กรุงเทพฯ 28 ต.ค.- ศาลสั่งจำหน่ายคดี”เพนกวิน”ละเมิดอำนาจศาล ปมไลฟ์ฝากขัง”อานนท์-ไมค์” หลังรับผิดแต่ขอให้ปรับปรุงตัว
ศาลนัดไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาลหมายเลขดำ ลศ. 9/2563 ที่ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา กล่าวหา นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ แกนนำมวลชนกลุ่ม ประชาชนปลดแอก ผู้ถูกกล่าวหาเรื่องละเมิดอำนาจศาล จากกรณีเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ส.ค.2563 ขณะที่พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ นำตัวนายอานนท์ นำภา และ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ 2 ผู้ต้องหา คดี ปราศรัยปลุกปั่นยุยง ฯ มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลอาญา
ได้เกิดการรวมตัวของบุคคลผู้สนับสนุน บริเวณหน้ามุกบันไดทางขึ้นศาลอาญา ซึ่งระหว่างนั้น นายพริษฐ์ ได้ยืนขึ้นตะโกนส่งเสียงดัง และ ใช้กล้องถ่ายภาพลงโฆษณา เพื่อชักชวนให้บุคลอื่น ๆ เดินทางมาชุมนุมในบริเวณศาล เพื่อขัดขวางการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล รวมทั้งการถ่ายทอดสด(ไลฟ์สด) ภาพและเสียงเหตุการณ์การชุมนุมในบริเวณศาล ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียและสื่อต่าง ๆ
โดยการกระทำของ นายพริษฐ์ ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในบริเวณศาล ทั้งยังไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดศาลอาญา ถือว่า เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
ศาลได้สอบถามนายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหาแล้วแถลงว่าขณะนี้มีอายุ 22 ปีกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และยอมรับว่าได้พูดถ้อยคำตามที่ปรากฏในคำร้องและแผ่นซีดีที่เป็นหลักฐานจริง แต่ถ้อยคำที่กล่าวไปนั้นไม่ทันคิดไตร่ตรอง อย่างไรก็ตามผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้มีเจตนาขัดขวาง หรือก้าวล่วงการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล จึงขอโอกาสศาลเพื่อบรรเทาผลร้ายจากการกระทำดังกล่าว โดยจะแถลงขอโทษแสดงความรู้สึกเสียใจต่อการกระทำดังกล่าวของตน
หลังจากนั้นฝ่ายผู้กล่าวหา ได้แถลงว่า หากนายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหา สำนึกผิดในการกระทำครั้งนี้แล้ว ก็ไม่ติดใจดำเนินคดีนี้อีก โดยขอให้ผู้ถูกกล่าวหาอย่ากระทำในลักษณะเดียวกันกับการกระทำในครั้งนี้อีก และขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณา
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหา มีอายุเพียง 22 ปี กำลังศึกษาอยู่ โดยการกล่าวข้อความไปก็สำคัญผิดคิดว่ามีสิทธิที่จะกระทำได้ อีกทั้งเป็นการกล่าวถ้อยคำด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ไม่ได้ไตร่ตรองถึงความถูกต้องและเหมาะสมในการกระทำของตน และแม้ผู้ถูกกล่าวหาจะไม่ได้หยุดกล่าวถ้อยคำในทันทีที่เจ้าหน้าที่ห้ามปราม แต่เมื่อภายหลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นมีเวลานึกคิดอย่างรอบคอบก็ทราบได้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและจะไม่กระทำในลักษณะเดียวกันอีก
พฤติการณ์แสดงให้เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหารู้สำนึกถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมของตน อีกทั้งผู้ถูกกล่าวหาได้แถลงต่อศาลยอมรับว่าได้กล่าวถ้อยคำตามคำร้องจริง และยืนยันว่าจะไม่กระทำการเช่นว่านั้นอีก ทั้งนี้เพื่อแก้ไขบรรเทาผลเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ผู้ได้รับฟังถ้อยคำในวันนั้น ไม่ว่าจะเป็นการรับฟังในเหตุการณ์หรือรับฟังผ่านสื่อทางใดทางหนึ่ง ผู้ถูกกล่าวหาได้ทำคำแถลงขอโทษเพื่อให้เผยแพร่ข่าวว่าถ้อยคำที่ผู้ถูกกล่าวหาพูดในวันนั้นเป็นการกล่าวโดยอารมณ์ชั่ววูบ ไม่ได้ไตร่ตรองและเข้าใจกระบวนพิจารณาของศาล ที่กำลังดำเนินอยู่ในคดีของนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก ให้รอบครอบ จนนำมาสู่การกล่าวข้อความที่คลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริง เมื่อผู้ถูกกล่าวหารู้สำนึกในการกระทำความผิด ตลอดจนพยายามแก้ไขบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และผู้กล่าวหาไม่ติดใจดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา กรณีจึงไม่เป็นประโยชน์ที่จะดำเนินคดีในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลกับผู้ถูกกล่าวหาอีกต่อไป แต่เพื่อธำรงไว้ซึ่งหน้าที่ประการสำคัญของศาลยุติธรรมในการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนให้ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย สามารถใช้สิทธิทางศาลผ่านกระบวนพิจารณาภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายได้อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันโดยไม่เป็นการเลือกปฏิบัติต่อผู้มีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันจึงต้องรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อย ภายในบริเวณศาล ไม่ให้ผู้ที่มีความเห็นแตกต่างเกิดความเกรงกลัวต่อภยันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อตนจนถึงขนาดเป็นการขัดขวางการใช้สิทธิทางศาล จึงเห็นควรว่ากล่าวตักเตือนนายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหา และให้ผู้ถูกกล่าวหากล่าวคำปฏิญาณต่อศาล ว่าจะไม่กระทำการในลักษณะเช่นเดียวกันนี้อีก แล้วให้ปล่อยตัวผู้ถูกกล่าวหาไปในคดีนี้ และจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ.-สำนักข่าวไทย
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำมวลชนกลุ่มประชาชนปลดแอก เปิดเผยผลการไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล ที่ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา เป็นโจทก์ฟ้องร้อง ว่า ภายหลังที่ศาลไต่สวนคดีนายพริษฐ์ ได้ขึ้นกล่าวแถลงต่อศาล โดยรับสารภาพผิดว่าได้ใช้ถ้อยคำรุนแรงต่อศาลตามฟ้องจริง พร้อมกล่าวขอโทษและเสียใจที่ใช้ถ้อยคำรุนแรงละเมิดและจะไม่ทำความผิดในลักษณะนี้ซ้ำอีก
ด้านผู้ร้อง ได้แถลงต่อศาลด้วยว่า ไม่ติดใจเอาความ ศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่าผู้ต้องหายังเป็นเยาวชนอยู่ในวัยเรียน อีกทั้งผู้ร้องไม่ติดใจเอาความ จึงสั่งจำหน่ายคดีพร้อมตักเตือนและให้นายพริษฐ์รับปากกับศสล ว่า ห้ามกระทำการละเมิดต่อศาลในลักษณะนี้อีก
นอกจากนี้ทนายความยังเปิดเผยถึงกรณีของนายสุรนาท แป้นประเสริฐ หรือ ตัน ผู้ต้องหาคดีอาญามาตรา 110 ด้วยว่า ทนายความและครอบครัวมาทราบภายหลัง ว่า นายสุรนาท ไม่ได้ถูกคุมตัวฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตามคำสั่งศาล แต่เจ้าหน้าที่คุมไปฝากขังที่เรือนจำกลางบางขวาง ซึ่งในทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่อาจเข้าข่ายมีความผิด แต่ครอบครัวยังไม่ได้คุยว่าจะเอาผิดเจ้าหน้าที่หรือไม่ เพราะตอนนี้ให้ความสำคัญเรื่องขอประกันตัวออกมาก่อน
สำหรับนายสุรนาท ถูกฝากขังครบผัดแรกในวันนี้ กรณีถูกออกหมายจับในความผิดมาตรา 110 ผู้ใดกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบหกปีถึงยี่สิบปี ทางทนายความได้เตรียมหลักทรัพย์ เพื่อขอยื่นประกันตัวในวันนี้ด้วย คาดรู้ผลช่วงเย็นวันนี้
ส่วนนายเพนกวิน จะยังคงถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เนื่องจากอยู่ระหว่างถูปฝากขังในความผิดทำลายโบราณสถาน หรือทำให้เสียหาย เสื่อมค่า กรณีขุดเจาะพื้น ท้องสนามหลวงเพื่อปักหมุดคณะราษฎร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา .-สำนักข่าวไทย