กทม.5 ส.ค.-ศาลอุทธรณ์ยืนยกฟ้อง “พ.อ.นที” กรณีสั่งอาร์เอสถ่ายทอดสัญญาณฟุตบอลโลก 2014 ทางฟรีทีวี
ศาลอุทธรณ์นัดฟังคำพิพากษาคดีบริษัทอาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด (อาร์เอสบีเอส) บริษัทในเครือบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เจ้าของลิขสิทธิ์ ที่ได้รับอนุญาตจากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (ฟีฟ่า) ให้เป็นผู้เผยแพร่ภาพและเสียงการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี ค.ศ.2014 แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายกับผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
สืบเนื่องจากวันที่ 5 พ.ย. 2555-30 เม.ย. 2556 ต่อเนื่องกัน จำเลยซึ่งเป็นกรรมการ กสทช. ได้ให้ความเห็นชอบในการออกประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2555 และการกำหนดประเภทรายการลำดับที่ 7 ในภาคผนวก (Must Have – มัสต์แฮฟ) ที่กำหนดให้รายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจะต้องให้บริการเป็นรายการทั่วไป โดยไม่ฟังคำโต้แย้งจากโจทก์ซึ่งเป็นผู้ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอล ปี ค.ศ.2014 ประเทศบราซิล ซึ่งประกาศดังกล่าว ทำให้บริษัทอาร์เอสบีเอส ที่ได้รับอนุญาตจากฟีฟ่า ได้รับความความเสียหาย เหตุเกิดที่แขวงสามเสนใน เขตพญาไท
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ วันนี้ พ.อ.นที ไม่ได้มาศาล เนื่องจากเดินทางมาฟังคำพิพากษาไปเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 63 มีเพียงทนายความตัวแทนโจทก์เข้าฟังคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์ได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ก่อนออกประกาศ เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2555 จำเลยเปิดรับฟังความคิดเห็นของสาธารณะชน และเป็นการปฏิบัติโดยชอบทางกฎหมาย และการลงมติเห็นชอบและออกประกาศดังกล่าว เป็นการพิจารณาในรูปแบบของคณะกรรมการ เป็นขั้นเป็นตอน ไม่ใช่พิจารณาโดยจำเลยเพียงลำพัง อีกทั้งไม่พบว่าจำเลยได้ โน้มน้าว ข่มขู่ ให้คณะกรรมการเห็นด้วยกับจำเลย และหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นการนำมาปรับใช้กับทุกสถานีไม่ได้เจาะจงเฉพาะโจทก์ จำเลยจึงไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้ง ส่วนที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกล่าวถึง เจ้าของลิขสิทธ์ถ้าไม่ทำตามจะมีมาตรการปรับ หรือการพักใบอนุญาตหากมีการฝ่าฝืนนั้น ก็เป็นกรณีที่จำเลยได้กล่าวถึงข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงที่มีการประชุม กสท. ไม่ปรากฏว่าการกระทำของจำเลยมีเจตนาพิเศษหรือได้รับประโยชน์อื่นใด ศาลอุทธรณ์เห็นว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษานั้นเหมาะสมแล้ว พิพากษายืน ยกฟ้องตามศาลชั้นต้น.-สำนักข่าวไทย