“ทนายตั้ม” เข้าให้ปากคำคดี “แตงโม” ตกเรือ

นนทบุรี 4 มี.ค. – “ทนายตั้ม” เข้าพบพนักงานสอบสวนให้ปากคำคดี “แตงโม” ตกเรือ ชี้ “แซน” เป็นกุญแจสำคัญในคดี พร้อมเล่ารายละเอียดขณะคนบนเรือมาปรึกษา


ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อให้ปากคำคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม” ในฐานะพยานของคดี เนื่องจากมีคนบนเรือมาปรึกษาตนเอง หลังเกิดเหตุ โดยทนายษิทรา เผยว่า นายปอ โรเบิร์ต มาปรึกษาตนเองที่ร้านอาหารหลังวันเกิดเหตุ ส่วน กระติก ตามมาทีหลัง ได้เจอกันไม่นาน โดย ปอ-โรเบิร์ต รู้อยู่แล้วว่าจะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และผู้อยู่ในเหตุการณ์มีทนายความส่วนตัวอยู่แล้ว

ทนายษิทรา ระบุอีกว่า กุญแจสำคัญของคดีนี้อยู่ที่ “แซน” ซึ่งเป็นคนบอกว่า แตงโม เดินมาปัสสาวะที่ท้ายเรือ ส่วนประเด็นการเจอเส้นผมที่ใบพัดเรือ ยังไม่มีใครยืนยันข้อเท็จจริงส่วนนี้ได้


ทนายษิทรา ยอมรับว่าเป็นพยานเต็มตัวแล้ว วันนี้ได้รับการประสานมา 2 เรื่อง คือ วันที่พบนายปอ กับนายเบิร์ต และเมื่อวาน (3 ก.พ.) ตนได้แจ้งเบาะแสสำคัญ จึงต้องการให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเพิ่ม ทนายษิทรา ย้ำว่าต้องการให้ตำรวจทดลองเกี่ยวกับใบพัด และฟินเรือหรือหางสือในน้ำเพื่อดูรอยตัด เช่น ใช้เนื้อหมู หรือซิลิโคนทดสอบ เพราะคดีอาชญากรรมหลายคดีมีการทดลองเช่นนี้หมด และคาดว่าจะเป็นจุดสำคัญที่ตำรวจควรให้ความสำคัญ

ทนายษิทรา บอกด้วยว่า เป็นเรื่องดีที่ตำรวจย้ายเรือไปเก็บรักษาไว้ป้องกันการยุ่งเกี่ยวพยานหลักฐาน เพราะเรือเป็นหลักฐานสำคัญในคดี แต่ยืนยันว่าเมื่อวานตนแค่ดูเรือ และรู้ว่าคือวัตถุพยาน ไม่มีการสัมผัส ไม่ได้ขึ้นเรือ

ส่วนประเด็นที่พบนายปอ ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ และนายเบิร์ต โรเบิร์ต ไพบูลย์ กาญจนานันท์ นั้น มีเพื่อนที่รู้จัก 2 คนนี้ติดต่อมาเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 มีเวลาคุยกันไม่เกิน 15 นาที ส่วนใหญ่เล่าเหตุการณ์และปรึกษาเพื่อเตรียมตัวเท่านั้น เนื่องจากทั้งคู่รู้จักตนว่าเป็นทนายที่มีความสามารถทางคดีเท่านั้น ตนไม่ได้รู้จักทั้งคู่มาก่อน


โดยการบอกเล่านั้นเป็นการเล่าช่วงเกิดเหตุเหมือนที่สื่อทราบ แต่ตนไม่ขอลงรายละเอียด แต่ต้องการรู้ว่าใครโดนดำเนินคดีบ้าง ตนจึงแนะว่าถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นว่าคนขับเรือ เป็นเจ้าของ และอีกคนเป็นคนขับเรือด้วย ทั้งคู่ก็ถูกดำเนินคดี ระหว่างคุยทั้งคู่มีสีหน้ากังวลกันมาก เพราะรู้ว่าต้องถูกดำเนินคดี และไม่มีการพูดว่าจะเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง รวมถึงไม่มีการปรึกษาแนวทางหลุดพ้นคดี รวมถึงทั้งคู่บอกว่าพยายามหาแตงโมแล้ว และกังวลว่าแตงโมจะเสียชีวิต มีการตั้งความหวังว่าจะมีใครช่วยไว้ได้ไหม

