“จอนนี่ มือปราบ” แจ้งความกลับ 3 จนท. ปมรีสอร์ตรุกที่ดินนิคมฯ

อุบลราชธานี 7 ก.ค. – “จอนนี่ มือปราบ” แจ้งความกลับ 3 เจ้าหน้าที่ ปมถูกร้องสร้างรีสอร์ตรุกที่ดินนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย จ.อุบลราชธานี ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านให้ข้อมูลที่รีสอร์ต “จอนนี่ มือปราบ” มีการทำสัญญาซื้อขาย


นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ดาบตำรวจ ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ตรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ต.คำเขื่อนแก้ว อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี

นายวัชระ เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวกรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมฯ กันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ตเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา ทางกรมฯ ได้ลงบันทึกประจำวัน และมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ตมาตั้งแต่ปี 65 แต่เจ้าของรีสอร์ตไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ต


สำหรับนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ 24,675 ไร่ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนมีเคหสถาน และประกอบอาชีพที่มั่นคง การที่จะเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมฯ ต้องได้รับอนุญาตก่อน หรือแม้แต่จะนำที่ดินไปออกเอกสารสิทธิในที่ดินใดๆ ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการก่อนเช่นกัน จึงจะนำหนังสืออนุญาตไปขอออกเอกสารสิทธิได้ แต่เบื้องต้นจากการตรวจสอบ ทางกรมฯ ไม่เคยให้อนุญาตใดๆ กับบุคคลดังกล่าว จึงไม่สามารถออกเอกสารสิทธิหรือโฉนดที่ดินใดๆ ได้ และเมื่อไม่มีเอกสารสิทธิหรือโฉนด ก็ไม่สามารถซื้อขายได้ จึงไม่ทราบว่าเจ้าของรีสอร์ตดังกล่าวซื้อที่ดินมาได้อย่างไร เพราะตนเองก็ยังไม่เห็นหนังสือซื้อขาย

ตร.ปทส.เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบรีสอร์ต “จอนนี่ มือปราบ”
ผู้บังคับการ บก.ปทส. เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนรับเรื่องร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ “จอนนี่ มือปราบ” ในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าที่ถูกกันไว้ 20% ของนิคมฯ ลำโดมน้อย ตาม พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ ตามมาตรา 15 จากนี้จะเร่งตรวจสอบว่าเคยมีการร้องทุกข์เป็นคดีไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ หากมีตำรวจ บก.ปทส. จะดึงสำนวนมาสอบสวนเอง แต่ถ้ายังไม่เคยมีการร้องทุกข์กล่าวโทษมาก่อน บก.ปทส. จะรับดำเนินการสอบสวนทันที และจะร่วมกับกรมพัฒนาสังคมฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบว่าเป็นพื้นที่บุกรุกจำนวนเท่าใด ก่อสร้างอะไรไปบ้าง หรือกระทำผิดกฎหมายใดบ้าง ซึ่งจะต้องสืบสวนไปตั้งแต่ต้นว่าพื้นที่ตรงนี้เริ่มต้นจากอะไร มีการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศ ที่จะทำให้ทราบว่าเริ่มมีการรุกล้ำที่ตั้งแต่เมื่อไร รวมถึงอาจสอบกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ส่วน จอนนี่ มือปราบ ก็ต้องเรียกสอบปากคำด้วย หาก จอนนี่ มือปราบ อยากจะชี้แจง เจ้าหน้าที่พร้อมจะรับฟัง แต่หากไม่ให้ความร่วมมือจะต้องใช้หมายค้นเข้าตรวจสอบรีสอร์ต พร้อมยืนยันว่าตำรวจจะให้ความยุติธรรมและรับฟังทั้ง 2 ฝ่าย

“จอนนี่ มือปราบ” แจ้งความกลับ 3 เจ้าหน้าที่ ปมรีสอร์ตรุกที่ดินนิคมสร้างตนเองฯ
ด้าน จอนนี่ มือปราบ ออกมาเคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีการโพสต์คลิปหลังไปแจ้งความที่ สภ.พิบูลมังสาหาร ดำเนินคดีกับนายกันตพงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ, นายวัชระ นักวิชาการกรม ที่ไปแจ้งความตนเองเมื่อเช้า และนางจันที ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย อ.สิรินธร ในข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง และข้อหา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เลือกปฏิบัติ และจะให้ทีมทนายฟ้องส่วนตัวร้องไปยัง ป.ป.ช. และ ปปท.


ทั้งนี้ จอนนี่ ได้อธิบายว่าในปี 2511 มีการสร้างเขื่อนสิรินธรขึ้น เสร็จในปี 2514 จากนั้นมีหน่วยงานกรมพัฒนาสังคม โดยมีผู้ปกครองดูแลหน่วยนี้ชื่อนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี มาเขียนประกาศระวางที่ดิน เพื่อครอบคลุมที่ดิน ที่นาส่วนของชาวบ้าน ซึ่งก่อนหน้านั้นชาวบ้านเขาไม่ได้เดินทางมาออกเอกสารสิทธิ และการคมนาคมสัญจรไปมาลำบาก และยังย้ำว่าที่ดินที่ตนจัดตั้งรีสอร์ตนั้น ก่อนซื้อมีการตรวจสอบแล้ว มีชาวบ้านเป็นพยาน มีผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. รับรอง และเป็นการซื้อขายตกทอด และก่อนที่ตนเองจะไปอยู่นั้นก็มีรีสอร์ตเกิดขึ้นมาก่อนเป็นเกือบ 100 รีสอร์ต ซึ่งอยู่ในเอกสารสิทธิเดียวกัน ยืนยันว่ายินดีให้ตรวจสอบ หากผิดจริงให้รื้อรีสอร์ตตนได้เลย แต่ขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสิ่งปลูกสร้าง เช่น วัด หมู่บ้าน โรงเรียน ในพื้นที่บริเวณดังกล่าวด้วย โดยไม่เลือกปฏิบัติ และจะต่อสู้เพื่อชาวบ้าน เพื่อศักดิ์ศรีของตนเอง

ผญบ.ให้ข้อมูลที่รีสอร์ต “จอนนี่ มือปราบ” มีการทำสัญญาซื้อขาย
ทีมข่าวลงพื้นที่พูดคุยกับผู้ใหญ่บ้านห้วยไฮ ต.คำเขื่อนแก้ว อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ให้ข้อมูลว่า ที่ดินบริเวณรีสอร์ตของจอนนี่ มือปราบ รู้กันทั่วไปว่าอยู่ในความดูแลของพัฒนาสังคมฯ จ.อุบลราชธานี พื้นที่ดังกล่าว 100% แบ่งออกเป็น 2 ส่วน เป็นพื้นที่ที่สามารถเอกสารครอบครองได้ 80% ส่วนอีก 20% ถูกกันออกให้เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย ซึ่งใน 20% มีชาวบ้านมาจับจองเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยมานานกว่า 40 ปี มีประชากรมากกว่า 500 หลังคาเรือน

สำหรับกรณีที่เป็นประเด็น หากมองว่า จอนนี่ มือปราบ สร้างรีสอร์ตบุกรุกที่สาธารณะตามที่มีการแจ้งความ หากจะต้องดำเนินการตามกฎหมายก็ต้องขับไล่ชาวบ้านทั้งหมดที่อยู่ในเขตพื้นที่กว่า 500 หลังคาเรือนออกไปด้วย เพราะไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และชาวบ้านก็ไม่ยอมที่จะออกจากพื้นที่ เพราะมีการตั้งหลักฐานครอบครัวมานานแล้ว โดยที่ดินรีสอร์ตของจอนนี่ ถูกเปลี่ยนมือมาแล้ว 2 คน จอนนี่ มือปราบ เป็นคนที่ 3 มีการร่วมทำสัญญาซื้อขาย ไม่ได้เป็นผู้ที่มาแผ้วถางแต่อย่างใด ส่วนประเด็นที่ทำให้มีข้อพิพาทคาดน่าจะเป็นเรื่องของการที่จอนนี่วิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรี จนทำให้ชาวบ้านมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ เพราะถ้าจะขับไล่ดำเนินคดีควรจะกระทำตั้งแต่เริ่มแรก ไม่ได้ปล่อยให้มายาวนานถึงขนาดนี้ และการที่มีรีสอร์ตของจอนนี่ไม่ได้สร้างความเสื่อมเสียหรือผลกระทบต่อธรรมชาติ มีแต่การสร้างประโยชน์และรายได้ให้กับชุมชน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกแล้ว หลัง “บิ๊กเต่า” เข้าเจรจา

