บช.ก. 8 ก.ค. – “พระนิทัศน์” ให้ปากคำแล้วเสร็จ บอกรู้สึกสบายใจขึ้น ลั่นไม่มีเรื่องการเมืองในวัด ขณะ “บิ๊กเต่า” เตรียมขยายผลแหล่งที่มาเงินวัด เน้นหาที่มาเงินของเจ้าอาวาส ส่วนความขัดแย้งอื่นแค่รับฟัง จ่อเรียกนายเดี่ยว คนขับรถเจ้าอาวาสที่เป็นคนเก็บผลประโยชน์ต่างๆ มาสอบ
ภายหลังสอบปากคำไปได้ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง พระนิทัศน์ก็เดินทางกลับ โดยบอกเพียงว่าจะไปให้สัมภาษณ์รายละเอียดที่วัดม่วง แต่เบื้องต้นวันนี้ให้ปากคำกับตำรวจแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก ส่วนที่เจ้าอาวาสบอกว่าเรื่องซื้อตำแหน่งสงฆ์เป็นคำพูด “เลอะเทอะ” นั้น ก็ไม่มีปัญหา เดี๋ยวก็รู้ว่าใครเลอะเทอะ แต่ยืนยันว่าไม่ได้มาให้ปากคำกับตำรวจเพราะเรื่องการเมืองภายในวัด และไม่ได้มีใครอยากจะไปแย่งตำแหน่งเจ้าอาวาส ทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่วตามหลักคำสอน
ส่วนหลักฐานต่างๆ ก็ได้ให้ตำรวจไปหมดแล้ว และไม่ได้กังวล หากหลักฐานที่ให้ตำรวจไปอาจจะไม่ได้เป็นหลักฐานเอกสารชัดเจน และเชื่อมือ “บิ๊กเต่า” และส่วนตัวก็ไม่ได้อยากจะให้ตำรวจดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสขนาดนั้น เพียงแต่อยากจะแก้ไขเรื่องที่ตนเองถูกกล่าวหาว่าโกหกเท่านั้น

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าการสอบปากคำพระนิทัศน์ และอดีตพระเลขาของเจ้าอาวาสวัดม่วง ว่าข้อมูลที่พระทั้ง 2 รูปให้มาถือว่าเป็นประโยชน์ มีข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินภายในวัด แหล่งที่มาของรายได้ รวมถึงเงินหมุนเวียนภายในวัดว่าจำนวนเท่าไร ซึ่งอยู่ที่ประมาณเดือนละหลักแสนถึงหลักล้านบาท โดยเจ้าอาวาสจะเป็นคนบริหารจัดการเงินทั้งหมดเพียงผู้เดียว ช่วงแรกในการพัฒนาวัดก็ยังไม่ได้มีไวยาวัจกรหรือกรรมการวัด เพิ่งมาเริ่มมีเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และแม้จะมีไวยาวัจกรหรือพระเลขาฯ ก็ไม่มีอำนาจจัดการเรื่องเงิน จึงไม่มีใครทราบว่าเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้ในเรื่องไหนบ้าง
ดังนั้น หลังจากนี้ตำรวจจะต้องไปตรวจสอบข้อมูล รื้อรายการเดินบัญชีธนาคารย้อนหลังทั้งหมด เพื่อขยายผลว่าที่มาของเงินวัดมาจากแหล่งใด ทั้งเงินบริจาค เงินทำบุญถวายสังฆทาน เงินกฐิน เงินฌาปนกิจ เงินค่าทำประโยชน์จากที่ดินรอบวัด ค่าเช่าที่ต่างๆ และตอนนี้เงินวัดทั้งหมดไปอยู่ที่ไหน ซึ่งจะนำประเด็นการสอบปากคำพระนิทัศน์และอดีตพระเลขาฯ เจ้าอาวาส ไปสอบถามข้อเท็จจริงจากเจ้าอาวาสวัดม่วง ในการเข้าตรวจค้นช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อให้มีความชัดเจนเรื่องเงินวัด รวมถึงนายเบียร์และนายเดี่ยว คนขับรถเจ้าอาวาส ที่เป็นคนเก็บผลประโยชน์ต่างๆ และนำเงินส่งมอบให้เจ้าอาวาส ก็ต้องเรียกมาสอบปากคำ เช่นเดียวกับผู้รับเหมาที่รับก่อสร้างบูรณะวัดม่วงด้วย ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่
ทั้งนี้ ยืนยันว่าตำรวจจะมุ่งเน้นการหาที่มาเงิน 20 กว่าล้านบาท ของเจ้าอาวาส ส่วนความขัดแย้งต่างๆ ตำรวจแค่รับฟังเท่านั้น และจะรับฟังเจ้าอาวาสด้วย เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ได้รับ ทราบว่าในวัดมีพระประมาณ 50 รูป แบ่งเป็นพระไทยประมาณ 30 รูป และพระต่างชาติอีก 20 รูป ซึ่งทุกรูปจะต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟเอง ทางวัดไม่ได้ดูแลค่าใช้จ่ายให้ ดังนั้น ก็ต้องตรวจสอบด้วยว่าเงินค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปไหน อยู่กับไวยาวัจกร หรือเจ้าอาวาส หรือให้ธนาคารมารับไป อีกทั้งวัดนี้แม้จะมีคนมาทำบุญไม่เยอะ แต่ก็มีรายได้จากหลายๆ ส่วนเข้ามา และจะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารมารับเงินที่วัดทุกๆ สัปดาห์
ส่วนข้อมูลเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย ตำรวจยังไม่พบ ส่วนเรื่องที่พระนิทัศน์อ้างว่าเจ้าอาวาสใช้เงินซื้อตำแหน่งสงฆ์นั้น ตำรวจก็รับฟังและต้องนำไปตรวจสอบเพิ่มเติมให้แน่ชัดก่อนว่าเส้นทางการเงินของวัดเชื่อมโยงไปถึงใครบ้าง แล้วจึงจะสามารถขยายผลไปถึงพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ที่ขายตำแหน่งหรือรับผลประโยชน์ได้. -420-สำนักข่าวไทย