สตม.แถลงจับกุมผู้ต้องหา 4 คดีสำคัญ

ตม. 14 ม.ค. – สตม. แถลง 4 คดีสำคัญ จับรองหัวหน้ายากูซ่าวางฐานคอลเซ็นเตอร์กลางเมืองพัทยา พร้อมรวบหนุ่มแดนกังหันลม หลอกขายทองหวังฉกดอลลาร์


พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รอง ผบช.สตม.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) หัวหน้ากลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 4 คดีใหญ่

พ.ต.อ.ชย เปิดเผยว่า คดีที่ 1 รวบรองหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยากูซ่าญี่ปุ่น สืบเนื่องจากการขยายผลการจับกุมผู้กระทำความผิดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยากูซ่าญี่ปุ่นที่หลอกคนญี่ปุ่น โดยมาตั้งฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.67 สามารถจับกุมชายชาวญี่ปุ่นจำนวน 5 คน และยังมีอีก 3 คน ที่ยังไม่ถูกจับกุม จึงได้ทำการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรคนต่างด้าวทั้ง 8 คน และขึ้นบัญชีเป็นบุคคลเฝ้าระวัง กระทั่งวันที่ 12 ม.ค.68 เวลาประมาณ 22.30 น. เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่งานตรวจคนเข้าเมืองขาออกด่าน ตม.ทอ.กรุงเทพ บก.ตม.2 ว่าได้ตรวจพบ นาย HAMAJI (นามสมมติ) อายุ 41 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเป็น 1 ใน 3 คน ที่ยังไม่ถูกจับกุม จะเดินทางออกจากประเทศไทย เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. จึงได้ร่วมเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขาออกด่าน ตม.ทอ.กรุงเทพ บก.ตม.2 ควบคุมตัวนาย HAMAIJI เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้นาย HAMAJI เป็นรองหัวหน้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว ทำหน้าที่บริหารจัดการต่างๆ ภายในแก๊งและรับคำสั่งจากหัวหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุม


พ.ต.อ.ชูวงษ์ กล่าวว่า คดีที่ 2 รวบหนุ่มแดนโสมหลังมั่วสุมปาร์ตี้ยา บนโรงแรมหรูย่านทองหล่อ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการปิดล้อมตรวจค้นงานปาร์ตี้มั่วสุมยาเสพติด ภายในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ย่านทองหล่อ ซึ่งเบื้องต้นพบเป็น กลุ่มนักท่องเที่ยวเพศชาย หนุ่มหล่อกล้ามโต ทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมงานจำนวนทั้งสิ้น 124 คน พร้อมกับของกลางเป็นสารเสพติดในบริเวณงานปาร์ตี้ ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ม.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า นายโจวอน (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต และสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน“ ซึ่งผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอาศัยกับเพื่อนที่คอนโดย่านแขวงสามเสนนอก จึงได้นำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์ จนสามารถติดตามจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวว่า คดีที่ 3 รวบชายชาวไนจีเรียนลักลอบขายคีตามีนในย่านนานา สืบเนื่องจาก กก.1 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีชายชาวต่างชาติผิวสีลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในย่านนานา จึงได้วางแผนจับกุม โดยให้สายลับติดต่อขอซื้อยาเสพติด โดยนัดหมายส่งมอบภายในร้านสินค้า ในซอยสุขุมวิท 5 จนกระทั่งนายเคนเนดี้ (นามสมมติ) อายุ 38 ปี สัญชาติไนจีเรียน ได้มาพบกับสายลับตามนัดหมาย จากนั้นได้ส่งมอบยาเสพติดตามที่ตกลงซื้อขายกันให้กับสายลับ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเข้าทำการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบยาเสพติดของกลาง ซึ่งบรรจุอยู่ในพลาสติกใส ห่อหุ้มด้วยเทปกาวพลาสติกสีดำจำนวน 30 ก้อน ซุกซ่อนอยู่ในกล่องยาสีฟัน และทำการตรวจค้นตัวนายเคนเนดี้พบเงินสดที่ใช้ล่อซื้ออยู่ในมือซ้าย ต่อมาได้ตรวจค้นห้องพักของนายเคนเนดี้ พบซองพลาสติกและเทปพันสายไฟสีดำเช่นเดี๋ยวกับที่ใช้พันยาเสพติดของกลาง จึงตรวจยืดไว้เป็นของกลาง สอบถามนายเคนเนดี้ยอมรับว่ายาเสพติด (คีตามีน) ของกลางดังกล่าวเป็นของตนเอง ซึ่งได้นำมาจำหน่ายให้กับสายลับในราคา 60,000 บาท ตามที่ตกลงซื้อขายกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวว่า คดีที่ 4 รวบหนุ่มแดนกังหันลม หลอกขายทองหวังฉกดอลลาร์ สืบเนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนว่ามีชายชาวผิวสีมีพฤติกรรมหลอกขายเม็ดทองคําในราคาถูกนําเข้าจากแอฟริกา เจ้าหน้าที่ กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ทําการสืบสวนจนพบผู้กระทําความผิดคือหนุ่ม ชาวดัตช์ อายุ 43 ปี โดยจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งภายในซอยสุขุมวิท 5 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จากการตรวจค้นห้องพักพบกระเป๋าเสื้อผ้าภายในบรรจุสิ่งของเม็ดทองคําปลอมนํ้าหนัก 5 กิโลกรัม 1 ถุง และถุงพลาสติกบรรจุสิ่งของลักษณะคล้ายเม็ดทองคําหนักประมาณ 100 กรัม 2 ถุง เป็นเม็ดทองคําจริงเพียง 1 ถุง โดยผู้ต้องหาให้การว่าซื้อเม็ดทองคํามาจากประเทศจีน เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดเม็ดทองคําทั้งหมดพร้อมเงินสดสกุลดอลลาร์สหรัฐ เงินเยน และเงินปอนด์ รวม 117,600 บาท อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ทําการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรพร้อมขึ้นบัญชีแบล็คลิสก่อนคุมตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัวและเตรียมผลักดันออกนอกประเทศและจะทําการสืบสวนหาผู้ร่วมขบวนการเพื่อติดตามตัวมาดําเนินคดีตามกฎหมาย


