สตม.แถลงจับกุมผู้ต้องหา 4 คดีสำคัญ

ตม. 14 ม.ค. – สตม. แถลง 4 คดีสำคัญ จับรองหัวหน้ายากูซ่าวางฐานคอลเซ็นเตอร์กลางเมืองพัทยา พร้อมรวบหนุ่มแดนกังหันลม หลอกขายทองหวังฉกดอลลาร์


พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รอง ผบช.สตม.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) หัวหน้ากลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 4 คดีใหญ่

พ.ต.อ.ชย เปิดเผยว่า คดีที่ 1 รวบรองหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยากูซ่าญี่ปุ่น สืบเนื่องจากการขยายผลการจับกุมผู้กระทำความผิดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยากูซ่าญี่ปุ่นที่หลอกคนญี่ปุ่น โดยมาตั้งฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.67 สามารถจับกุมชายชาวญี่ปุ่นจำนวน 5 คน และยังมีอีก 3 คน ที่ยังไม่ถูกจับกุม จึงได้ทำการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรคนต่างด้าวทั้ง 8 คน และขึ้นบัญชีเป็นบุคคลเฝ้าระวัง กระทั่งวันที่ 12 ม.ค.68 เวลาประมาณ 22.30 น. เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่งานตรวจคนเข้าเมืองขาออกด่าน ตม.ทอ.กรุงเทพ บก.ตม.2 ว่าได้ตรวจพบ นาย HAMAJI (นามสมมติ) อายุ 41 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเป็น 1 ใน 3 คน ที่ยังไม่ถูกจับกุม จะเดินทางออกจากประเทศไทย เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. จึงได้ร่วมเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขาออกด่าน ตม.ทอ.กรุงเทพ บก.ตม.2 ควบคุมตัวนาย HAMAIJI เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้นาย HAMAJI เป็นรองหัวหน้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว ทำหน้าที่บริหารจัดการต่างๆ ภายในแก๊งและรับคำสั่งจากหัวหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุม


พ.ต.อ.ชูวงษ์ กล่าวว่า คดีที่ 2 รวบหนุ่มแดนโสมหลังมั่วสุมปาร์ตี้ยา บนโรงแรมหรูย่านทองหล่อ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการปิดล้อมตรวจค้นงานปาร์ตี้มั่วสุมยาเสพติด ภายในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ย่านทองหล่อ ซึ่งเบื้องต้นพบเป็น กลุ่มนักท่องเที่ยวเพศชาย หนุ่มหล่อกล้ามโต ทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมงานจำนวนทั้งสิ้น 124 คน พร้อมกับของกลางเป็นสารเสพติดในบริเวณงานปาร์ตี้ ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ม.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า นายโจวอน (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต และสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน“ ซึ่งผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอาศัยกับเพื่อนที่คอนโดย่านแขวงสามเสนนอก จึงได้นำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์ จนสามารถติดตามจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวว่า คดีที่ 3 รวบชายชาวไนจีเรียนลักลอบขายคีตามีนในย่านนานา สืบเนื่องจาก กก.1 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีชายชาวต่างชาติผิวสีลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในย่านนานา จึงได้วางแผนจับกุม โดยให้สายลับติดต่อขอซื้อยาเสพติด โดยนัดหมายส่งมอบภายในร้านสินค้า ในซอยสุขุมวิท 5 จนกระทั่งนายเคนเนดี้ (นามสมมติ) อายุ 38 ปี สัญชาติไนจีเรียน ได้มาพบกับสายลับตามนัดหมาย จากนั้นได้ส่งมอบยาเสพติดตามที่ตกลงซื้อขายกันให้กับสายลับ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเข้าทำการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบยาเสพติดของกลาง ซึ่งบรรจุอยู่ในพลาสติกใส ห่อหุ้มด้วยเทปกาวพลาสติกสีดำจำนวน 30 ก้อน ซุกซ่อนอยู่ในกล่องยาสีฟัน และทำการตรวจค้นตัวนายเคนเนดี้พบเงินสดที่ใช้ล่อซื้ออยู่ในมือซ้าย ต่อมาได้ตรวจค้นห้องพักของนายเคนเนดี้ พบซองพลาสติกและเทปพันสายไฟสีดำเช่นเดี๋ยวกับที่ใช้พันยาเสพติดของกลาง จึงตรวจยืดไว้เป็นของกลาง สอบถามนายเคนเนดี้ยอมรับว่ายาเสพติด (คีตามีน) ของกลางดังกล่าวเป็นของตนเอง ซึ่งได้นำมาจำหน่ายให้กับสายลับในราคา 60,000 บาท ตามที่ตกลงซื้อขายกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวว่า คดีที่ 4 รวบหนุ่มแดนกังหันลม หลอกขายทองหวังฉกดอลลาร์ สืบเนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนว่ามีชายชาวผิวสีมีพฤติกรรมหลอกขายเม็ดทองคําในราคาถูกนําเข้าจากแอฟริกา เจ้าหน้าที่ กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ทําการสืบสวนจนพบผู้กระทําความผิดคือหนุ่ม ชาวดัตช์ อายุ 43 ปี โดยจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งภายในซอยสุขุมวิท 5 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จากการตรวจค้นห้องพักพบกระเป๋าเสื้อผ้าภายในบรรจุสิ่งของเม็ดทองคําปลอมนํ้าหนัก 5 กิโลกรัม 1 ถุง และถุงพลาสติกบรรจุสิ่งของลักษณะคล้ายเม็ดทองคําหนักประมาณ 100 กรัม 2 ถุง เป็นเม็ดทองคําจริงเพียง 1 ถุง โดยผู้ต้องหาให้การว่าซื้อเม็ดทองคํามาจากประเทศจีน เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดเม็ดทองคําทั้งหมดพร้อมเงินสดสกุลดอลลาร์สหรัฐ เงินเยน และเงินปอนด์ รวม 117,600 บาท อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ทําการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรพร้อมขึ้นบัญชีแบล็คลิสก่อนคุมตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัวและเตรียมผลักดันออกนอกประเทศและจะทําการสืบสวนหาผู้ร่วมขบวนการเพื่อติดตามตัวมาดําเนินคดีตามกฎหมาย


