“พ.ต.ต.” แก๊งอุ้มรีดครอบครัวนักพนัน 4 เเสนย่องมอบตัวเเล้ว 

กรุงเทพฯ 2 เม.ย- พ.ต.ต.แก๊งอุ้มรีดเงิน 4 แสนบาท จากสองสามีภรรยา เข้ามอบตัวแล้ว เบื้องต้นตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา กักขังหน่วงเหนี่ยวให้เสียอิสรภาพ และกรรโชกทรัพย์ พร้อมเร่งขยายผล ผู้ร่วมขบวนการที่เหลืออีกกว่า 10 คน  


ความคืบหน้าคดีอุ้ม สองสามีภรรยาเพื่อรีดเงินจากการเล่นพนันออนไลน์ จำนวน 400,000 บาท และพระเลี่ยมทอง 1 องค์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ผู้เสียหายซึ่งเป็น 2 สามีภรรยา พร้อมบุตร 1 คน เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.บางนา ในวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง จากนั้นพนักงานสอบสวนลงพื้นที่ พบมีชายฉกรรจ์ที่ร่วมกันก่อเหตุทั้งสิ้น 15 คน ในจำนวนนี้ เป็นตำรวจ 4 นาย สังกัดกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ 2 นาย และ 1 ใน 2 นายเป็นระดับสารวัตร ส่วนอีก 2 นาย สังกัดกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 อีกที่เหลืออีก 9 คน อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบว่าเป็นตำรวจหรือไม่

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้า พ.ต.ต.คม 1 ในผู้ต้องหา แอบเดินทางมามอบตัวที่ สน.บางนา แล้ว และอยู่ระหว่างการสอบปากคำ เบื้องต้นพนักงานสอบสวน  ได้แจ้ง 2 ข้อหากับ พ.ต.ต.คม ในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวให้เสียอิสรภาพ และกรรโชกทรัพย์ ต่อมาเวลา 10.00 น. พลตำรวจตรีไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรียกประชุม ชุดสืบสวน ติดตามความคืบหน้าทางคดี  ที่ สน.บางนา หลังเมื่อวานนี้ได้เข้าค้นบ้านหลังหนึ่งย่านบางชัน กรุงเทพฯ และตรวจยึดรถยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นรถที่ปรากฏตามภาพวงจรปิด ส่วนพฤติการณ์การก่อเหตุเบื้องต้นอยู่ ระหว่างการสอบปากคำว่าได้กระทำผิดจริงตามที่ถูกกล่าวอ้างหรือไม่ รายละเอียดยังอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้ ทั้งนี้ ภายหลังการสอบปากคำเสร็จสิ้นตำรวจจะได้ ควบคุมตัวพันตำรวจตรีคม ไปขออำนาจศาลฝากขังศาลอาญาพระโขนงต่อไป


เมื่อวานนี้ (1 เม.ย.) ตำรวจมีการเรียก เจ้าหน้าที่ 2 นายที่สังกัดนครบาล 5 มาสอบสวนแล้ว โดยทั้งสองคนมีชื่อในบันทึกให้ถ้อยคำของผู้เสียหาย แต่ตำรวจ 2 นายนี้ ไม่ลงลายมือชื่อบันทึกให้ถ้อยคำ ส่วนตำรวจอีก 2 นายสังกัดกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ ลงลายมือชื่อในบันทึกให้ถ้อยคำของผู้เสียหาย ซึ่งผู้กำกับ สน.บางนา จะประสานไปยังผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ ให้นำตัวทั้ง 2 นายมาสอบสวน ซึ่งการปรากฏชื่อใน เอกสารการให้ถ้อยคำของผู้เสียหาย เป็นหลักฐานสำคัญใช้มัดตัวทั้ง 4 นายว่าเกี่ยวข้องกับการอุ้มผู้เสียหายไปรีดทรัพย์จริง ซึ่งการสอบปากคำผู้เสียหายเบื้องต้นให้การยืนยันว่า ระหว่างที่อยู่บนรถ กลุ่มชายฉกรรจ์พูดว่าพวกตนเป็นตำรวจไซเบอร์ ที่มาอุ้มตัวเพราะต้องการนำเงินไปคืนให้กับเว็บพนันออนไลน์ ที่ผู้เสียหายเล่นพนันได้ถึง 2 ล้านบาท

ส่วนการสอบสวนผู้เสียหาย พบว่าวันเกิดเหตุ ชายฉกรรจ์ทั้ง 15 คน ใช้รถยนต์ 7 คัน มีพฤติการณ์อุกอาจบุกเข้าไปอุ้มตัว ผู้เสียหายและบุตรชายวัย 11 ขวบ ในร้านอาหารซึ่งอยู่ในปั๊มน้ำมันร้านย่านอุดมสุข จากนั้นคุมตัวขึ้นรถยนต์ขับตระเวนไปยังสถานที่ต่างๆ พร้อมกับรีดบังคับเอาทรัพย์สิน เช่น ขับไปยังบ้านญาติของผู้เสียหายและไปยังบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เพื่อทำบันทึกการให้ถ้อยคำของผู้เสียหายจนถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันเกิดเหตุ ผู้เสียหายอ่อนล้าจึงยินยอมจะมอบเงินที่ได้จากการเล่นพนันออนไลน์ให้ กลุ่มชายฉกรรจ์จึงยอมปล่อยตัวตอนประมาณเที่ยงคืน   จากนั้นวันรุ่งขึ้น (11 มี.ค.) มีการนัดหมายส่งมอบเงินจำนวน 4 แสนบาทและพระเลี่ยมทอง1 องค์ ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งชายฉกรรจ์ที่รับเงินไป ไม่ใช่ตำรวจ 4 คน ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างติดตามเงินและพิสูจน์ทราบตัวชายฉกรรจ์ที่เหลืออีก 9 คน ส่วนรถยนต์ 7 คัน พิสูจน์ทราบได้แล้ว 5 คัน พบว่าเป็นรถยนต์ของพลเรือนภายนอก ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบสวนปากคำผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระเลี่ยมทอง ที่ถูกคนร้ายกรรโชกไปเป็นเหรียญ “หลวงพ่อพัฒน์” เนื้อทองคำ มีมูลค่าในตลาดพระเครื่อง ประมาณ 250,000 บาท 

นอกจากนี้ ยังพบว่าตำรวจกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ 2 นาย ที่ร่วมก่อเหตุ นายหนึ่งเป็นระดับสารวัตร เป็นตำรวจไซเบอร์สังกัดกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 หรือ สอท.2  ซึ่งจะรับผิดชอบพื้นที่ภูธรภาค 1 ภาค 2 และภาค 7 ไม่เกี่ยวข้องกับพื้นที่นครบาลเลย  เพราะฉะนั้นถือจะอ้างว่ามาปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ถือว่าข้ามพื้นที่รับผิดชอบเข้ามา  


ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบพยานปากสำคัญ ยืนยันเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์มากกว่า 10 คน มีพฤติกรรมต้องสงสัย เข้ามาสั่งเครื่องดื่ม ก่อนเจรจากับผู้เสียหาย และพากันขึ้นรถขับออกจากปั๊มน้ำมันไปอย่างรีบร้อน สังเกตพบว่าส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นบางคนตัดผมเกรียน แต่งกายปกติ ไม่เห็นคนใดแต่งกายเครื่องแบบตำรวจ ขณะที่ชายฉกรรจ์บางคนไปนั่งคุยกับผู้หญิงที่นั่งอยู่หน้าร้านคาดว่าเป็นผู้เสียหาย ซึ่งจากที่พยานสังเกตการพูดคุยของกลุ่มชายฉกรรจ์กับผู้เสียหาย มีการใช้ภาษากายยกมือ อธิบายให้ผู้เสียหายฟังอะไรบางอย่างซึ่งผู้เสียหายก็ตั้งใจฟังและมีการขมวดคิ้วเป็นบางช่วง โดยใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 30 นาที จากนั้นพากันขับรถออกจากร้านไปรวมทั้งตัวผู้เสียหายด้วย

ทั้งนี้ ภายหลังการสอบปากคำเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่เตรียมคุมตัว พ.ต.ต.คม ไปขออำนาจศาลฝากขังศาลอาญาพระโขนง แต่ในระหว่างจะคุมตัวออกจากห้องสอบสวน พ.ต.ต.คม ได้ตะโกนพูดคุยกับสื่อมวลชนว่าถูกทำให้สูญเสียสิทธิเสรีภาพ ทั้งที่ให้ความร่วมมือ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ย้ำเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ และใช้มือถือถ่ายตำรวจที่ควบคุมตัว จากนั้นตำรวจสนซบางนาพยายามควบคุมสถานการณ์พากลับเข้าไปในห้องสอบสวน

