แจงย้ายอธิบดีผู้พิพากษาคดีศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 1

กทม.7 มิ.ย.64 – ศาลยุติธรรม แจงย้ายอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ช่วยทำงานชั่วคราวหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1 จากเหตุร้องเรียนคดีเกี่ยว ป.ป.ช. ระหว่างสอบสวนให้สิทธิแก้ต่างเต็มที่


จากกรณีที่ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนช่วงระยะหนึ่งเกี่ยวกับคำสั่งย้ายนายปรเมษฐ์ โตวิวัฒน์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ไปช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1 สืบเนื่องจากเรื่องที่มีการร้องเรียนกล่าวหาเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงการพิจารณาคดีหมายเลขดำ อท.84/2563 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ที่มีรองเลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องกรรมการ ป.ป.ช.และอัยการสูงสุด (นายประหยัด พวงจำปา โจทก์ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ จำเลยที่ 1 น.ส.สุภา ปิยะจิตติ จำเลยที่ 2 นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ จำเลยที่ 3) กระทั่งปรากฏข่าวอดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 1 ยื่นฟ้องกรรมการ ป.ป.ช.ความผิดดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาฯ และยื่นฟ้องประธานศาลฎีกากล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยนั้น

นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวชี้แจงเหตุและขั้นตอนดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีอดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นสืบเนื่องจากนายปรเมษฐ์ โตวิวัฒน์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 1 ถูกร้องเรียนกล่าวหาว่าเข้าไปก้าวก่าย หรือแทรกแซงการพิจารณา คดีหมายเลขดำ อท.84/2563 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคู่ความและกระบวนการยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรมจึงมีคำสั่งวันที่ 25 มี.ค.64 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว และในวันที่ 26 มี.ค.64 มีหนังสือแจ้งให้นายปรเมษฐ์ ทราบแล้ว


ต่อมาคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ได้รายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงมีความเห็นว่า มีพฤติการณ์อันส่อว่าเป็นการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 77 (1) (3) ซึ่งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 21 วรรคสอง  ระบุว่า  การสั่งให้ข้าราชการตุลาการไปช่วยทำงานชั่วคราวต้องได้รับความยินยอมจากข้าราชการตุลาการผู้นั้นด้วย  เว้นแต่เป็นกรณีที่หากให้ผู้นั้นอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในศาลนั้นต่อไปจะกระทบกระเทือนต่อความยุติธรรมในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีของศาลนั้น  หรือมีเหตุจำเป็นอื่นอันมิอาจก้าวล่วงได้ตามระเบียบที่ ก.ต.กำหนด  และเมื่อมีการสั่งในกรณีเช่นนี้แล้วให้ประธานศาลฎีกานำเรื่องเข้าขอความเห็นชอบจาก ก.ต. ในการประชุมนัดแรกนับแต่วันมีคำสั่ง  และเหตุจำเป็นอื่นอันมิอาจก้าวล่วงได้ตามระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมว่าด้วยการกำหนดเหตุจำเป็นอื่นอันมิอาจก้าวล่วงได้ในการสั่งให้ข้าราชการตุลาการไปช่วยทำงานชั่วคราว พ.ศ.2550  ข้อ 3 (10) ระบุว่า การที่ประธานศาลฎีกาเห็นว่าหากจะให้ข้าราชการตุลาการผู้ใดปฏิบัติหน้าที่ในศาลที่ดำรงตำแหน่งต่อไปแล้วจะเป็นการเสียหายแก่การบริหารราชการศาลยุติธรรม  สมควรให้ข้าราชการตุลาการผู้นั้นไปช่วยทำงานชั่วคราวในศาลอื่น  ประธานศาลฎีกาจึงได้มีคำสั่งให้นายปรเมษฐ์ โตวิวัฒน์ ไปช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตามคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรม  ที่  371/2564 ลงวันที่ 5 เมษายน  2564  ซึ่งคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมในการประชุมครั้งที่ 8/2564  เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2564  มีมติเห็นชอบคำสั่งดังกล่าวแล้ว

ทั้งนี้ การมีคำสั่งให้ข้าราชการตุลาการไปช่วยทำงานชั่วคราวเป็นไปเพื่อความสะดวกในการสอบสวน ซึ่งเป็นเรื่องปกติในทางปฏิบัติของทุกหน่วยงานและเป็นไปตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 และระเบียบที่เกี่ยวข้อง และประธานศาลฎีกาได้มีคำสั่งให้ นายวีระพงศ์ สุดาวงศ์ ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไปช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 อีกตำแหน่งหนึ่งแล้ว

เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีนี้ในส่วนของนายปรเมษฐ์ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาก็ได้มีหนังสือขอความเป็นธรรม ฉบับลงวันที่ 5 เม.ย.64 กรณีที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยผู้ถูกกล่าวหาระบุว่ายังไม่ทราบว่าถูกร้องเรียนกล่าวหาว่าเข้าไปก้าวก่าย หรือแทรกแซงการพิจารณาคดีในประเด็นและข้อเท็จจริงใด และยังไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงตามระเบียบฯ      ซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรมได้มีหนังสือตอบผู้ถูกกล่าวหาแล้วว่า คณะกรรมการฯ ได้ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งมีการกำหนดวันเวลานัดตามที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้กำหนด แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่มาและไม่ปรากฏว่าได้แจ้งเหตุขัดข้อง หรือขอเลื่อนนัด ตามกำหนดเวลานัดแต่อย่างใด ประกอบกับคณะกรรมการฯ ได้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงในชั้นต้นโดยสอบปากคำพยานบุคคล และเรียกเอกสารที่เกี่ยวข้องมาเป็นพยานหลักฐานในสำนวนสอบสวนจนเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอ และการสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้วจึงได้สรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเสนอความเห็นต่อประธานศาลฎีกา การสอบสวนข้อเท็จจริงในชั้นต้นของคณะกรรมการฯ จึงเป็นการดำเนินการโดยชอบตามกฎหมายแล้วตามประกาศคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสอบสวนข้อเท็จจริงในชั้นต้นกรณีข้าราชการตุลาการถูกกล่าวหาหรือเป็นที่สงสัยว่ากระทำผิดวินัย พ.ศ.2544


ทั้งนี้ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้กล่าวสรุปขั้นตอนการสอบสวนกรณีนี้ว่า ขณะนี้กรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวน ของคณะกรรมการสอบสวนตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 69 วรรคหนึ่ง (เรื่องการรักษาวินัย โดยสอบสวนว่าข้าราชการตุลาการใด กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงหรือไม่) ซึ่งในการสอบสวนกรณีดังกล่าว คณะกรรมการสอบสวนจะต้องแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ และให้สิทธิแก่ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงและนำพยานหลักฐานเข้าสืบแก้ข้อกล่าวหาได้ตามมาตรา 70 วรรคหนึ่ง โดยขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวนยังไม่ได้สรุปผล ยังใช้เวลาอีกระยะหนึ่งดำเนินการให้ครบถ้วนทุกขั้นตอน ซึ่งทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามขั้นตอนการสอบสวนตามกฎหมาย ประกาศ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง

ส่วนการขอโอนคดีนั้นมีการยื่นเข้ามา แต่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ได้พิจารณายกคำร้องไปแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องพิจารณาสั่งโอนคดี ข้อเท็จจริงจึงมิได้เป็นไปตามที่มีการนำเสนอข่าว

อนึ่ง เนื่องจากขณะนี้ คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล การนำเสนอข้อมูลใด ๆ ผ่านสื่อมวลชน จึงควรตรวจสอบและระมัดระวัง มิให้กระทบต่อการพิจารณาพิพากษาของศาล.

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รวบ ผอ.กองช่าง เรียกรับสินบน แลกใบอนุญาตถมดิน-สร้างหอพัก

ปทุมธานี 11 ก.ย. – หลักฐานคาโต๊ะ! ป.ป.ช. สนธิกำลังตำรวจ บุกจับ ผอ.กองช่างเทศบาลหลักหก จ.ปทุมธานี คาห้องทำงาน พร้อมเงินสดของกลาง 1.9 แสนบาท หลังเรียกรับสินบน แลกใบอนุญาตถมดิน-สร้างหอพัก 8 ชั้น ด้านเจ้าตัวปฏิเสธ อ้างผู้เสียหายนำมาให้เอง เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ภาค 1 นำโดย น.ส.ชฎารัตน์ อนรรฆอร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 1 วางแผนร่วมกับชุดสืบสวนสำนักงาน ป.ป.ช. และตำรวจสืบสวนภูธรภาค นำหมายศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 เข้าตรวจค้น พร้อมจับกุมนายวีระเชษฐ์ อายุ 59 ปี ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลตำบลหลักหก จ.ปทุมธานี ภายในห้องทำงาน เทศบาลตำบลหลักหก หลังมีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้ขออนุญาตถมดินและขออนุญาตก่อสร้างอาคาร พร้อมตรวจยึดเงินของกลาง ซุกซ่อนอยู่ที่พื้นใต้ลิ้นชักโต๊ะทำงาน 190,000 บาท เบื้องต้นจากการตรวจหมายเลขธนบัตร ตรงกับสำเนาธนบัตรที่ผู้เสียหายนำไปมอบให้กับนายวีระเชษฐ์ ก่อนหน้านี้ และเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายสำเนาและลงรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไว้เป็นหลักฐาน […]

