ผบ.ตร.บินด่วนลงใต้ เยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวตำรวจกล้ายะรัง

31 ส.ค. – ผบ.ตร. บินด่วนลงใต้ เยี่ยมให้กำลังใจลูกน้อง พร้อมเยียวยาครอบครัวตำรวจกล้ายะรัง สั่งดูแลสิทธิประโยชน์เต็มที่ หลังถูกคนร้ายยิงถล่ม เร่งรับตัวตำรวจบาดเจ็บเข้ารักษาที่ รพ.ตำรวจ พร้อมติดตามคนร้ายเร่งด่วน กำชับ SOP ยุทธวิธีในการทำงาน พร้อมดูแลขวัญกำลังใจตำรวจชายแดนใต้


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.ปราบพาล มีมงคล รอง ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รอง ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี เดินทางลงพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เพื่อให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิต และเยี่ยมผู้บาดเจ็บ จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 66 เวลา 22.50 น. ขณะที่ตำรวจ สภ.ยะรัง พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง (อส.) ออกลาดตระเวนพื้นที่รับผิดชอบมาถึงบริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลยะรัง ม.3 ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ถูกคนร้ายใช้ปืนยิงถล่มใส่เจ้าหน้าที่ เป็นเหตุให้ตำรวจเสียชีวิต 2 นาย คือ ด.ต.ตุแวเลาะ ลอมะ และ ส.ต.ท.บุญกีนี ดือเร๊ะ ผบ.หมู่ (ป) สภ.ยะรัง อาสาสมัคร 2 ราย และมีตำรวจบาดเจ็บ 5 นาย คือ ส.ต.ต.ธนทัต โชคมาก, ส.ต.ต.อิสมาเอ็น จิตหลัง, ส.ต.ท.ศราวุฒิ สูสัน, ส.ต.ท.ธวัช เส็นฤทธิ์ ผบ.หมู่ (ป) สภ.ยะลัง และ พ.ต.ท.ณรงค์ แสนเกื้อ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ยะรัง

ภายหลัง ผบ.ตร. และคณะ ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ พร้อมมอบเงินส่วนตัวช่วยเหลือแก่ครอบครัวเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ อส. ที่เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงเยี่ยมเด็กที่โดนสะเก็ดระเบิด ณ โรงพยาบาลปัตตานี พร้อมกล่าวกับญาติยืนยันตำรวจรับปากจะดูแลสิทธิประโยชน์ทุกอย่างเต็มที่ รวมทั้งการบรรจุทายาทเข้ารับราชการตำรวจ


ผบ.ตร. ได้มอบเงินส่วนตัวช่วยเหลือตำรวจที่เสียชีวิตรายละ 50,000 บาท บาดเจ็บสาหัสรายละ 20,000 บาท บาดเจ็บรายละ 10,000 บาท ส่วนอาสาที่เสียชีวิตรายละ 20,000 บาท และมอบให้ ภ.จว.ปัตตานี เพื่อใช้ดำเนินการดูแลตำรวจ รวมยอดประมาณ 300,000 บาท นอกจากนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังได้มอบเงินส่วนตัวช่วยเหลืออีกส่วนหนึ่งด้วย

สำหรับ ส.ต.ท.ธวัช เส็นฤทธิ์ ที่บาดเจ็บสาหัส สะเก็ดระเบิดเข้าตา ผบ.ตร. นำตัวขึ้นเครื่องมารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจด้วย

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยังสั่งดูแลสิทธิประโยชน์เต็มที่ กรณีตำรวจเสียชีวิต สั่งการให้เสนอปูนบำเหน็จความดีความชอบตอบแทนเป็นกรณีพิเศษให้ ด.ต.ตุแวเลาะ และ ส.ต.ท.บุญกีนี โดยขอเลื่อนเงินเดือนให้ 8 ขั้น การช่วยเหลือบรรจุทายาท รวมทั้งให้เงินช่วยเหลือดูแลในส่วนของสิทธิประโยชน์อื่นๆ ทั้งของผู้เสียชีวิตและครอบครัว ด.ต.ตุแวเลาะ จำนวน 3,426,820 บาท และ ส.ต.ท.บุญกีนี 2,431,990 บาท ส่วนตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บได้รับการช่วยเหลือตามสิทธิประโยชน์ 40,000-281,000 บาท ตามอาการ


ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เดินทางไปประชุมติดตามความคืบหน้าและเร่งรัดคดี โดยมี พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 ตร., พล.ต.ต.ปราบพาล มีมงคล รอง ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รอง ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.กฤษดา แก้วจันดี รอง ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.สมกูล กาญจนอุดมการณ์ ผบก.ตชด.ภ.4, พล.ต.ต.วิสูตร นาคจู ผบก.ศพฐ.10, พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.สงขลา, พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.สส.จชต., พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎิ์ ผบก.ภ.จว.ยะลา, พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส, พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดี เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าร่วม ณ ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี

ผบ.ตร. กล่าวว่า “ขอแสดงความอาลัยและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ ด.ต.ตุแวเลาะ ลอมะ ผบ.หมู่ (ป) สภ.ยะรัง จว.ปัตตานี และ ส.ต.ท.บุญกีนี ดือเร๊ะ ผบ.หมู่ (ป ) สภ.ยะรัง จว.ปัตตานี ที่สละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ขอสดุดีตำรวจกล้าทุกนายที่มุ่งมั่น ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อรักษาสันติสุขในพื้นที่ภาคใต้ ขณะที่ข้าราชการตำรวจอีก 5 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บ และได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการปฏิบัติหน้าที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เข้าไปดูแลเรื่องการรักษาพยาบาล และมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ตั้งแต่ 40,000-281,000 บาท ตามอาการของแต่ละราย

