กรุงเทพฯ 31 ม.ค. – “เพชรมงคล” ตัวการสำคัญในคดีแทงน้องเร นักศึกษาปทุมวัน สารภาพชกต่อยผู้ตายจริง ปฏิเสธใช้มีดแทง เหตุไปหน้าสถาบันเพราะต้องการไปถ่ายรูปเก็บไว้ ไม่ได้ตั้งใจไปก่อเหตุ
ความคืบหน้าคดีเกิดเหตุ แทง “น้องเร” นักศึกษา สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เสียชีวิต ที่หน้าสถานบัน เมื่อคืนวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา โดยคดีนี้ตำรวจขอศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมด 9 คน ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันพาอาวุธเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรซึ่ง วานนี้มีการเปิดปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย 7 จุด ล่าตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุ โดยสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว 3 คน
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สืบสวนนครบาล, บก.น.6 และ สน.ปทุมวัน ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ได้เพิ่มอีก 1 คน คือนายเพชรมงคล อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นหมายจับลำดับที่ 5 โดยจับกุมได้ในพื้นที่ ต.ดอนฉิมพลี อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทราพร้อมตรวจยึดเสื้อ และกางเกงที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ สอบสวนเบื้องต้นรับว่า เป็นคนชูนิ้วกลาง และใช้เท้าเหยียบดอกบัว ในสถาบันตามภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด
ต่อมาเมื่อเวลา 11.10 น. เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายเพชรมงคล มาสอบสวน ขยายผลต่อที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล โดยมี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมสอบปากคำ เบื้องต้นนายเพชรมงคล ให้การว่าตนเองพ้นสภาพนักศึกษาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยในวันเกิดเหตุนั้นได้เข้าไปหาเพื่อนที่ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย แต่ถูกอาจารย์ไล่ให้ออกไปจากสถาบัน จากนั้นก็เดินออกมากัน 3 คน จนมาเจอกลุ่มเพื่อนพี่อยู่ข้างนอกอีก 6 คน จากนั้นก็เดินไปที่หน้าสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ก่อนจะไปแสดงอาการอากัปกริยาตามที่ไม่เหมาะสม เพื่อถ่ายรูปเก็บไว้ โดยตนเองได้ชูนิ้วกลางและใช้เท้าเหยียบไปที่ดอกบัวบนรั้ว เพราะความคึกคะนอง ไม่ได้ทำคอนเทนต์ หรือไปเยาะเย้ยเพื่อให้มีเรื่อง เพราะทราบมาว่าสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันหยุดเรียนในวันนั้น พอถ่ายรูปเสร็จก็จะเดินทางกลับกัน ระหว่างนั้นฝ่ายผู้เสียชีวิตได้เดินออกมาจากรั้วสถาบัน แล้วชักมีดออกมาเพื่อจะเข้าทำร้ายกลุ่มพวกตน ตนใช้มือต่อยไป 2 ครั้ง เพื่อปัองกันตัว ไม่ได้เป็นคนใช้มีดแทง และยังยอมรับว่า เคยบริจาคเงินช่วยเหลือค่าข้าว ค่าน้ำ เป็นจำนวนเงิน 40-50 บาท ให้แก่กลุ่ม แต่เอาเงินไปใช้อย่างอื่นหรือเปล่า ตนเองไม่ทราบ ทั้งนี้ ตนเองรู้สึกผิดและเสียใจกับสิ่งที่ทำไป จึงอยากขอโทษพ่อแม่ ญาติพี่นัอง และเพื่อนผู้เสียชีวิต ที่มีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อม อยากฝากรุ่นน้องว่ จะทำอะไรควรคิดกันให้ดี สิ่งที่ทำไปอาจจะแก้ไขไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องรับสภาพมัน และคนที่เดือดร้อนก็คือพ่อแม่ และคนข้างหลัง
ด้าน พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบ พบมีผู้พกพามีด 4 คน ที่เหลือใช้วิธีทำร้ายร่างกายเตะต่อยบ้าง ซึ่งบาดแผลแผลของผู้เสียชีวิตนั้น มีทั้งหมด 7 บาดแผล ประกอบด้วย ด้านหน้า 3 แผล และด้านหลัง 4 แผล ส่วนเป็นมีดเล่มใดนั้นอยู่ระหว่างรอผลชันสูตรของแพทย์ ซึ่งหลังก่อเหตุนายเพชรมงคล ได้ไปตัดผมให้สั้นลงเพื่ออำพรางการหลบหนี และหลบเลี่ยงหลีกหนีไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามตามล้างแค้นเอาคืน ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 5 คน ที่ยังหลบหนีนั้น มี 3 คน ติดต่อผ่านทนายความเพื่อขอมอบตัวในวันนี้ ส่วนผู้ที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือหลบหนีนั้น ยืนยันว่าจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการ กองบังคับการ สืบสวนสอบสวนนครบาล เปิดเผยว่านายเพชรมงคล ถือเป็นตัวการสำคัญที่มีหน้าที่ยั่วยุ ในการก่อเหตุครั้งนี้ แต่จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดยังไม่มีใครบอก หรือรับว่าเป็นคนลงมือแทงผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ในช่วงบ่ายวันนี้ทนายความประสานมาว่าจะนำผู้ต้องหาที่เหลือเข้ามามอบตัว โดยเจ้าหน้าที่ไม่หนักใจ จะมามอบหรือไม่ เพราะตำรวจก็มีหน้าที่ในการไล่ล่าจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดี เบื้องต้นในชั้นนี้จากการสืบสวนสอบสวน ยังมีผู้ก่อเหตุ 9 คน แต่หากผลการสืบสวนขยายผลพาดพิงถึงใครไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือ ให้ที่พักพิงหรือสนับสนุนในเรื่องเงินทุน ก็จะดำเนินคดีทุกราย โดยไม่ละเว้น โดยตำรวจจะทำให้เป็นคดีเหมือนกับการจับกุมผู้ก่อเหตุแก๊ง “น้องหยอด-ครูเจี๊ยบ” .- 413-สำนักข่าวไทย