ด้าน พ.ต.อ.มนต์เสก ตระกูลพานิชย์ ผู้กำกับการ สน.บางนา เปิดเผยหลังทราบข้อกล่าวว่า จะพาตัวผู้ถูกกล่าวหาไปฝากขัง แต่ผู้ถูกกล่าวหายืนยันจะเดินทางไปด้วยตนเอง เนื่องจากเกิดเหตุขัดขืนจึงต้องจับกุมและคัดค้านการประกันตัว

หลังจากนั้นไม่นาน ตำรวจได้คุมตัว พ.ต.ต.คม ออกมาอีกครั้ง และมีการขัดขืนไม่ยอมขึ้นรถจะเดินทางไปศาลด้วยตัว จึงเกิดเหตุชุลมุนหน้าโรงพักอยู่ประมาณ 10 นาที ก่อนตำรวจจะล็อกตัวขึ้นรถตู้ออกไปศาลอาญาพระโขนงเพื่อขออำนาจฝากขัง. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิกพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ตาวัย 71 ปี ขับรถพุ่งชนรถพ่วงเสียชีวิต

สมุทรสงคราม 13 ก.ค.-ตาวัย 71 ปี ขับเก๋งพุ่งชนกลางลำรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มขณะกำลังกลับรถ เสียชีวิตบนถนนสมุทรสงครามบางแพ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม กล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มกำลังกลับรถทำให้ตัวรถขวางถนน จังหวะนั้นรถเก๋ง ขับมาด้วยความเร็ว พุ่งชนเข้ากลางลำรถพ่วง เหตุเกิดบนถนนสมุทรสงครามบางแพ บริเวณจุดกลับรถหน้าโรงบรรจุแก๊สหุงต้ม ฝั่งขาเข้าแม่กลอง ม.9 ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ช่วงเวลา 19.18 น.วานนี้ (12 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อัมพวา รับแจ้ง จึงเข้าตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่เกิดเหตุพบนายชาญพินิต ส่งชัย อายุ 71 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร คาดเข็มขัดนิรภัย นั่งหมดสติไม่รู้สึกตัวบนเบาะคนขับ เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างประมาณ 5 นาที กว่าจะนำร่างนายชาญพินิต ออกมาและพยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิต แต่นายชาญพินิต เสียชีวิตแล้ว ใกล้กันพบรถพ่วง 22 ล้อ ลูกพ่วงไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดขวางถนนในลักษณะกำลังกลับรถ บริเวณล้อหลังรถพ่วงมี 3 เพลา รวม 12 ล้อ […]

เตรียมขอข้อมูลเส้นทางการเงิน 4 วัดดัง

13 ก.ค. – ตำรวจเตรียมขอข้อมูลเส้นทางการเงิน 4 วัดดัง เข้าข่ายยักยอกเงินวัด โอนให้สีกา ก. หรือไม่ พบเจ้าอาวาสหนึ่งใน 4 วัด โอนกว่า 1 ล้านบาท ความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกา ก. จากข้อมูลการสืบสวน ตำรวจเตรียมขอความร่วมมือเข้าตรวจสอบวัดที่พบว่ามีความเกี่ยวข้อง 4 วัด ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ได้แก่ วัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา, วัดใหญ่จอมปราสาท จ.สมุทรสาคร, วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ขอตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระชั้นผู้ใหญ่และบัญชีวัด เพื่อหาข้อเท็จจริงว่าเงินที่โอนให้สีกา ก. เป็นเงินส่วนตัวหรือเงินวัด หลังพบว่าพระบางรูปที่มีความสัมพันธ์กับสีกา ก. รวบอำนาจการบริหารจัดการเงินของวัดเพื่อให้ทำธุรกรรมได้สะดวก โดยเฉพาะเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท พบเส้นทางการเงินโอนให้สีกา ก. 2 บัญชี เป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ส่วนพระรูปอื่นๆ ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนสีกา ก. จะมีเจตนาในการข่มขู่รีดไถเงินจากพระหรือไม่ ทางการสอบสวนยังไม่พบหลักฐานชัดเจนเพราะเป็นรสนิยมส่วนตัว โดยพุ่งเป้าเข้าหาพระชั้นผู้ใหญ่ เพื่อมีความสัมพันธ์และนำเงินมาใช้ส่วนตัว […]