จิตอาสา ปอท.เตือนภัยออนไลน์ หลอก-ลวง-หลง-โอน

บก.ปอท. 17 มี.ค.- จิตอาสา ปอท. เตือนภัยออนไลน์ “หลอก-ลวง-หลง-โอน” อ้างพัสดุตกค้าง และในกล่องพัสดุมีสิ่งของผิดกฎหมาย ให้เราโอนเงินค่าปรับ แนะต้องมีสติ อย่ายอมโอนเงินง่ายๆ ขอเบอร์โทรกลับ แล้วเช็กกับหน่วยงานที่ถูกอ้างถึง


จิตอาสาตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปอท. มอบหมายให้ พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.อมรชัย ลีลาขจรจิตร ผกก.กลุ่มงานสนับสนุนฯ บก.ปอท. จัดทำจิตอาสาออนไลน์ตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ปอท. ซึ่งในครั้งนี้จะขอนำเสนอกลโกงของแก๊ง “พัสดุตกค้าง” Parcel Post Scam

ในสถานการณ์ปัจจุบัน คนไทยมีสถิติการสั่งซื้อของออนไลน์มากขึ้น เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด ประกอบกับการพัฒนาของแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้า เอื้ออำนวยให้เกิดความสะดวกต่อการชอปปิ้งออนไลน์ บางคนอาจสั่งซื้อสินค้าหลายรายการ จนบางครั้งจำไม่ได้ว่าได้สั่งซื้ออะไรไปบ้าง หรือสั่งสินค้าเพียงชิ้นเดียวก็จริง แต่อยู่ระหว่างรอสินค้ามาส่ง แล้วเราก็ไม่รู้วิธีการบริหารจัดการของผู้ให้บริการขนส่งด้วยว่ามีวิธีการอย่างไร มิจฉาชีพอาศัยช่องโหว่ของข้อเท็จจริงนี้ รวมตัวกันเป็นแก๊งขึ้นมา ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ของผู้ให้บริการขนส่ง รวมถึงปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐต่างๆ ใช้ศาสตร์และศิลป์ในการหลอกลวงเราว่ามีพัสดุตกค้าง ถูกตีกลับ และในกล่องพัสดุนั้นมีสิ่งของผิดกฎหมายบรรจุอยู่ สุดท้ายหลอกให้เราเสียค่าปรับ โดยโอนเงินไปยังบัญชีของแก๊งนี้ เมื่อรู้ตัวอีกทีก็สูญเงินไปหลายบาท มาดูกลโกงของแก๊งเหล่านี้ พร้อมวิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ


  1. “หลอก” เริ่มด้วยมีเบอร์แปลกโทรเข้ามาที่เบอร์เรา โดยจะสอบถามเราก่อนว่าได้เคยสั่งของออนไลน์หรือไม่ ซึ่งในความเป็นจริง คนส่วนใหญ่ก็เคยสั่งของออนไลน์กันมาบ้าง และบางครั้งเราก็อาจหลงลืมไปว่าเคยสั่งของอะไรไว้ที่ อยู่ระหว่างการจัดส่งหรือไม่ ก็อาจตอบกลับไปว่าเคยหรือไม่เคย คราวนี้แก๊งพวกนี้จะแจ้งเราว่า มีพัสดุถูกตีกลับโดยมีเราเป็นผู้รับหรือผู้ส่ง และในกล่องพัสดุนั้นมีสิ่งของผิดกฎหมายต่างๆ เช่น บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม หนังสือเดินทาง ซึ่งเป็นของต้องห้ามหรือเป็นของผิดกฎหมาย สร้างสถานการณ์ขึ้นมาว่าเราเกี่ยวข้องกับสิ่งของเหล่านั้น บางคนหากไม่ทันตั้งสติก็อาจจะหลงเชื่อไปว่าอาจจะมีการผิดพลาดทางการขนส่งของผู้ส่งหรือผู้รับ ที่เราอาจเข้าไปเกี่ยวข้องโดยที่เราไม่รู้ตัว และคิดว่าเรื่องที่เรากำลังฟังอยู่เป็นเรื่องจริง ทีนี้เราก็จะสอบถามกลับไปยังคู่สนทนา (แก๊ง) ว่าเราต้องทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น คราวนี้ก็จะนำมาสู่กลโกงขั้นต่อไป
  2. “ลวง” แก๊งจะอุปโลกน์ขึ้นมาว่า เดี๋ยวจะต่อสายไปยังตำรวจ เพื่อดำเนินการแจ้งความเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยแจ้งกับเราว่า หากเราไม่ได้ทำจริง เราก็สามารถแจ้งความเป็นหลักฐานกับตำรวจได้ แล้วก็โอนสายไปให้พวกของตนเอง (ที่อาจจะนั่งอยู่ที่เดียวกัน ณ สถานที่ใดที่หนึ่ง) ทำทีเป็นตำรวจ โดยแจ้งยศ ชื่อ สกุล ให้เราทราบ เพื่อให้ดูตนเองดูน่าเชื่อถือว่าเป็นตำรวจจริง อาศัยว่าเราคงไม่ได้ทันตั้งตัว เพื่อจะตรวจสอบชื่อนั้นว่ามีจริงหรือไม่ และหากจะตรวจสอบจริง เราก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเราไม่มีฐานข้อมูลรายชื่อตำรวจทั่วประเทศ และเราก็อาจจะมีเวลาไม่เพียงพอที่จะตรวจสอบชื่อนั้น เมื่อแจ้งชื่อแล้ว แก๊งพวกนี้จะแจ้งแบบเดียวกับคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของผู้ให้บริการขนส่ง และแจ้งเราว่าต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้ ไม่เพียงแต่การคุยโทรศัพท์เท่านั้น บางแก๊งขอไอดีไลน์ของเรา แล้วทำเนียนแอดไลน์มาหาเรา รูปโปรไฟล์ก็ทำเนียนให้เป็นรูปตราสถานีตำรวจหรือตราโล่ตำรวจ พร้อมวิดีโอคอลให้เราเห็นเลยก็มี โดยใช้คลิปวิดีโอตำรวจจริงๆ ใส่หน้ากากอนามัยแล้วใส่เสียงลิปซิงค์ ทำให้เหมือนว่ามีตำรวจจริงๆ กำลังวิดีโอคอลพูดกับเราอยู่ เมื่อสร้างความน่าเชื่อถือ (ในระดับหนึ่ง) ได้แล้ว หากเราตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อ ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป (ในขั้นตอนนี้บางครั้งแก๊งก็อาจจอุปโลกน์ตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากร หรือเจ้าหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องก็มี ตามแต่เรื่องราวที่แก๊งนี้จะสร้างขึ้นมา)
  3. “หลง” แก๊งพวกนี้รู้ดีว่า เมื่อสนทนามาถึงจุดนี้แล้วเรายังไม่รู้ตัว นั่นแสดงว่าเราเริ่มหลงเชื่อกลโกงของมันแล้ว เมื่อเราหลงเชื่อแล้ว แก๊งก็จะแจ้งให้เราชำระเงินค่าปรับ แจ้งว่าเพื่อจบเรื่อง ไม่ต้องดำเนินคดี ไม่ต้องติดคุก โดยรูปแบบการคุยก็จะแตกต่างกันไปตามแต่เรื่องราวและสถานการณ์ที่แต่งขึ้น
  4. “โอน” มาถึงขั้นนี้ เราก็คงจะกลัว ไม่อยากติดคุก ไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากเสียเวลาไปสถานีตำรวจ แก๊งจะให้เราโอนเงินเข้าไปยังบัญชีปลายทางของแก๊ง อ้างว่าเป็นบัญชีที่รับชำระเงินค่าปรับของสถานีตำรวจ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ไม่สะดวกเดินทาง ซึ่งบัญชีนั้นก็เป็นบัญชีที่รับจ้างเปิด ติดตามเส้นทางการเงินได้ลำบากมากขึ้นไปอีก เมื่อเราโอนเงินไปได้สักพัก เราก็จะมานั่งทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และนั่นก็คือตอนที่เรารู้ว่าเราถูกหลอกแล้วนั่นเอง

บก.ปอท. ขอแนะนำว่าหากมีเบอร์แปลกโทรเข้ามาแจ้งว่า “ท่านมีพัสดุตกค้าง” “ท่านมีพัสดุถูกตีกลับ” ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ท่านกำลังจะถูกแก๊งพวกนี้หลอกให้โอนเงิน ให้ท่านตั้งสติและพึงระลึกเอาไว้ว่า “อาจจะ” มีพัสดุตกค้างเกิดขึ้นในความเป็นจริง “แต่” การให้โอนเงินค่าปรับเป็นจำนวนหลักพัน หรือหลักหมื่น เพียงแค่การคุยโทรศัพท์โดยปลายสายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่นั้น ดูไม่น่าจะสมเหตุสมผล หากท่านจะต้องควักเงินออกจากกระเป๋าท่านไป ขอให้ท่าน “มั่นใจ” หรือ “แน่ใจ” ว่าท่านได้ตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยละเอียดเสียก่อน

หนึ่งในกลวิธีที่จะหยุดยั้งคนพวกนี้ก็คือ

  1. ให้ท่านขอเบอร์ติดต่อกลับกับคนพวกนี้
  2. ให้ท่านหาเบอร์โทรศัพท์ของหน่วยงานราชการที่คนพวกนี้อ้างถึง แล้วนำชื่อที่คนพวกนี้อ้างถึง ไปสอบถามกับหน่วยงานราชการดังกล่าวว่ามีคนชื่อนี้ตามที่อ้างหรือไม่
  3. เพียงแค่ขั้นตอนแรก เราก็เชื่อว่าแก๊งพวกนี้ ก็อาจจะวางสายใส่ท่าน เพราะเริ่มไหวตัวแล้วว่า เราเริ่มรู้ทัน

ขอเพียงท่าน “มีสติ” และ “ไม่ยอมเสียเงินง่ายๆ” เพียงเท่านี้ ท่านก็ห่างไกลจากแก๊งพวกนี้ได้ เพราะเราเชื่อว่า “การป้องกันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการระงับความเสียหายไม่ให้เกิดขึ้น” เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า “กันไว้ดีกว่าแก้”.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย

จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือน “ตาเมือนธม”

สุรินทร์ 20 ก.ค.- จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือนปราสาท “ตาเมือนธม” ด้านทหารไทย-ฝ่ายปกครอง จัดกำลังดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวไทยใกล้ชิด บรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ วันนี้ ถูกจับตามองเป็นพิเศษ หลังมีรายงานว่าทางกัมพูชาเตรียมเกณฑ์นักท่องเที่ยวชาวเขมรขึ้นมาเยือนปราสาทตาเมือนธม ซึ่งขณะนี้ทราบว่า มวลชนมาด้วยรถโดยสารประจำทางของฝั่งกัมพูชาเกือบ 23 คันรถ โดยจอดอยู่ข้างล่างฝั่งกัมพูชาและเริ่มทยอยขึ้นมายังปราสาทตาเมือนธมอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศภายในตัวปราสาทฯ ยังคงเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและกัมพูชา ท่ามกลางการดูแลอำนวยความสะดวกของเจ้าที่ทหารไทยเป็นอย่างดี ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแต่อย่างใด -สำนักข่าวไทย

Vietnam's Halong Bay boat disaster

พายุ “วิภา” ทำเรือท่องเที่ยวล่มในเวียดนาม

ฮานอย 20 ก.ค.- เกิดอุบัติเหตุเรือนักท่องเที่ยวล่มในอ่าวฮาลองหรือฮาลองเบย์ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเวียดนามที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้าย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 38 คน และยังไม่พบตัวอีก 5 คน หนังสือพิมพ์วีเอ็นเอ็กซ์เพรสส์ของเวียดนามรายงานว่า เรือท่องเที่ยวชื่อวันเดอร์ซี (Wonder Sea) พลิกคว่ำในอ่าวฮาลองเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.วันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลาเดียวกันในไทย เป็นช่วงที่พายุโซนร้อนวิภา (Wipha) เคลื่อนตัวข้ามทะเลจีนใต้เข้าใกล้เวียดนาม มีรายงานกระแสลมแรง ฝนตกหนัก และฟ้าผ่าในพื้นที่ดังกล่าว ขณะเกิดเหตุบนเรือมีชาวเวียดนามทั้งหมด 53 คน เป็นลูกเรือ 5 คน และผู้โดยสาร 48 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากกรุงฮานอย ซึ่งอยู่ห่างจากอ่าวฮาลองไปทางตะวันตกราว 165 กิโลเมตร และในจำนวนนี้เป็นเด็ก 20 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยชีวิตผู้ประสบเหตุได้ 10 คน และพบศพใกล้จุดที่เรืออับปาง โดยพบศพเด็กแล้ว 8 คน และยังคงค้นหาผู้สูญหายอยู่ 5 คน ท่ามกลางฝนที่ตกหนักต่อเนื่องเป็นอุปสรรคต่อภารกิจค้นหาและกู้ภัย นายกรัฐมนตรีฝั่ม มิงห์ […]