รอง ผบช.น. เผย ส.ต.ต.หญิง อยู่ในความดูแลของแพทย์ ยันเยียวยาเต็มที่

บช.น. 25 มี.ค.-รอง ผบช.น. ระบุตำรวจหญิงบาดเจ็บจากการฝึกเป็นอุบัติเหตุ อยู่ในความดูแลของแพทย์ใกล้ชิด มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมเยียวยาเต็มที่ ด้านแม่ของ ส.ต.ต.หญิง เชื่อลูกป่วยซึมเศร้าหลังเข้ารับการฝึกหลักสูตรกองร้อยน้ำหวาน ไม่ขวางหากลูกอยากเป็นตำรวจต่อ


พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผบก.อก. และ พ.ต.อ.วิษณุวัฒน์ ภู่ระหงษ์ ผกก.ฝอ.4 แถลงข่าวกรณีข้าราชการตำรวจหญิง สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงการเข้ามาเป็นตำรวจ 1 ปี ทั้งเรื่องการฝึก และการเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ซึ่งมีการแชร์โพสต์ดังกล่าวจำนวนมาก

พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุว่าเบื้องต้นได้รับรายงานข้อมูลดังกล่าวแล้ว โดยทาง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มีความห่วงใยจึงสั่งการให้ผู้บังคับบัญชาเดินทางไปเยี่ยมข้าราชการตำรวจหญิงดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา พบว่า ส.ต.ต.หญิง คนธรส อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดและมีอาการปลอดภัย ปัจจุบัน ส.ต.ต.หญิง คนธรส ผบ.หมู่ ฝอ.4 บก.อก.บช.น. ยังคงดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับหมู่ ฝ่ายอำนวยการ 4 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยได้พูดคุยกับทางคุณแม่ของ ส.ต.ต.หญิง คนธรส และได้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย


เบื้องต้นได้ให้ ส.ต.ต.หญิง คนธรส อยู่ในความดูแลแพทย์อย่างใกล้ชิดรักษาตัวอยู่ก่อน ส่วนในเรื่องการฝึกของน้องที่ผ่านมา ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จะได้ทำการเสนอเรื่องมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อขอตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการฝึกอบรมดังกล่าว และจะติดตามความคืบหน้าทันที

จากการตรวจสอบพบว่า ส.ต.ต.หญิง คนธรส ได้มีการเข้าฝึกอบรมหลักสูตรกองร้อยน้ำหวาน ที่ บก.สอ.บช.ตชด. แต่ยังไม่จบหลักสูตรดังกล่าว ซึ่งปัจจุบัน ส.ต.ต.หญิง คนธรส ยังคงทำงานในตำแหน่ง ผู้บังคับหมู่ ฝ่ายอำนวยการ 4 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ข้อมูลอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีหน่วยงานที่ ส.ต.ต.หญิง คนธรส เข้ารับการฝึกและครูฝึก โดยได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาเร่งรัดตามความคืบหน้าอย่างทันท่วงที

สำหรับ ส.ต.ต.หญิง สมัครใจลงมาฝึกตามหลักสูตร กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนเอง โดยมีไทม์ไลน์การฝึกตลอดหลักสูตรดังนี้ เริ่มการฝึกตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.- 12 ก.ค.2566 ผ่านมาเพียง 4 วัน ในวันที่ 19 มี.ค.66 ส.ต.ต.หญิงประสบอุบัติเหตุ ระหว่างการฝึก ถูกเพื่อนในรุ่น กระโดดชักเท้าหลังไปโดนศีรษะจนบาดเจ็บ ต้องส่งตัวไปรักษาด่วนที่ รพ.หัวหิน และส่งไปรักษาตัวต่อที่ รพ.ตำรวจ กทม. แพทย์ลงความเห็นให้รักษาตัวอยู่ 10 วัน ช่วงวันที่ 20-29 มี.ค.66 พอถึงวันที่ 29 มี.ค.66 ส.ต.ต.หญิงกลับมารายงานตัวต่อที่กองร้อยการฝึกและฝึกต่อเนื่องจนถึงวันที่ 30 มี.ค.- 7 เม.ย.66 กระทั่งวันที่ 8-17 เม.ย. ส.ต.ต.หญิง ได้พักตามกรอบเวลา เมื่อถึงวันที่ 17 เม.ย.66 ต้องเริ่มการฝึก แต่ ส.ต.ต.หญิง ไม่ได้กลับมาฝึก แต่ไปรักษาตัวต่อที่ รพ.ตำรวจ และรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง แพทย์ให้ความเห็นว่า เครียดวิตกกังวล ต้องรักษาอย่างใกล้ชิด ตามหลักสูตรการฝึกต้องฝึกให้ครบ 80% หรือ 440 ชั่วโมง แต่ด้วยอาการป่วย จึงฝึกต่อไม่ได้ ต้องส่ง ส.ต.ต.หญิง กลับไปที่กองอำนวยการ 4 ดังเดิม


ยืนยันว่าการที่ ส.ต.ต.หญิง ถูกเตะศีรษะนั้นคืออุบัติเหตุ ไม่มีใครตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และก็จะไม่มีบทลงโทษใดๆ กับคนที่เตะด้วย ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ ส.ต.ต.หญิงก็โพสต์ ยืนยันแล้วว่าเป็นอุบัติเหตุจริง ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้รับการร้องเรียนครูฝึกคนดังกล่าว และในรุ่นก็ไม่มีผู้ใดร้องเรียนการฝึกนี้
ส่วนเรื่องการเยียวยานั้นยืนยันว่า ทางต้นสังกัดจะรักษา ส.ต.ต.หญิง ให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ก็จะได้รับตามสิทธิ์ข้าราชการอย่างครบถ้วน