ส่วนทางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบกลุ่มผู้กระทำในเบื้องต้นแล้ว เป็นกลุ่มก่อความไม่สงบ ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามตัว ทั้งนี้ ได้กำชับเร่งรัดติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด สืบสวนขยายผลดำเนินการทุกมิติ รวมทั้งหาวิธีการในการปฏิบัติที่จะป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ให้มีความพร้อมในทุกๆ เรื่อง วางแนวทางการปฏิบัติ กำหนด SOP ยุทธวิธีในการทำงานให้เกิดความปลอดภัย ผู้บังคับบัญชาต้องนำไปลงรายละเอียด คิดแทนลูกน้องว่าจะดำเนินการอย่างไร รวมทั้งการถอดบทเรียนที่เกิดขึ้นมาแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น นำมาวิเคราะห์ ปรับแผนทางยุทธวิธี รวมทั้งสอบถามวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือที่จำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ ให้จัดลำดับความสำคัญเตรียมทำแผนในการของบประมาณ เช่น ยุทโธปกรณ์ ยาพาหนะ อุปกรณ์ป้องกันตัว โดยคำนึงถึงชีวิตข้าราชการตำรวจเป็นอันดับแรก รวมทั้งคิดระบบเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และเน้นย้ำกำลังพลปฏิบัติตามหลักยุทธวิธี ให้เกิดความปลอดภัยในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ตำรวจพร้อมสนับสนุนช่วยเหลือ ดูแลสิทธิประโยชน์ และขอส่งกำลังใจให้ตำรวจผู้ปฏิบัติชายแดนใต้ทุกราย”.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ทบ. แจง 4 ขั้นตอนแนวทางปฏิบัติควบคุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย.-ทบ. แจงแนวทางปฏิบัติตามคำสั่งควบคุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา ดำเนินการเป็นขั้นตอนตามสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าจาก กรณีที่กองทัพบกได้ออกคำสั่งให้มีการควบคุมจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อรักษาอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงของชาติ การดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าวมิได้เป็นการใช้มาตรการสูงสุดในทันที แต่เป็นแนวทางปฏิบัติแบบขั้นตอน โดยพิจารณาจากระดับความรุนแรงของสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ โดยแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้ ขั้นที่ 1 จำกัดการผ่านแดนเฉพาะบุคคลที่มีเหตุจำเป็น เช่น การค้าขาย การขนส่งสินค้า แรงงาน และงานจำเป็นอื่น ๆ โดยเพิ่มระดับความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น นักพนัน หรือกลุ่มที่อาจเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย ขั้นที่ 2 ปรับลดช่วงเวลาในการเปิด–ปิดจุดผ่านแดน พร้อมทั้งกำหนดวัน–เวลาการเข้า–ออกอย่างชัดเจน เพื่อควบคุมความเคลื่อนไหวของบุคคลและกิจกรรมในพื้นที่ชายแดน ขั้นที่ 3 ปิดจุดผ่านแดนบางจุด (Selective Closure) โดยพิจารณาจากจุดที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีข้อมูลด้านความมั่นคงที่อาจนำไปสู่การรุกล้ำ หรือการก่อเหตุจากฝ่ายตรงข้าม ขั้นที่ 4 ปิดจุดผ่านแดนตลอดแนวชายแดนในกรณีที่เกิดสถานการณ์วิกฤต หรือมีการรุกรานอย่างชัดเจน เพื่อควบคุมสถานการณ์ในระดับสูงสุด โฆษกกองทัพบกย้ำว่า มาตรการดังกล่าวได้มอบอำนาจให้ กองกำลังบูรพา และ […]

กองทัพอิสราเอลพบร่างตัวประกันชาวไทยในฉนวนกาซา

เยรูซาเล็ม 7 มิ.ย. – นายอิสราเอล คัตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล กล่าววันเสาร์ว่า กองทัพอิสราเอลได้พบร่างของตัวประกันชาวไทยชื่อ นายณัฐพงษ์ ปินตา ที่ถูกควบคุมตัวในฉนวนกาซาตั้งแต่การโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 นายคัตซ์กล่าวว่า ร่างของณัฐพงษ์ อยู่กับกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ที่ชื่อว่า กองพลน้อยมูจาฮีดีน และถูกนำกลับมาจากพื้นที่ราฟาห์ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ในขณะที่ครอบครัวของเขาในประเทศไทยได้รับแจ้งแล้ว นายณัฐพงษ์ ซึ่งเป็นคนงานภาคเกษตรกรรม ถูกลักพาตัวไปจาก คิบบุตซ์ นีร์ ออซ ซึ่งเป็นชุมชนเล็กๆ ใกล้ชายแดน ซึ่งเป็นจุดดที่หนึ่งในสี่ของประชากรถูกสังหารหรือถูกจับเป็นตัวประกันระหว่างการโจมตีที่นำโดยกลุ่มฮามาสในปี 2023 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามในฉนวนกาซา กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า นายณัฐพงษ์ ถูกลักพาตัวไปในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ และถูกสังหารโดยผู้ที่จับตัวเขาไป ซึ่งได้ลงมือสังหารและนำร่างของตัวประกันชาวอิสราเอล-อเมริกันอีกสองคนกลับไปยังฉนวนกาซาด้วย โดยร่างของทั้งสองคนนั้นก็เพิ่งได้กลับคืนมาได้ในสัปดาห์นี้.-813.-สำนักข่าวไทย

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย