กรุงเทพฯ 7 มี.ค. – “ชูวิทย์” เผยชื่อนักการเมือง ช.ให้คำปรึกษาคนบนเรือ สร้างเรื่องแตงโมนั่งปัสสาวะท้ายเรือ ปิดบังข้อเท็จจริงเหตุการณ์ ระบุ “ไม่มีคำโกหกใดที่สมบูรณ์แบบ” แนะให้การตามความจริง
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ แถลงข่าวให้ความเห็นกรณีคดีการเสียชีวิตของดาราสาวแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ โดยได้นำแผ่นกระดาษเขียนข้อความมาประกอบการแถลงข่าว แผ่นแรก นายชูวิทย์ ได้เขียนข้อความ perfect lie “ไม่มีคำโกหกใดที่สมบูรณ์แบบ” และแผ่นที่ 2 เขียนวงจรที่ระบุว่า เหตุการณ์นี้เชื่อมโยงถึงรถหรู, เรือ, เหล้า, ไวน์, ยา และนักการเมือง
นายชูวิทย์ ระบุว่าอันนี้คือชีวิตจริงไม่ใช่ละคร ชาวบ้านติดตามเหตุการณ์นี้และตนเองก็สนใจติดตามเรื่องของแตงโม ซึ่งขณะนี้กลายเป็นละครซีรีย์ ทั้งที่เป็นชีวิตจริง ควรคืนความยุติธรรมให้กับคนตาย ซึ่งไม่สามารถที่จะมาแก้ตัวได้ จากประสบการณ์ของตนเอง มองว่าคดีนี้เป็นคดีที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทนาย และไม่ใช่คดีฆาตกรรม แต่เป็นเพียงคดีที่เกิดจากความประมาท และมีการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะหากเป็นการฆาตกรรมทำไมต้องไปฆาตกรรมกลางแม่น้ำ ไปล่องเรือผ่านร้านอาหาร ผ่านโรงแรม และประเด็นที่อ้างว่าไปปัสสาวะ เป็นคำโกหกที่ไม่สมบูรณ์ เมื่อได้เริ่มต้นโกหกต้องโกหกต่อไปไม่มีทางที่จะกลับมาพูดความจริง แต่เนื่องจากคดีนี้ไม่ได้มีคนเดียว และยิ่งคนบนเรือมีหลายคน แรก ๆ ก็ร่วมมือกัน แต่หลัง ๆ เรียกว่า แตกกัน ย้ำว่าข้อเท็จจริงบนเรือ 5 คน ที่อยู่บนเรือรู้เหตุการณ์ทั้งหมด แต่ไม่ยอมพูดความจริงให้หมด แต่พูดเพียงบางส่วน เพราะฉะนั้นการหายไปหลังเกิดเหตุถึง 2 วัน หลังมีคดีเกิดขึ้นไม่ใช่ปกติของคนทั่วไป
นายชูวิทย์ เขียนอักษรย่อ “ช.” ลง บนกระดาษ พร้อมกับระบุว่า หลังเกิดเหตุการณ์มีคนบนเรือไปขอคำปรึกษากับนักการเมืองอักษรย่อ “ช.” จนทำให้บิดเบือนความจริงตอนเกิดเหตุเป็นคำโกหก และโยนความผิดให้คนตาย ว่าไปปัสสาวะจนตกเรือ
นายชูวิทย์ ระบุถึงประเด็นที่มีคนกล่าวอ้างว่าจะมีการนำแตงโมไปให้ผู้ใหญ่ที่รออยู่ในโรงแรมหรู จากประสบการณ์ไม่มีผู้ใหญ่ที่ไหนมานั่งรอเด็ก มีแต่เด็กต้องมานั่งรอผู้ใหญ่ ประเด็นนี้ให้เลิกคิดไปได้เลย ตัดไปเลย อย่าโทษคนตาย อย่าไปพูดอะไรที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง มี 5 คนอยู่ด้วยกัน แต่ไม่พูดความจริง บางส่วนปั้นเรื่อง ส่วนการดื่มไวน์บนเรือ ปกติไวน์หนึ่งขวดเทได้ 6-7 แก้ว ไปกัน 5 คน คนละแก้วก็หมดแล้ว ไวน์เกินแน่นอนหรืออาจมีอย่างอื่นด้วย อันนี้ไม่ขอพูด เมื่อมีคนตกน้ำ หาไม่เจอ ถ้าเป็นผม ผมให้การตามข้อเท็จจริง เลือกเป็นเรื่องจริงพูดร้อยครั้งก็จริงร้อยครั้ง ให้รอฟังตำรวจแถลง อีก 2 วัน ข้อเท็จจริงก็เป็นอุบัติเหตุจากการประมาท ไม่ใช่ฆาตรกรรม และในวงจรที่พูดก็หนีไม่พ้นเรื่องที่เขียนวงจรในกระดาน
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า เห็นนายปอ มากว่า 10 ปี ขายรถและเข้าสู่วงจรใกล้ชิดผู้ใหญ่ รู้จักพูด เข้าหาผู้ใหญ่ เป็นคนทำตัวนุ่มนวล จากนั้นเข้าสู่วงจรรถหรู ก็ขายให้กับนักการเมือง และได้ใกล้ชิดกับนักการเมืองอักษรย่อ ผ. ซึ่งอยู่ในแก๊งรถหรู จากนั้นเริ่มมีเต็นท์รถใหญ่แถวพระราม 9 นายชูวิทย์ระบุด้วยว่าผมรู้ ผมพูดในสิ่งที่รู้ ไม่อยากดัง วันนี้ตำรวจอาจจะช้าไป ทำให้ชาวบ้านพูดไป มีคนที่ไหนไปปัสสาวะท้ายเรือ
นายชูวิทย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทั้งชีวิต เคยเจอแตงโมครั้งเดียว คิดว่าข้อเท็จจริง ควรเอามาพูด ไม่ควรที่จะบิดเบื่อนข้อเท็จจริง โทษคนตาย เชื่อว่าจากการที่ตำรวจแยกสอบคนบนเรือจะได้ข้อมูลระดับหนึ่ง จึงอยากเตือนสังคม ในฐานะที่ตนเคยมีคดีหลายคดี บางเรื่องไม่ควรโกหก ถ้าโกหกชั้นตำรวจแล้ว ต้องโกหกชั้นอัยการ และในชั้นศาล ยืนยันโกหกไปเรื่อยไม่มีประโยชน์ การพูดความจริงบางครั้งอาจเจ็บตัว แต่ต้องยึดหลัก “สู้ติดแน่ แพ้ติดนาน สารภาพติดพอประมาณ” สิ่งที่พูดหรือปั้นเรื่องขึ้นมา ภายในวัน 2 วัน ไม่มีทางเป็นจริงได้เลย ที่มาแถลงข่าว เพราะเห็นว่าสังคมสับสน เป็นคดีดัง ตนเองไม่ต้องการดัง และไม่จำเป็นต้องไปให้การกับตำรวจ เพียงแค่ต้องการวิเคราะห์ให้เห็น.- สำนักข่าวไทย