กทม.14 ส.ค.-นักธุรกิจเตาเผา ร้องกองปราบ ถูกชายอ้างเป็นอดีตที่ปรึกษา รมช.คมนาคม หลอกเรียกรับเงินเเลกทำโครงการพัฒนาที่ดิน 55 ไร่ เเหลมฉบัง สูญเงินกว่า 2.3 ล้านบาท
เจ้าของธุรกิจทำเตาเผาแห่งหนึ่งเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจกองบังคับการปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับชายที่อ้างตัวเป็น ดร.ภาวัต ไชยชานวาธิก อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และพวกรวม 6 คน หลังถูกกลุ่มดังกล่าวแอบอ้างและเรียกรับเงินเพื่อแลกกับสิทธิในดำเนินการการพัฒนาที่ดิน 55 ไร่ ในท่าเรือเเหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี
นักธุรกิจรายนี้ เล่าว่า ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีกลุ่มชายหญิงซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นนกต่อติดต่อมาเพื่อพูดคุยเรื่องธุรกิจเตาเผาที่ตนทำอยู่ ก่อนเชิญชวนให้ตนมาทำโครงการการพัฒนาที่ดิน 55 ไร่ ในท่าเรือ เเหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยอ้างว่ารู้จักกับผู้ใหญ่ที่สามารถช่วยให้รับงานดังกล่าวได้ ก่อนพาไปพบชายอ้างตัวเป็นอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมให้ดูแบบการก่อสร้างและพูดคุยในรายละเอียด ว่าสามารถช่วยให้เข้าพบกับนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เเต่ต้องแลกกับการจ่ายค่าดำเนินการจำนวน 2 ล้านบาท รวมกับค่าที่ปรึกษาเดือนละ 200,000 บาทให้กับบุคคลที่อ้างตัวเป็น ดร.ภาวัต และอีก 1 ส่วน คือ เดือนละ 100,000 บาทจ่ายให้กับชายที่อ้างชื่อเป็น สจ.เอ ที่เป็นทีมงาน พร้อมขอรถยนต์ 1 คัน ไว้ใช้งานเพื่อเดินเรื่อง โดยเงินรายเดือนถือเป็นค่าที่ปรึกษาที่ต้องจ่ายจนกว่าตนจะได้รับงาน
จากนั้นได้นัดพูดคุยรายละเอียดที่สถานที่เเห่งหนึ่งย่านพุทธมณฑล ก่อนนัดพบกันที่กระทรวงคมนาคม ในวันนั้นตนก็ต้องนำเงินสดจำนวน 2,000,000 บาทไปมอบให้กับคนที่อ้างตัวเป็น ดร.ภาวัต ในกระทรวงคมนาคม ก่อนจะได้ขึ้นไปที่ห้องทำงานของนายอธิรัฐ โดยขณะเข้าพบตนไม่ได้พูดอะไรกับนายอธิรัฐ เลยมีเพียงชายที่อ้างตัวเป็น ดร.ภาวัต พูดคุย จับใจความได้ว่ารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมจะช่วยดำเนินการเเก้ไขข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง (TOR) เกี่ยวกับโครงการดังกล่าว เพื่อให้ตนเข้ามาดำเนินการในโครงการนี้ได้ หลังพูดคุยเสร็จ ตนจึงโอนเงินให้ชายที่อ้างตัวเป็น สจ.เอ ทันที 100,000 บาท เเละวันเดียวกันยังโอนเงิน 200,000 บาท ให้ชายที่อ้างตัวเป็น ดร.ภาวัต
จากนั้น มีการเเจ้งว่าจะใช้เวลา 1-2 เดือนในการทำเอกสารของโครงการ ก่อนจะมีผลให้เริ่มดำเนินการ เเต่ระหว่างนั้นยังมีการขอรถยนต์ไปใช้ หุ้นส่วนของตนจึงนำรถยนต์ BMW ซีรีส์ 5 ไปให้ใช้ก่อน พร้อมรับปากกันว่าหากได้รับงานจะซื้อคันใหม่ให้ แต่หลังจากนั้นเริ่มเอะใจว่าจะถูกโกง เนื่องจากบางครั้งแอบเห็นชื่อตามบัตรประชาชนของชายคนนั้นไม่ใช่ ดร.ภาวัต จึงทวงรถกลับมา ประกอบกับเมื่อทวงถามถึงโครงการกลับถูกบ่ายเบี่ยง เมื่อทวงเงินคืนอีกฝ่ายก็บล็อคเบอร์โทรศัพท์เเละไลน์ พร้อมลบข้อมูลรูปต่างๆในไลน์ออก
ส่วนตัวขอยืนยันว่า การมาแจ้งความร้องทุกข์ ต้องการเอาผิดบุคคลที่อ้างตัวเป็น ดร.ภาวัต เเละทีมงานเท่านั้น เพราะเชื่อว่าเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ เเละตนไม่ได้ต้องการโจมตีใครทางการเมือง โดยนำหลักฐานสลิปโอนเงิน ,รูปถ่ายคนในขบวนการ และข้อมูลที่ตนพอมีในการระบุตัวบุคคลเหล่านี้มอบให้ตำรวจนำไปสอบสวนดำเนินคดี.-สำนักข่าวไทย