ปคบ.ทลายแก๊งขายใบผลตรวจโควิดปลอม

กองปราบฯ 16 มี.ค.- ตำรวจ ปคบ.ทลายเครือข่ายขายใบรับรองผลตรวจโควิดปลอม ได้ผู้ต้องหา 3 คน พบยังลอบขายวุฒิการศึกษาปลอม รวมทั้งเอกสารทางราชการอื่นๆ


ตำรวจ ปคบ.ทลายเครือข่ายขายใบรับรองผลตรวจโควิดปลอม จับกุมเครือข่ายผู้ต้องหา 3 คน คือ น.ส.พลอย อายุ 24 ปี นายวีรพล หรือมะตูม อายุ 26 ปี และนายมูนีร หรือนิด อายุ 22 ปี โดยติดตามจับกุม น.ส.พลอย ได้ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง เขตบางกอกน้อย กทม. และจับกุมนายวีรพล ได้ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ถนนวิชิตสงคราม อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ส่วนนายมูนีร ไหวตัวทัน หลบหนี ตํารวจติดตามกดดันอย่างต่อเนื่อง จนนายมูนีร ยอมเข้ามอบตัว เบื้องต้น น.ส.พลอย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนนายวีรพล และนายมูนีร ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. กระทรวงสาธารณสุข ว่ามีผู้ลักลอบหาผลประโยชน์ โดยการปลอมแปลงเอกสารผลตรวจโควิด แล้วนํามาจําหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไป เพื่อใช้ในการสมัครงานต่างๆ หรือการเดินทางไปต่างประเทศ เป็นต้น โดยที่ผู้รับการตรวจไม่ต้องเดินทางไปตรวจแต่อย่างใด


พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.ปคบ เปิดผยว่า ตำรวจ ปคบ.สืบสวนพบว่า เว็บไซต์ https://covid-lab.airsite.co มีการโฆษณาขายใบรับรองผลการตรวจโควิด ราคา 890 บาท รับผลภายใน 15 นาที เพียงแจ้งชื่อนามสกุล วันที่ออกใบรับรองผลการตรวจโควิด โดยผู้ตรวจไม่ต้องเดินทางไปตรวจ โดยใบรับรองจะออกในนามบริษัท พีซีที ลาบอราตอรี่ เซอร์วิส จํากัด (PCT LABORATORY SERVICE CO,.LTD.) ซึ่งจากการตรวจสอบกับบริษัทดังกล่าว พบว่าเป็นใบรับรองผลปลอม บริษัทไม่ได้เป็นผู้ออกให้ เป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหาย บริษัทจึงแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม

ตํารวจติดต่อล่อซื้อผ่านไลน์ที่แจ้งไว้ในเว็บไซต์ “PCR TEST 890 -” พฤติการณ์เครือข่ายนี้มีการแบ่งหน้ากันทำ 3 กลุ่ม คือ นายมุนีร ทำหน้าที่เป็นแอดมินเว็บไซต์พูดคุยสอบถามข้อมูลกับลูกค้า จากนั้นจะส่งข้อมูลให้นายปังปอนด์ จัดทำใบรับรองผลตรวจโควิดปลอม โดยมี น.ส.พลอย และนายวีรพล จัดหาจ้างเปิดบัญชีม้า เพื่อรับโอนเงินจากลูกค้า เมื่อทำใบรับรองโควิดปลอมเรียบร้อย จะจัดส่งทางไปรษณีย์หรือขนส่งเอกชน

สืบเนื่องจากเมื่อประมาณกลางปี 2564 นายมูนีร ต้องการจะเดินทางไปประเทศตุรกี ต้อง ใช้ใบรับรองผลการตรวจโควิด นายมูนีร จึงติดต่อนายปังปอนด์ ซึ่งรู้จักกันทางทวิตเตอร์ให้ปลอมแปลงเอกสารใบรับรองผลการตรวจโควิดให้ จากนั้นนายมูนีร นําเอกสารดังกล่าวไปใช้เดินทางไปประเทศตุรกี เมื่อกลับมานายมูนีร จึงพูดคุยตกลงกับนายปังปอนด์ เพื่อที่จะขายใบรับรองผลการตรวจโควิดปลอม โดยนายปังปอนด์ หาซื้อบัญชีธนาคารของผู้อื่นเพื่อใช้เป็นบัญชีม้าจาก น.ส.พลอย และนายวีรพล ผ่านทางเฟซบุ๊ก ในราคาบัญชีละ 3,500 บาท ส่วนนายมูนีร ได้ไปจ้างบริษัทแห่งหนึ่งเขียนเว็บไซต์ และยิงแอดโฆษณา เมื่อมีผู้สนใจติดต่อมา นายมูนีร จะเป็นแอดมินพูดคุยกับลูกค้า โดยนายมูนีร จะส่งชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด และวันที่ที่ต้องการให้ระบุในใบรับรองผลตรวจ ให้แก่นายปังปอนด์ จากนั้นนายปังปอนด์ จะปลอมแปลงใบรับรองผลการตรวจโควิด แล้วส่งให้นายมูนีร เพื่อส่งต่อให้ลูกค้า เมื่อลูกค้าชําระเงินเรียบร้อยแล้ว นายมูนีร จะเป็นผู้รวบรวมและยักย้ายถ่ายเทเงินไปยังบัญชีม้าต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม จากนั้นจะมีการแบ่งผลประโยชน์กัน โดยนายมูนีร ได้ 500 บาท/คน ส่วนนายปัง ปอนด์ ได้ 390 บาท/คน จากราคา 890 บาท


จากการตรวจสอบพบว่า เครือข่ายปลอมใบรับรองโควิค ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564- มกราคม 2565 กลุ่มผู้ต้องหาได้เงินจากการขายใบรับรองผลการตรวจโควิดปลอมประมาณ 300,000 บาท นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวได้ลักลอบจําหน่ายวุฒิการศึกษาปลอมให้แก่บุคคลทั่วไป เพื่อนําไปใช้การสมัครเรียนต่อหรือทํางาน ตั้งแต่ระดับชั้นประถมไปจนถึงมหาวิทยาลัย ในราคาตั้งแต่ 1,500-7,000 บาท อีกทั้งยังรับปลอมแปลงใบขับขี่บัตรประจําตัว, ประชาชน, บัตรข้าราชการ, โฉนดที่ดิน และทะเบียนรถ อีกด้วย โดยพบว่าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564- มกราคม 2565 กลุ่มผู้ต้องหาได้รับเงินจากปลอมแปลงเอกสารดังกล่าวประมาณ 5 ล้านบาท

ตำรวจ ปคบ.แนะการตรวจสอบใบรับรองผลโควิดปลอม จะมีการโฆษณาว่าไม่ต้องเดินทางมาตรวจโควิดด้วยตนเอง หรือให้โทรตรวจสอบข้อมูลกับบริษัทที่อ้างถึง รวมถึงตรวจสอบเอกสารผลใบรับรอง สแกน QR code หากเป็นของจริง สแกนไปแล้วจะขึ้นข้อมูลผลตรวจทันที.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย