รับตัว 3 แก๊งคอลเซ็นเตอร์จากเพื่อนบ้านมาดำเนินคดีในไทย

10 พ.ย. – ตำรวจรับตัว 3 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากเพื่อนบ้านมาดำเนินคดีในไทย เจ้าตัวอ้างเป็นสาย 1 ฝ่ายเร่งรัดหนี้สินธนาคาร แต่ไม่ยอมรับผิด


ตำรวจรับตัว 3 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คือนายภานุ อายุ 23 ปี, นายกฤษณะ อายุ 20 ปี และนายพงศกร อายุ 28 ปี ที่จับกุมได้จากประเทศเพื่อนบ้านมาดำเนินคดีในไทย ในข้อหา “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าข้อูมลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน”

คดีนี้ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนโดยขยาลผลจากสายลับจนทราบพบว่ามีผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เดินทางไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อาคารแห่งหนึ่ง เมืองโอเสม็ด จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา โดยมีพนักงานคอลเซ็นเตอร์เป็นชาวไทยทั้งหมดจำนวนมาก ทำหน้าที่โทรหลอกผู้เสียหายโดยแบ่งหน้าที่กันเป็นสาย 1 ผู้ต้องหาที่ 1-3 อ้างตัวเป็นฝ่ายเร่งรัดหนี้สินธนาคาร ออกอุบายสอบถามผู้เสียหายว่า เลขท้ายบัตรเครดิตสี่หลักนี้ เป็นของผู้เสียหายหรือไม่ ซึ่งเมื่อผู้เสียหายตอบว่าไม่ใช่ ก็จะแจ้งกับผู้เสียหายว่า ข้อมูลของท่านอาจรั่วไหล แนะนำให้แจ้งกับที่ สภ.เมืองตาก โดยให้กดปุ่มสี่เหลี่ยม (#) 2 ครั้ง ระบบจะโอนสายอัตโนมัติไปยังกลุ่ม สาย 2 อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตาก สอบถามผู้เสียหายว่าจะแจ้งความเรื่องอะไร และหลอกว่าข้อมูลของผู้เสียหายนั้น มีคนร้ายได้นำไปใช้ ทำให้ผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินและยาเสพติด และผู้เสียหายจะต้องโอนเงินมาตรวจสอบ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ หากผู้เสียหายยังไม่หลงเชื่อจะทำทีเดินไปเคาะประตูและให้คุยกับตำรวจระดับ ร.ต.อ.ขึ้นไป เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ


กลุ่มสาย 3 อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตาก ระดับ ร.ต.อ. ขึ้นไป หลอกว่าจะดำเนินคดีกับผู้เสียหาย มีการส่งข้อมูลหลอกผู้เสียหายผ่านทางไลน์ เช่น หมายจับ (ปลอม) หรือบางครั้งใช้วิธีวิดีโอคอล และใช้เทคนิคตัดต่อ สร้างความน่าเชื่อถือว่าเป็นตำรวจจริง ๆ ในท้ายที่สุด ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินไปตรวจสอบความบริสุทธิ์ ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิดใดๆ สร้างความเสียหายหลักล้านบาท

ต่อมาวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศกัมพูชาทลายและจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดทางการกัมพูชาจับกุมตัวที่ตึกคอลเซ็นเตอร์ ตรงข้ามด่านช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ และเพื่อมาส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ยอมรับว่าเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ สาย 1 โดยให้การว่า ก่อนหน้าที่จะข้ามไปทำงานเป็นพนักงานแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ตนตกงานจึงได้เข้าไปหางานในเพจและสื่อโซเชียลต่างๆ และได้สมัครเข้าทำงานเพื่อเป็นแอดมินเพื่อตอบลูกค้า ต่อมาช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2566 ได้รับการติดต่อจากผู้ว่าจ้างและได้ให้นั่งรถไปที่ บขส. จ.สระแก้ว หลังจากนั้นได้มีรถรับจ้างมารับต่อไปส่งยังชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อมามีคนเขมรพาข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านทางช่องทางธรรมชาติและได้ขึ้นรถตู้มายังจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา และได้ทำงานเป็นพนักงานแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์สาย 1 ที่สำนักงานแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา โดยอ้างตัวว่าเป็นพนักงานเร่งรัดหนี้สินของธนาคาร โดยจะแจ้งผู้เสียหายว่า ผู้เสียหายได้เป็นหนี้บัตรเครดิตหรือไม่ ถ้าไม่ได้เป็นหนี้และยินดีที่จะแจ้งความให้ทำการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยสาย 1 จะกดเครื่องหมายสี่เหลี่ยม (#) 2 ครั้งเพื่อโอนสายไปยังสาย 2 โดยทั้งสามให้การว่าได้เงินเดือน ๆ ละ 20,000 บาท หากสามารถหลอกลวงผู้เสียหายได้จะได้ค่าตอบแทนร้อยละ 6 จากยอดความเสียหาย โดยยังให้การเพิ่มเติมอีกว่าภายในตึกดังกล่าวยังมีคนไทยที่ทำงานเป็นพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่าร้อยคน
จับกุมที่ จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จว.สุรินทร์ นำตัวส่งพนักสอบสวน พงส. กก.3 สอท.2 ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่าผู้ต้องหาทั้งหมดนี้ทำหน้าที่พูดสายสนทนากับประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ โดยกระทำความผิดอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ครั้งนี้เราสามารถจับกุมตัวคอลเซ็นเตอร์ได้ และจะขยายผลถึงที่สุดต่อไป แจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมขอให้ประชาชนใช้สติอย่ารีบโอนเงินให้คนแปลกหน้าหรืออ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่่ หากไม่แน่ใจหรือสงสัยว่าบุคคลจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยิงสส.กัมพูชา

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” ดับกลางกรุงเทพฯ

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ดับใกล้วัดดังกลางกรุง พบเหยื่อมีบทบาทในการตรวจสอบรัฐบาลฮุนเซน

ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงเพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม

ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา เพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม พร้อมกำหนดบทลงโทษหากพบเข้าไปข้องเกี่ยว

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา-วอศ.สระบุรี ชนะเลิศแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา และ วอศ.สระบุรี ชนะเลิศในการแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025 ณ เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน

ข่าวแนะนำ

ซิงซิง

ผลมติพบ “ซิงซิง” ตกเป็นผู้เสียหายค้ามนุษย์-ปลอดภัยดี พร้อมกลับบ้าน

“ซิงซิง” ตกเป็นผู้เสียหายค้ามนุษย์ หลังผลมติคัดแยก-คัดกรองออกแล้ว ล่าสุดเจ้าหน้าที่ส่งตัวเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองแล้ว ให้ พม.ดูแลต่อ ขณะที่ทีมกฎหมายของดาราจีน เผยเจ้าตัวปลอดภัยดี พร้อมกลับบ้าน

เลือกตั้ง อบจ.

กกต.เปิดตัว “หมูเด้ง” เชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ.

กกต.จัดกิจกรรม kick off เปิดตัว “หมูเด้ง” เชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ. ภายใต้แนวคิด “สร้างสรรค์ประเทศไทย พร้อมใจไปเลือกตั้ง” ด้าน “อิทธพร” ให้ความมั่นใจพร้อมจัดการเลือกตั้งอย่างสุจริต

ยิงสส.กัมพูชา

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” ดับกลางกรุงเทพฯ

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ดับใกล้วัดดังกลางกรุง พบเหยื่อมีบทบาทในการตรวจสอบรัฐบาลฮุนเซน

ฝุ่นpm

เขตหนองแขม อ่วมฝุ่น PM 2.5 อยู่ระดับสีแดง

คนกรุงเทพฯ อ่วม คุณภาพอากาศเช้านี้ ฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานอยู่ระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ 1 พื้นที่ เขตหนองแขม และอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 69 พื้นที่