ปิดล้อมไล่ล่าผู้ก่อเหตุ หลังปะทะเดือดสะบ้าย้อย 2 ระลอก

สงขลา 11 ก.ย. – เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง วางกำลังปิดล้อมพื้นที่บ้านห้วยเต่า อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ไล่ล่ากลุ่มก่อความไม่สงบ หลังเหตุปะทะเดือด 2 ระลอก พบผู้ก่อเหตุมีหมายจับคดีความมั่นคง หลังเหตุปะทะเดือด 2 ระลอก ระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มก่อความไม่สงบ ในพื้นที่บ้านห้วยเต่า อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ วางกำลังบนถนนเส้นทางเข้าออกพื้นที่ปะทะ ไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าเขตปะทะอย่างเด็ดขาด เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง ยังคงมีการปิดล้อมบริเวณเนินเขา เพื่อไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่พบรอยเลือดและกระเป๋าเป้ถูกทิ้งไว้บนเนินเขา บริเวณจุดปะทะ คาดว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะได้รับบาดเจ็บด้วย สำหรับกลุ่มคนร้ายที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นมีข้อมูลว่า เป็นกลุ่มของนายกอเซ็ง ลาเตะยามา อายุ 35 ปี ชาว อ.ยะหา จ.ยะลา ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ซึ่งมีหมายจับ 7 หมาย และนายฮุสนี ยีกะเส็ม อายุ 34 ปี ชาว อ.เทพา จ.สงขลา มีหมายจับ […]

กักสิงโตสวนสัตว์ดัง-ปรับพฤติกรรม

กรุงเทพฯ 11 ก.ย. – เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ สั่งกักสิงโตสวนสัตว์ดัง เพื่อปรับพฤติกรรม แยกเพศ-เฝ้าสังเกตใกล้ชิด เจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงพื้นที่สวนสัตว์ดัง ย่านคลองสามวา กรุงเทพฯ หลังเกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์เสียชีวิต โดยได้สั่งการให้กักสิงโตทั้งหมดในฝูงที่ก่อเหตุไว้ในกรงชั่วคราว แยกสิงโตเพศผู้และเพศเมีย เพื่อเฝ้าสังเกตพฤติกรรมในระยะใกล้ สำหรับสิงโตที่เข้าตะปบเจ้าหน้าที่จนเสียชีวิต เป็นตัวผู้ โดยสิงโตร่วมฝูงมี 7 ตัว แต่ที่เข้ารุมกัดเจ้าหน้าที่มี 5 ตัว ได้แก่ 1) ทรัมป์ (เพศผู้) ตัวตะปบ 2) ไบท์ (เพศผู้) ตัวตาม 3) อ้อน (เพศเมีย) ตัวตาม 4) อ้าย (เพศเมีย) ตัวตาม 5) ยาว (เพศเมีย) ตัวตาม ทั้งนี้ สิงโตทุกตัวอายุประมาณ 10 ปี พร้อมกันนี้ สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กำลังตรวจสอบมาตรการความปลอดภัย และจะไม่อนุญาตให้เปิดส่วนจัดแสดงสัตว์ดุร้าย […]

เร่งฟื้นฟูความเสียหายเหตุกระบะชนเสาไฟฟ้า

เชียงใหม่ 11 ก.ย. – เร่งฟื้นฟูความเสียหายเหตุกระบะชนเสาไฟฟ้าล้ม ถนนหนองฮ่อ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ชาวบ้านกังวล หลังทราบว่าประกันรถกระบะคันต้นเหตุ คุ้มครองความเสียหายแค่ 600,000 บาท วอนการไฟฟ้า หรือ อบต.ช้างเผือก ยื่นมือช่วยเหลือ ตลอดช่วงเช้าวันนี้ (11 ก.ย.) เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ยังคงระดมกำลังฟื้นฟูระบบไฟฟ้าบนถนนหนองฮ่อ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ โดยขุดหลุมติดตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงและแรงต่ำทดแทนต้นเดิมที่ล้มเสียหายจากอุบัติเหตุ ตลอดเส้นทางเป็นระยะทาง 595 เมตร พร้อมเก็บซากอุปกรณ์ตามร้านค้าและบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย คาดว่าจะใช้เวลาอีก 3 วันจะดำเนินการแล้วเสร็จ ขณะที่ระบบไฟฟ้าถูกแก้ไขจนสามารถจ่ายไฟได้ครบทุกหลังคาเรือนแล้วตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่าที่ร้อยตรี ปรีชาพล ปาละโมงค์ หนึ่งในเจ้าของร้านที่ได้รับความเสียหาย บอกว่า ช่างมาประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหลังคาและโครงสร้าง ประมาณ 150,000 บาท แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการชดใช้เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้ยังเปิดร้านไม่ได้ ขาดรายได้ แถมยังมีค่าใช้จ่ายอีกมาก และจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อแสดงความรับผิดชอบจากนายจ้างของกระบะส่งน้ำ ตอนนี้ทุกคนกังวลมาก เพราะทราบว่าประกันรถที่เกิดอุบัติเหตุคุ้มครองความเสียหายเพียง 600,000 บาท ไม่เพียงพอกับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงทยอยเข้าแจ้งความกันไว้แล้ว ขอเรียกร้องให้ทางการไฟฟ้า หรือ […]