นอกจากนี้ พล.ต.ต.พันธนะ ยังเปิดเผยแนวทางการสกัดกั้นกลุ่มชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีน ที่ปัจจุบัน อาศัยประเทศไทยเป็นทางผ่าน เพื่อหลอกผู้เสียหายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานปล่อยสัญญาณก่อเหตุอาชญากรรม ว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้มีการเคร่งครัดกรองชาวต่างชาติ ซึ่งอาจมีพฤติกรรมเข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมในประเทศไทย และมีพฤติการณ์ไม่ปฏิบัติตาม ข้อกำหนดการอยู่ในประเทศไทย แต่กรณีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อาจเข้าข่ายไม่พบความผิดปกติในกลุ่มบุคคลที่เดินทางเข้ามา ซึ่งหลังเกิดเหตุทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้สั่งการให้ ชุดสืบสวนติดตามกระบวนการตั้งแต่ผู้ที่เข้ามารับคนจากสนามบินออกไปทางประเทศเพื่อนบ้าน การเดินทางเข้าประเทศและความถี่ในการเดินทางเข้าประเทศ เพื่อนำมาใช้วิเคราะห์และเก็บไว้ในฐานข้อมูล สำหรับใช้ในการสืบสวนสอบสวน

ส่วนกรณีกลุ่มคนจีนที่เข้ามาตั้งฐานกระบวนการคอลเซ็นเตอร์โดยการติดตั้งกล่องซิมบ็อกซ์ไว้ในประเทศไทยก่อนเดินทางออกนอกประเทศนั้น ยืนยันว่า หากพนักงานสอบสวนพบความผิดและมีการออกหมายจับ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะมีการทำแบล็คลิสต์ไว้อยู่แล้ว แต่หากสืบสวนแล้วไม่พบการกระทำความผิดที่ชัดเจนเจ้าหน้าที่จะใช้วิธีการขึ้นวอทช์ลิสต์ไว้ หากพบมีการเดินทางเข้าประเทศอีก ก็จะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเฝ้าติดตามพฤติกรรม .-419- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตร.แจ้ง 2 ข้อหามือมีดทำร้าย “เป๊ก” คาดปมเข้าใจผิด

3 ส.ค.- ตำรวจ สน.หัวหมาก แจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มวัย 21 ใช้มีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” นักร้องชื่อดัง บาดเจ็บที่คางเป็นแผลฉกรรจ์ อ้างถูกหาเรื่องก่อน เบื้องต้นคาดปมเข้าใจผิด จ่อสอบปากคำเพิ่มเติม เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 3 ส.ค.68 ร.ต.อ.ชัยนรินทร์ กวีพราหมณ์ รอง.สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธมีด มีผู้บาดเจ็บ ภายในปั๊มน้ำมัน ซอยรามคำแหง 76 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมกำลังสายตรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.หัวหมาก และอาสามูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ ที่เกิดเหตุอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน พบร่างนายผลิตโชค หรือ เป๊ก อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง มีบาดแผลฉกรรจ์ถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณใต้คาง 1 แผล ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเร่งนำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมิติเวช ส่วนผู้ก่อเหตุไม่หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ […]

เฝ้าระวังตลอดคืน พบโดรนปริศนาบินล้ำเขตแดนอรัญฯ

สระแก้ว 3 ส.ค.- พบโดรนปริศนาไม่ทราบฝ่ายบินล้ำแดนจากกัมพูชาเข้ามาในไทย ชาวบ้าน-ชรบ.ในพื้นที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เฝ้าระวังตลอดทั้งคืน คืนที่ผ่านมา เวลา 21.00 น. ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยจุดที่ทีมข่าวเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างจากแนวชายแดนเพียง 2 กิโลเมตร บรรยากาศในพื้นที่ขณะนั้นมีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ออกมาคอยเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับแจ้งว่าอาจมีโดรนปริศนาเข้ามาในพื้นที่ ระหว่างที่ทีมข่าวกำลังสัมภาษณ์พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ พบโดรนลำหนึ่งบินเข้ามาจากเขตชายแดนฝั่งกัมพูชา ล้ำเข้ามาในอาณาเขตประเทศไทยลึกประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะที่โดรนลำนั้นลอยอยู่เหนือพื้นที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ใช้ไฟสปอร์ตไลต์กำลังแรงสูงร่วมกับแสงเลเซอร์จากอุปกรณ์ของทหาร ส่องไปยังโดรนปริศนาอย่างชัดเจน ทำให้เห็นลำตัวของโดรนแม้อยู่ในความมืด สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่มีการเปิดเผยว่าโดรนลำนั้นมีเป้าหมายใดหรือเป็นของฝ่ายใด ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงยังคงเพิ่มมาตรการตรวจตราและเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดหรือภัยคุกคามความมั่นคงในพื้นที่ -สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ

3 ส.ค. – เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ ห้วงปะทะวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ (3 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา ทหารได้ทำลายบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ ซึ่งสามารถขึ้นมาถึงภูมะเขือได้ หลังทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ภูมะเขือ ผลักดันทหารกัมพูชาอยู่บนจะงอยหน้าผาออกไปทั้งหมด พร้อมทำลายกระเช้า และฐานทหารกัมพูชาด้านล่างภูมะเขือ โดยการใช้โดรนติดระเบิด ล่าสุดมีการเผยแพร่ภาพทหารทำลายบันไดช่องคานม้า ในระหว่างยึดพื้นที่ได้จากการเหตุปะทะช่วง 5 วันที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

ชาวเชียงใหม่ร่วมจุดเทียนสดุดี 15 วีรบุรุษชายแดน

3 ส.ค.- ชาวเชียงใหม่ ร่วมกันจุดเทียน แสดงความไว้อาลัย สดุดี 15 วีรบุรุษทหารที่พลีชีพปกป้องแผ่นดินไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณ หน้าลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ตัวเมืองเชียงใหม่ ประชาชนได้รวมตัวทำกิจกรรมร้องเพลง เขียนข้อความ พร้อมโบกธงชาติไทย เพื่อส่งกำลังใจให้กับทหารที่อยู่แนวหน้า ชายแดนไทย-กัมพูชา และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย เพื่อเป็นการสดุดีทหาร 15 นายที่พลีชีพในการสู้รบปกป้องอธิปไตย อีกทั้งอ่านรายชื่อทหาร วางพวงหรีดและจุดเทียน แสดงความไว้อาลัยพร้อมทั้งยืนสงบนิ่ง อธิฐานขอให้เจ้าหน้าที่ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา ปลอดภัยทุกนาย นอกจากนี้ บริเวณย่านถนนท่าแพ หน้าอาคารพุทธสถานเชียงใหม่ มีการนำภาพทหารที่เสียชีวิตทั้ง 15 นายติดไว้ริมถนนและมีการตั้งโต๊ะเพื่อให้ประชาชน มาวางดอกไม้ แสดงความอาลัย -สำนักข่าวไทย