นอกจากนี้ พล.ต.ต.พันธนะ ยังเปิดเผยแนวทางการสกัดกั้นกลุ่มชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีน ที่ปัจจุบัน อาศัยประเทศไทยเป็นทางผ่าน เพื่อหลอกผู้เสียหายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานปล่อยสัญญาณก่อเหตุอาชญากรรม ว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้มีการเคร่งครัดกรองชาวต่างชาติ ซึ่งอาจมีพฤติกรรมเข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมในประเทศไทย และมีพฤติการณ์ไม่ปฏิบัติตาม ข้อกำหนดการอยู่ในประเทศไทย แต่กรณีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อาจเข้าข่ายไม่พบความผิดปกติในกลุ่มบุคคลที่เดินทางเข้ามา ซึ่งหลังเกิดเหตุทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้สั่งการให้ ชุดสืบสวนติดตามกระบวนการตั้งแต่ผู้ที่เข้ามารับคนจากสนามบินออกไปทางประเทศเพื่อนบ้าน การเดินทางเข้าประเทศและความถี่ในการเดินทางเข้าประเทศ เพื่อนำมาใช้วิเคราะห์และเก็บไว้ในฐานข้อมูล สำหรับใช้ในการสืบสวนสอบสวน

ส่วนกรณีกลุ่มคนจีนที่เข้ามาตั้งฐานกระบวนการคอลเซ็นเตอร์โดยการติดตั้งกล่องซิมบ็อกซ์ไว้ในประเทศไทยก่อนเดินทางออกนอกประเทศนั้น ยืนยันว่า หากพนักงานสอบสวนพบความผิดและมีการออกหมายจับ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะมีการทำแบล็คลิสต์ไว้อยู่แล้ว แต่หากสืบสวนแล้วไม่พบการกระทำความผิดที่ชัดเจนเจ้าหน้าที่จะใช้วิธีการขึ้นวอทช์ลิสต์ไว้ หากพบมีการเดินทางเข้าประเทศอีก ก็จะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเฝ้าติดตามพฤติกรรม .-419- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

บกปภ.ช. แถลงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหว

บกปภ.ช. แถลงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหว สั่งพื้นที่เร่งสำรวจและให้ความช่วยเหลือ หากงบประมาณไม่เพียงพอให้ขอขยายวงเงินทันที ด้านอาคารที่ถล่มได้ส่งทีม USAR Thailand สลับกำลังเพิ่มเติม

นายกฯ กล่าวในวันอีฎิ้ลฟิตริ ฮ.ศ.1446 ส่งความปรารถนาดีชาวไทยมุสลิม

นายกรัฐมนตรี กล่าวในวันอีฎิ้ลฟิตริ ฮ.ศ.1446 ส่งความรัก ความปรารถนาดียังชาวไทยมุสลิมทุกคน ชื่นชมศรัทธาที่เข้มแข็ง ความอดทน อดกลั้น ความมุ่งมั่น เสียสละ

เร่งปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากใต้ซากอาคาร สตง.

ปฏิบัติการค้นหาผู้ติดใต้ซากอาคาร สตง. ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผ่านมาเกือบ 54 ชั่วโมงแล้ว ตอนนี้ยังไม่พบผู้รอดชีวิตเพิ่ม ส่วนยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มเป็น 11 รายแล้ว

สตง.ตั้งศูนย์ประสานงานช่วยผู้ประสบภัยตึกถล่มจากแผ่นดินไหว

สตง. เร่งตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผู้ได้รับผลกระทบ จากกรณีอาคารที่ทำการสำนักงานแห่งใหม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว พร้อมยืนยันกระบวนการดำเนินโครงการฯ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย