กรุงเทพฯ 13 มิ.ย.- “ทนายรัชพล” แจ้งความให้สอบสวน “คิมห์-เรืองไกร” ปมเอกสารบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ขัดแย้งกับคลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่ เข้าข่ายแจ้งความเท็จ-ปลอมแปลงเอกสารหรือไม่
เวลา 10.00 น. นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อให้สอบสวนนายคิมห์ สิริทวีชัย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กรณีที่บันทึกการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นไอทีวี ประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา ที่ขัดแย้งกับคลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่ ว่าเข้าข่ายแจ้งความเท็จ และการปลอมเอกสารหรือไม่
นายรัชพล บอกว่า ที่ผ่านมามีการโต้แย้งกันไปมาหลายฝ่าย ตนเองเห็นแล้วจึงขอเป็นตัวแทนหมู่บ้านพลเมืองดีมาแจ้งความ เพราะเห็นความผิดปกติเอกสารที่มีการเผยแพร่มีข้อพิรุธและความผิดปกติ 3 ประเด็น คือ 1.คลิปวิดีโอ และเอกสารการบันทึกนั้นไม่ตรงกัน 2.การที่นายจตุรงค์ สุขเอียด ระบุว่ามีการลบไฟล์หลังการประชุมนั้น ซึ่งไม่รู้ว่าลบทำไม ลบจริงหรือไม่ จึงอยากให้ตำรวจไปตรวจสอบไฟล์ดังกล่าว 3.นายคิมห์ ออกหนังสือมาบอกให้หน่วยงานอื่นไปตรวจสอบเอกสารการประชุม ทั้งที่ตนเองเป็นคนลงนาม และเป็นประธานการประชุม จะต้องรับรู้เรื่องราวทั้งหมด และไม่จำเป็นต้องให้ใครตรวจสอบ นายคิมห์เองควรจะต้องออกมาชี้แจง แต่การที่นายคิมห์ไม่ชี้แจง แต่กลับโยนให้คนอื่นตรวจสอบนั้นเป็นการถ่วงเวลาและเบี่ยงเบนความสนใจ และมองว่าถ้ามีการปลอมเอกสารเกิดขึ้น ซึ่งจะต้องมีคนรับโทษ
ส่วนกรณีนายเรืองไกร ที่ก่อนหน้านี้บอกว่า ไม่ได้ไปยื่นเอกสารบันทึกให้ กกต. ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ว่ายื่นหรือไม่ยื่น อยากให้ตำรวจนั้นตรวจสอบว่า ยื่นจริงหรือไม่ ซึ่งหากมีการยื่นจริง ตนมองว่าเป็นเจตนากลั่นแกล้งให้คนอื่นได้รับโทษหรือไม่ ซึ่งอยากให้ตำรวจตรวจสอบเช่นกัน
ส่วนความผิดที่มาแจ้งความในวันนี้ ว่าเป็นการแจ้งความเท็จเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 “ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่น หรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” หรือไม่ และอยากให้ตำรวจไปตรวจสอบว่า เอกสารบันทึกการประชุมเป็นเท็จหรือไม่ และเข้าข่ายความผิดผู้ที่ทำเอกสารปลอม จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนหลังจากนี้ หากทางนายคิมห์ หรือนายเรืองไกล จะฟ้องกลับ ตนเองก็ไม่กลัว เพราะเป็นสิทธิของพลเมืองที่พบเห็นสิ่งผิดปกติและอยากให้มีการตรวจสอบ ส่วนที่ตนไม่ไปยื่นให้ กกต.ตรวจสอบ ก็มองว่าเป็นการทำงานที่ล่าช้า เพราะหาก กกต.ตรวจสอบ พบความผิดก็ต้องมาแจ้งความที่ สน. เช่นกัน ซึ่งตนมาแจ้งความในวันนี้ พนักงานสอบสวนสามารถเรียกดูเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทันที.-สำนักข่าวไทย