ช่วงที่ได้คุยแค่ 2 คนหลัก และได้เจอกระติกกับโบ สุรัตนาวี ที่ลานจอดรถเพียง 30 วินาที โดยกระติกเดินเข้ามาทักและถามแค่ว่าหนูต้องทำยังไง ตนก็แนะให้ไปโรงพักเท่านั้น ก็แยกย้ายกัน มาทราบภายหลังว่ามีจ๊อบรออยู่ที่รถอีกคน ตนเองยืนยันตั้งแต่ตนว่า การพูดคุยไม่มีการขอให้เป็นทนายความ ส่วนประเด็นที่สังคมสงสัยว่า โรเบิร์ตมี 2 คน ตนยืนยัน โรเบิร์ตที่ตนเห็นเป็นคนเดียวกัน ใส่เสื้อยืด ร่างท้วม แต่ผมไม่ได้ใส่แว็กและจำไม่ได้ว่าหน้าผากเถิกหรือไม่

ส่วนกรณี โบ TK เข้าให้การตำรวจเมื่อวานนี้ (3 มี.ค.) ซึ่งเป็นให้การไม่เหมือนที่กระติกเล่าให้ฟัง แม้ไม่ใช่ ประจักษ์พยานโดยตรง แต่โบเป็นพยานแวดล้อม ก็น่าเชื่อถือ และข้อมมูลที่โบเล่าเป็นความจริง ทั้งการให้สัมภาษณ์ ดังนั้นหากพิสูจน์ว่าพยานทั้ง 5 คน ให้การไม่เป็นความจริง อาจโดนข้อหาให้การการเท็จ แต่ต้องดูวาระสำคัญก่อนด้วย เพราะพยานกับผู้ต้องหาต่างกัน เช่น ผู้ต้องหาจะให้การยังไงก็ได้ แต่พยาน หากให้การเกินข้อเท็จจริงก็โดนข้อหาได้

ทนายษิทรา กล่าวถึง ประเด็นคุณแม่ของแตงโม ออกรายการโหนกระแสยอมรับว่าค่อนข้างตกใจ เพราะตนก็มีลูก ยืนยันถ้าเป็นลูกตนคงประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งก็ขอให้แม่น้อง เฮง ๆ ปัง ๆ

ซึ่งแม่ประเมินค่าน้องแตงโมเป็นเงิน 30 ล้านบาท นั้น ขึ้นอยู่กับฝ่ายผู้ต้องหาว่าจะจ่ายไหม ถ้าตกลงกันได้ก็จบ แต่หากผู้ต้องหามองว่ามองว่าแม่เพิ่งมาดูแล แตงโม ได้ไม่นาน จำนวนเงินอาจจะไม่ถึง หากได้เงินสินไหมจำนวนนี้ ยอมรับว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษได้ แต่คดีนี้มีผู้เสียหาย 2 คน คือแม่กับพี่ชาย หากพี่ชายไม่ยอม คัดค้านก็ต้องต่อสู้กัน แต่คดีก็ยังเบา เป็นเหตุบรรเทาโทษ ผู้ต้องหาจ่ายเงิน รับสารภาพแล้ว น้ำหนักโทษจะเบาลง เช่น รอลงอาญา

ทนายษิทรา ยืนยันว่าคดีนี้ไม่สามารถยอมความได้แน่นอน เพราะเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ส่วนตัวมีความรู้เหมือนทุกคน และอธิบายไม่ถูกและอย่าไปเห็นแก่ใคร ให้เห็นแก่ แตงโม ว่าจะต้องได้รับความยุติธรรมความความจริงต้องปรากฏ ให้ช่วยแตงโม และตนก็เชื่อว่าหากความจริงปรากฏน้องคงสบายใจหมดห่วง

