว่าการ ททท.เรียกรับผลประโยชน์จัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพ ส่วนลูกสาวถูกจำคุก 44 ปี และริบเงินกว่า 62 ล้านบาทตกเป็นของแผ่นดิน
ห้องพิจารณา 708 ศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ น.ส.จิตติโสภา ศิริวรรณ บุตรสาว ตกเป็นจำเลย ฐานกระทำผิด พรบ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ม.6 และม.11 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ ฮั้วประมูล.พ.ศ.2542 ม.12 เรียกรับเงินจากนายเจอรัลด์ – นางแพทริเซีย กรีน 2 สามี-ภรรยานักธุรกิจภาพยนตร์สัญชาติอเมริกัน เพื่อให้ได้สิทธิในการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ หรือ บางกอกฟิล์ม เฟสติวัล ปี พ.ศ.2545 –2550 มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท
วันนี้ จำเลยทั้ง 2 เดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยศาลพิเคราะห์ พยานหลักฐาน โจทก์เป็นคำเบิกความของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของ ปปช. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ได้รวบรวมข้อมูลจากการสอบสวนในต่างประเทศโดยพนักงานสอบสวนเอฟบีไอและศาลแคลิฟอร์เนีย นำมาประกอบการพิจารณา ภายใต้กฎหมาย พ.ร.บ.ความร่วมมือทางยุติธรรมอาญาระหว่างประเทศฟังได้ว่า
จำเลยทั้ง2มีความผิดตามฟ้องจริง โดยนักธุรกิจสองสามีภรรยาชาวสหรัฐอเมริกา ได้โอนเงินเข้าบัญชีของนางสาวจิตตโสภา ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ระหว่างปี 2546-2550 โดยมีจำเลยที่ 1 คือนางจุฑามาศ เป็นผู้เซ็นต์อนุมัติ ทำให้2สามีภรรยาชาวสหรัฐอเมริกาได้รับผลประโยชน์จากการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพ
พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือฮั้วประมูล พ.ศ. 2542 มาตรา 12 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ. 2502 มาตรา 6,11 และจำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา6,11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทรวม 11 กระทง ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดโดยให้จำคุกจำเลยที่ 1 กระทงละ 6 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 66 ปีเมื่อรวมโทษทุกกระทงของจำเลยที่ 1 คงจำคุกไม่เกิน 50 ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3) และจำคุกจำเลยที่ 2 กระทงละ 4 ปีรวมจำคุก 44 ปี และริบเงินจำนวนกว่า 62 ล้านบาทให้ตกเป็นของแผ่นดิน
หลังจากฟังคำพิพากษา ทนายจำเลยทั้งสองได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราวต่อศาล ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล.-สำนักข่าวไทย