ด้าน พ.ต.อ.วิษณุวัฒน์ ระบุว่า ส.ต.ต.หญิง มีโอกาสกลับไปฝึกต่อได้อีกและสามารถมาบรรจุ ผบ.หมู่ ได้ แต่ในห้วงเวลาดังกล่าว ยังไม่เปิดการฝึกครั้งที่ 2

ขณะแม่ของ ส.ต.ต.หญิง เชื่อว่าอาการป่วยของน้องเกิดขึ้นหลังเข้ารับการฝึกอบรมตำรวจอย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้น้องเป็นคนร่าเริง เรียนเก่ง ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ส่วนเรื่องดังกล่าวแม่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยจนกระทั่งไปเจอน้องที่โรงพยาบาลและรู้ว่าความเห็นของแพทย์ไม่ตรงกัน จึงไปรับน้องไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งตอนนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะต้องมีการดูแลต่อเนื่อง โดยเฉพาะแพทย์เฉพาะทางให้การดูแลเป็นอย่างดี

น้องเล่าให้ฟังว่าหลังบรรจุเข้ารับราชการตำรวจก็ถูกส่งไปฝึกอบรมตามโครงการต่าง ๆ โดยในหลักสูตรมีการรับน้อง ส่วนเหตุการณ์ในค่ายถึงแม้ไม่ได้เห็นกับตาแต่ก็เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ จึงส่งไปรักษาตัว แต่ก็มีคำสั่งให้กลับไปฝึกต่อทั้งที่ยังมีอาการป่วยอยู่ สภาพร่างกายยังไม่ปกติ ส่วนรายละเอียดเรื่องที่น้องถูกด้อยค่า แม่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ก็เชื่อว่าเป็นไปตามที่น้องโพสต์ เพราะถ้าไม่ถึงที่สุดน้องก็จะไม่มีการโพสต์ระบายแบบนี้ และเชื่อว่าโพสต์ระบายออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ และส่วนตัวก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีก และหลังจากที่น้องฝึกเสร็จและกลับมาก็มีอาการเครียดและซึมเศร้า น้องเล่าให้ฟังว่าท่าที่ทำให้อาการป่วยหนักขึ้นคือท่าลุกหมอบ แม่ยอมรับว่าตกใจที่อาการของลูกเป็นแบบนี้ ส่วนหลังจากนี้จะให้ลูกรับราชการตำรวจต่อหรือไม่ แม่ยืนยันว่าน้องยังอยากรับราชการอยู่ เพราะมีความเข้มแข็งและตั้งใจอยากรับราชการ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยากให้ลูกเป็นคนตัดสินใจว่าจะเป็นตำรวจต่อหรือไม่ โดยให้สิทธิ์น้องเป็นคนตัดสินใจ

ส่วนการกีดกันจากผู้บังคับบัญชา แม่ไม่ทราบข้อมูลส่วนนี้ ต้องให้น้องเป็นคนบอก แต่ยอมรับว่าน้องมีความกดดันและเครียดเนื่องจากเป็นโรคซึมเศร้าที่ไม่สามารถหายได้

ด้านน้องมะนาว เพื่อนของ ส.ต.ต.หญิง เล่าว่าเป็นเพื่อนกับ ส.ต.ต.หญิง ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ที่ผ่านมา ส.ต.ต.หญิง เป็นคนสดใสร่าเริง และไม่มีอาการทางจิต แต่ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ได้โทรศัพท์มาปรึกษาอยู่บ่อยครั้ง โดยเพื่อนเล่าให้ฟังว่าเป็นอุบัติเหตุจากการฝึกอบรมฯ และบอกว่าตอนนี้ตนเองไม่มีคุณค่า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยพูด แต่ไม่เลวร้ายถึงขั้นโพสต์บอกลา เชื่อว่าครั้งนี้คงสุด ๆ แล้ว จึงบรรยายความรู้สึกในโพสต์ โดยเฉพาะคำพูดด้อยค่าจากคนรอบข้าง ส่วนใครเป็นคนพูดกดดันหรือด้อยค่าแม่และตนเองปฏิเสธไม่ขอบอก เกรงจะมีปัญหาตามมา แต่ยืนยันเกิดจากการฝึกแน่นอน และตั้งแต่นั้นสภาพจิตใจก็ย่ำแย่มาโดยตลอด โดยทุกคืนที่นอนฝันถึงการฝึก รวมถึงการลงโทษด้วยการดองเวร ลักษณะยืนเข้าเวรเป็นระยะเวลานาน ส่วนบรรยากาศภายในค่ายตนเองไม่ทราบ แต่เชื่อว่าหากน้องสภาพปกติคงฝึกต่อได้ แต่ครั้งนี้หลังเกิดอุบัติเหตุก็ยังต้องกลับไปฝึกอีก จึงทำให้อาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะการฝึกที่การใช้ศีรษะ ทั้งที่ไม่ควรใช้แล้วเพราะเพื่อนไม่สบาย และยืนยันว่า เพื่อนโทรมาร้องไห้บ่อยครั้งและบอกเศร้าอีกแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นยังคงอยู่ ที่ผ่านมาไม่เคยตัดพ้อว่าไม่เคยอยากเป็นตำรวจ ส่วนฟางเส้นสุดท้ายเชื่อว่าเพราะเป็นมานานจึงเกิดความเครียดสะสม จนทำให้ไม่สามารถทนได้.-416-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]