“ดังนั้นอยู่ที่ทางตำรวจว่าคิดทำอย่างไร และจะสนใจในประเด็นที่ตนบอกไหม หรือหากไม่สนใจ สรุปตามสำนวนในตอนนี้ ก็ได้ เพราะมีคนสารภาพแล้ว แต่ถ้าสื่อตามข่าว สังคมตาม เชื่อจะเป็นแรงกดดัน ให้ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา นายษิทรา กล่าว”

ส่วนเงินประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ที่แตงโมได้มอบประโยชน์ให้ลูกสาวกระติก เป็นความประสงค์ของคุณแตงโม ยืนยันว่าแม่ไม่สิทธ์ เนื่องจากการเอาเงินผู้เยาว์ต้องขอคำสั่งศาล แม้แม่จะร้องขอ ศาลก็ไม่ให้แน่นอน เพราะไม่ใช่ประโยชน์ของผู้เยาว์ แต่ทุกอย่างสามารถเจรจากันได้ แต่หากจะเปลี่ยนแปลงต้องเป็นคุณแตงโมเท่านั้น .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.

รัฐสภา 31 พ.ค. – เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.นี้ เคาะประธาน-รองประธาน วางกรอบการทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 73 คน ประกอบด้วย สัดส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 18 คน คือ 1. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง 2. นายจักรพงษ์ แสงมณี 3. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง 4. นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม 5. นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 6. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ […]

สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง

รัฐสภา 31 พ.ค.- สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง ประธานสั่งพักประชุม 5 นาที สุดท้ายงูเห่ายอมถอย ไปอยู่สัดส่วน ครม.แทน การประชุมสภาผู้แทนราษฎรหลังที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติพิจารณางบประมาณรายจ่ายงบประมาณ 2569 ในขั้นตอนการเสนอชื่อกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 73 คน ในสัดส่วนของพรรคไทยสร้างไทย จำนวน 1 คน โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน และ สส.พรรคประชาชน ได้เสนอชื่อ นายชัชวาล แพทยาไทย ขณะที่นางสุภาพร สลับศรี สส.พรรคไทยสร้างไทย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ทำให้เกิดการประท้วงกันเนื่องจากมีการเสนอชื่อ 2 คน แต่ปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทยมีหนังจากกรรมการบริหารพรรคว่าจะเสนอชื่อนายชัชวาล เป็นตัวแทนของพรรคทำให้นายฐากูร ยืนยันว่าที่ผ่านมาการเสนอชื่อบุคคลเป็นกรรมาธิการวิสามัญจะต้องถูกเสนอโดยคนของพรรคตัวเอง ไม่ใช่พรรคอื่น ซึ่งวันนี้พรรคไทยสร้างไทยเสนอชื่อตน แต่พรรคการเมืองอื่นเป็นเสนอชื่ออีกคน ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่า ใครจะเป็นผู้เสนอชื่อก็ได้ขอแค่มีผู้รับรอง ก่อนจะให้เวลาทั้ง 2 ฝ่ายหารือกัน […]

“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่

รัฐสภา 31 พ.ค.-“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่ ลั่นถ้าทำให้นายกฯ ไม่ได้ ก็เปลี่ยนตัว เอาคนอื่นไปนั่งแทน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วาระร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นายชาดา กล่าวว่าในฐานะที่อยู่ในสภาฯ มาพอสมควร ขอชื่นชมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีการพัฒนาในการอภิปรายอย่างมาก ปี 69 มีงบประมาณลงทุน 7 แสนล้านบาท คนพูดกันตลอดเวลาว่าทำไมช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยในประเทศนี้จึงห่างขึ้นทุกวัน ยกตัวอย่าง ในงบลงทุนเป็นงบก่อสร้าง 4.75 แสนล้านบาท ซึ่งงบก่อสร้างไม่เหมือนในอดีตเพราะต้องถูกตัดไปให้ธนาคาร 5% จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาดูเพราะเป็นการเอาเปรียบประชาชน ในจำนวนนี้มีค่าธรรมเนียม 2.5% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องเร่งรัดการเบิกจ่ายอีก 15% ซึ่งธนาคารตัดไป 3% และคิดค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก นายชาดา กล่าวว่างบก่อสร้าง มีเครื่องจักรเหล็กหินวัสดุที่เป็นปูน หากเป็นงานถนนมีแรงงานเพียง 15% เงินส่วนนี้ไม่ได้ไปสู่ระบบข้างล่าง […]

ฝากขังพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก

นครราชสีมา 30 พ.ค. – ตำรวจคุมตัวพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก และขืนใจลูกวัย 11 ขวบ ฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา อ้างวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโหและมึนเมาสุรา จึงก่อเหตุ ความคืบหน้ากรณีพ่อเลี้ยงพระเอกลิเกสุดโหดใช้ค้อนสำหรับทุบหมู ทำร้ายลูกเลี้ยงนางเอกลิเกที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก จนบาดเจ็บเลือดคั่งในสมอง ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นครราชสีมาบุกรวบตัวผู้ต้องหาคือ นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเกชื่อ “รักยิ้ม ทับทิมสยาม” พ่อเลี้ยง ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 พ.ค.) ขณะผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา ก่อนจะควบคุมตัวมายังสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เพื่อสอบปากคำ เช้าวันนี้ (30 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา คุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนขยายผล จนผู้ต้องหา ยอมให้การรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง อ้างว่าในวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโห พร้อมกับมีอาการมึนเมาจากการดื่มสุรา จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา “ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” ส่วนข้อหากระทำอนาจารต่อลูกสาววัย 11 ขวบ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่พบหลักฐาน หากตรวจพบหลักฐานที่ชัดเจนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา […]

ข่าวแนะนำ

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

สระแก้วพบผู้ป่วยติดเชื้อแอนแทรกซ์รายแรก

สระแก้ว 2 มิ.ย.- สระแก้วพบผู้ป่วยแอนแทรกซ์รายแรก ซักประวัติชอบกินก้อย-ซอยจุ๊-เนื้อดิบ จนท.เตรียมลงพื้นที่สอบสวนโรคเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงและผู้สัมผัสเชื้อ นายแพทย์ธราพงษ์ กัปโก นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า พบผู้ป่วยโรคแอนแทรกซ์รายแรกของจังหวัด เป็นชาย อายุ 53 ปี อาชีพรับจ้างตัดไม้ อยู่ที่ตำบลท่าแยก อำเภอเมืองสระแก้ว เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ จังหวัดชลบุรี ด้วยอาการตุ่มแผลบริเวณศีรษะ ด้านหลังคอ แขน และขา การตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันพบเชื้อแอนแทรกซ์ จากการซักประวัติพบว่า ผู้ป่วยมีพฤติกรรมเสี่ยง คือ ดื่มสุราทุกวัน และชอบบริโภคก้อย ซอยจุ๊ เนื้อดิบเป็นประจำ ล่าสุดได้รับประทานเนื้อดิบเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่าผู้ป่วยติดเชื้อจากการบริโภคเนื้อสัตว์ป่วยที่ไม่ได้รับการปรุงสุก วันนี้ (2 มิถุนายน 2568) จะลงสอบสวนโรคเพื่อเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงและผู้สัมผัสเชื้อ เน้นย้ำให้ประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเมืองสระแก้วและพื้นที่ใกล้เคียง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการสัมผัสโค กระบือ แพะ แกะ ที่ป่วยหรือตายผิดปกติ ล้างมือและชำระล้างร่างกายหลังสัมผัสสัตว์ เลือกบริโภคเนื้อสัตว์ที่ได้รับการรับรองความปลอดภัย บริโภคอาหารที่ปรุงสุก ร้อน และสะอาดเท่านั้น หากพบสัตว์ป่วยหรือตายผิดปกติ […]

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 2 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนฟ้าคะนอง ทะเลอันดามันคลื่นสูง 2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง .-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย