สตช. 2 มิ.ย.-เจ้าหน้าที่อัตราจ้าง กองการกีฬา อบจ.นครศรีธรรมราช ร้อง ผบ. ตร. เร่งรัดคดีนายกอบจ.ปิดห้องทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้าจึงอยากให้เร่งดำเนินการเพราะปัจจุบันตนเองและครอบครัวอยู่ด้วยความหวาดกลัว
นางสาวณัฐิยา ศาสนาภาพ เจ้าหน้าที่อัตราจ้าง กองการกีฬา องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยตัวแทนฝ่ายกฎหมายพรรคไทยภักดี เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ และความคืบหน้าในคดีของสภ. นครศรีธรรมราช จากกรณีที่มีผู้โพสต์เรื่องเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาในการเข้าแข่งขันวันละ 20 บาท และว่าที่ ร.ท.ยุทธการ รัตนมาศ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เรียก ผู้เสียหายเข้าไปพบที่ห้องทำงาน ทำร้ายร่างกายดั้งจมูกหัก ใบหน้าบวมช้ำนั้น ต่อมาผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ให้ดำเนินคดีผู้ก่อเหตุ ในฐานความผิดทำร้ายร่างกายและกักขังหน่วงเหนี่ยว แต่คดีดังกล่าวกลับไม่มีความคืบหน้า
นางสาวณัฐิยา เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุได้เรียกตนไปต่อว่าและกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการโพสต์ และถูกทำร้ายด้วยการต่อยหน้าจนเลือดอาบจมูกแตก บังคับให้ติดต่อผู้โพสต์ให้ลบโพสต์ ล็อกประตูไม่ให้ใครเข้ามา โดยตนเองพยายามร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านนอก และยังถูกต่อยซ้ำ พร้อมทั้งข่มขู่หากพบที่ไหนจะใช้อาวุธปืนยิง ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ อบจ.ชายพยายามมาเคาะประตูจนว่าที่ ร.ท.ยุทธการ ไปเปิดประตู ซึ่งในวันดังกล่าวมีพยานแวดล้อมอยู่ด้วยประมาณ 2-3 คน
ต่อมาได้เข้าแจ้งความกับตำรวจที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราชและได้มีการนัดหมายเข้าไปชี้จุดเกิดเหตุภายในสำนักงาน อบจ. นครศรีธรรมราช พร้อมทั้งได้ขอสำเนาบันทึกแจ้งความและบันทึกประจำวันของคดีดังกล่าวเพื่อใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ โดยเมื่อถึงวันนัดหมายเจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่สามารถพาเข้าไปชี้จุดเกิดเหตุได้เนื่องจากทางชุดสืบสวนสอบสวนในคดียังไม่ได้ทำเรื่องเข้าไปที่ อบจ. นครศรีธรรมราชเพื่อขออนุญาตเข้าไปชี้จุดเกิดเหตุ จึงทำให้เสียเวลาโดยใช่เหตุ และทำให้การดำเนินการด้านคดีล่าช้า และมองว่าอาจเป็นเพราะอิทธิพลของผู้ก่อเหตุจึงทำให้คดีดังกล่าวไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งเมื่อตนเองขอบันทึกประจำวันและเอกสารบางอย่างในคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่มอบให้โดยอ้างว่ามีสิทธิ์ที่จะให้หรือไม่ให้ก็ได้ อีกทั้งเมื่อตรวจสอบไปว่ามีการเรียกสอบพยานแวดล้อมหรือผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ไปแล้วกี่ปาก กลับปรากฏว่ายังไม่มีการเรียกสอบปากคำผู้ใดซึ่งเสี่ยงต่อการที่พยานแวดล้อมอาจถูกข่มขู่จนทำให้รูปคดีเสียหายและตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ประกอบกับในปัจจุบันตนเองและครอบครัวอยู่ในภาวะหวาดกลัวอิทธิพลของผู้ก่อเหตุเพราะเคยทราบข่าวว่าผู้ก่อเหตุเคยมีพฤติการณ์ในลักษณะใกล้เคียงกันภายในสำนักงาน อบจ. นครศรีธรรมราชกับสื่อมวลชนรายหนึ่งจนเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ จึงต้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และเร่งรัดให้คดีมีการสืบสวนสอบสวนอย่างรวดเร็วมากขึ้น
ทั้งนี้ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุได้พยายามติดต่อไกล่เกลี่ยกับตนเองหลายครั้งแต่ด้วยความหวาดกลัวจึงทำให้ไม่กล้ารับโทรศัพท์ของกลุ่มบุคคลใด กระทั่งล่าสุดเมื่อวานนี้น้องชายของตนเองได้รับการติดต่อจากผู้ก่อเหตุว่าจะขอเจรจาไกล่เกลี่ยและเยียวยาเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ตนเองยังอยู่ในภาวะหวาดกลัวและยังไม่พร้อมที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยใด ๆ อีกทั้งต้องการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุดเนื่องจากมองว่าเป็นการกระทำที่คุกคามต่อข้าราชการในพื้นที่ ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเวรอำนวยการสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับหนังสือดังกล่าวไว้และลงเลขหนังสือพร้อมส่งเรื่องดังกล่าวให้ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องพิจารณาเพื่อดำเนินการกับเรื่องดังกล่าวต่อไป.-สำนักข่าวไทย