ตม.เตรียมพร้อมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว 1 พ.ย.นี้

กรุงเทพฯ 30 ต.ค. – สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ตรวจประทับลงตราบุคคลเข้าเมือง สำหรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว 1 พ.ย.นี้


พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. ในฐานะโฆษก สตม. เปิดเผยว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ซึ่งมีหน้าที่ตรวจประทับตรารับบุคคลต่างด้าวเข้าเมือง ได้เตรียมความพร้อมเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลเข้า-ออกของผู้โดยสาร สำหรับเรื่องของกำลังพลเจ้าหน้าที่ตรวจประทับลงตราบุคคลเข้าเมือง เบื้องต้นได้เตรียมความพร้อมไว้ 35 ช่องตรวจ ในฝั่งตะวันตกของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นส่วนที่จะรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเริ่มต้นในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ตามนโยบายของรัฐบาลในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว 46 ประเทศ ให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว

โดยมีการสำรองกำลังเจ้าหน้าที่ไว้อีก 14 ช่องตรวจ เตรียมพร้อมที่จะเข้าเสริมทันทีหากเจ้าหน้าที่ชุดแรกไม่เพียงพอ พร้อมทั้งมีการทดสอบระบบการบันทึกข้อมูลของผู้เดินทางท่องเที่ยวทั้งหมด ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลต้องห้ามเข้าประเทศ บุคคลผู้มีหมายจับ รวมถึงการเชื่อมต่อข้อมูลกับกรมควบคุมโรค เนื่องจากด่านแรกที่นักท่องเที่ยวต้องเจอคือ ด่านควบคุมโรค มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ตรวจเอกสารการตรวจโรคโควิด-19 (RT-PCR Test) จากประเทศต้นทาง มีการตรวจการรับการฉีดวัคซีนครบตามกำหนดหรือไม่ รวมทั้งการตรวจว่ามีประกันสุขภาพมูลค่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่ มีการจองโรงแรมที่เข้าร่วมในโครงการหรือไม่


เมื่อผ่านด่านของกรมควบคุมโรคแล้วจะมาที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่จะจัดเจ้าหน้าที่ที่มีความพร้อมในการดูแลนักท่องเที่ยวให้เข้าช่องตรวจ ซึ่งจะเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ใช้เวลาไม่เกิน 1-2 นาทีต่อคน เมื่อตรวจประทับลงตราผ่านเข้าเมืองเเล้วจึงจะไปรับกระเป๋า แล้วเดินออกจากสนามบินไปขึ้นรถรับส่งไปยังโรงแรมที่พัก โดยไม่ต้องกันตัว 14 วัน เมื่อถึงโรงแรมที่พักที่มีการจองมาแล้วล่วงหน้าจะมีการตรวจโรคโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR Test และรอผลตรวจ 1 คืน

เมื่อผลตรวจเป็นลบ สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ สำหรับผู้ที่เดินทางมาจาก 46 ประเทศ ตามประกาศของรัฐบาลกำหนดนั้นจะต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวตามระเบียบต่อไป

ข้อกังวลสำหรับคนไทยที่เดินทางไปยังประเทศไม่ครบ 21 วัน ในเขต 46 ประเทศ ตามประกาศของรัฐบาลนั้น สามารถเดินทางกลับเข้ามายังประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว แต่มีเงื่อนไขว่าถ้าคนไทยท่านนั้นเดินทางออกนอกเขต 46 ประเทศตามประกาศของรัฐบาล และเดินทางเข้าไปยังเขตประเทศ 46 ประเทศ เพื่อเดินทางกลับเข้าประเทศไทย จำเป็นต้องพักอาศัยอยู่ในประเทศเขต 46 ประเทศ เกิน 21 วัน ถ้าอยูไม่ครบ 21 วัน เมื่อกลับมาถึงประเทศไทย จำเป็นต้องกักตัว 14 วัน


สำหรับ Visa On arrival (VOA) การขอวีซ่าท่องเที่ยวหน้าด่าน สำหรับ 17+1 ประเทศนั้น ได้เปิดใช้แล้ว แต่ในทางปฏิบัติแล้วไม่สามารถทำได้เพราะนักท่องเที่ยวผู้เดินทางยังคงต้องติดต่อสถานทูตหรือกงสุล เพื่อขอ COE เนื่องจากการเดินทางเข้าประเทศในช่วงนี้ยังต้องมีเอกสารอื่นๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว นอกเหนือจากวีซ่าเข้าเมืองปกติ และขอให้ติดตามประกาศของกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐบาล ที่จะประกาศลดหรือเพิ่มเงื่อนไขการเข้าเมืองต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]