26 ส.ค. – “หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมาย หลัง “บิ๊กเต่า” ร่วมสอบปากคำคดียักยอกเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ ภายหลัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. เข้าร่วมสอบปากคำ พระอลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ และ หมอบี ล่าสุด มีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต ยินยอมจะขอลาสิกขาจากเพศบรรพชิตแล้ว เพื่อนำเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยอดีตพระอลงกต ถูกจับกุมเมื่อช่วงตี 1 ที่ผ่านมา ตามหมายจับศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในข้อหายักยอกเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และฟอกเงิน.-สำนักข่าวไทย

ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ด้าน “แพทองธาร” หวังกลับมาทำงาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ขอ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี ด้าน “แพทองธาร” หวังได้กลับมาทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (26 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นครั้งแรก ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ได้เข้าร่วมประชุมตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยสีหน้าสดใส โดยระหว่างการพิจารณาวาระสำคัญ เช่น การพิจารณารายชื่อนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 69 ประจำปีการศึกษา 2569 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เคยเรียนหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) หรือ มินิ วปอ. ได้สอบถามและให้ความคิดเห็นในรายชื่อของนักศึกษาบางคน ทั้งนี้ ก่อนปิดการประชุม ครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ประชุมฯ ได้เป็นตัวแทนรัฐมนตรีทุกคนกล่าวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และขอให้วันที่ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี นอกจากนี้ ข้าราชการที่เข้าร่วมประชุม […]

“ณัฐพล” สั่งแจ้งเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อลวดหนาม

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ณัฐพล” ฮึ่ม สั่งกองทัพ-ปชช.แจ้งความเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อรั้วลวดหนามที่บ้านหนองจาน ด้าน กต. ทำหนังสือประท้วง ย้ำ เป็นอธิปไตยของไทย เตรียมนำปัญหาทั้งหมดคุยวง GBC ก.ย.นี้ ย้ำหน่วยพื้นที่ยิงตอบโต้ได้ทันที ตามกฎการใช้กำลัง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนามและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ของไทย บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูงจังหวัดสระแก้ว ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จะมาพบกับประชาชนที่บริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ทำให้เจ้าหน้าที่นำรั้วลวดหนามมาวางเพิ่มเติม เพราะกังวลว่าชาวกัมพูชาจะมารบกวน จึงทำให้ชาวกัมพูชาตั้งใจจะมารื้อในส่วนที่เป็นรั้วเพิ่มเติม ไม่ใช่ส่วนที่วางไว้ตั้งแต่เดิม จึงได้ให้คำแนะนำกับเจ้าหน้าที่ไปว่า เป็นการปักในพื้นที่ประเทศไทย จะมาทำอย่างนี้ไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย และจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอาญา ซึ่งกองทัพภาคที่หนึ่งหรือกองกำลังบูรพาก็สามารถดำเนินการ แจ้งความข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการได้ ซึ่งตนเองได้ย้ำว่าจะต้องไม่มีภาพแบบเมื่อวานเกิดขึ้นอีก เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนรับไม่ได้ พลเอกณัฐพล ยอมรับว่าการนำชาวบ้านมากดดันทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากมากขึ้น จึงมอบหมายให้ทำหนังสือประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพราะเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ที่ไม่สามารถมาทำเช่นนี้ได้ ส่วนการปฏิบัติการ จะใช้มาตรการเดียวกับการปราบปรามการชุมนุมหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า การปฏิบัติการจะเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งขั้นแรกได้ใช้ เครื่องแอลแรท (LRAD) ไปแล้ว เราต้องเตรียมกำลังเพิ่มเติม โดยจะพิจารณาใช้กำลังตำรวจ เพราะหากใช้กำลังทหารจะรุนแรงเกินไป […]

คุมเข้มชายแดนบ้านหนองจาน-เตือนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง

สระแก้ว 26 ส.ค.- ฝ่ายความมั่นคงคุมเข้มชายแดนบ้านหนองจาน-เตือนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองจานประกาศปิด 2 วัน (26-27 ส.ค.) เพื่อความปลอดภัย สถานการณ์บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ติดแนวชายแดนกัมพูชา และเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดเมื่อวานนี้ ล่าสุดสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองจานได้ประกาศปิดเรียน 2 วัน ในวันที่ 26-27 สิงหาคมนี้ เพื่อความปลอดภัย ด้านฝ่ายความมั่นคงเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดำเนินมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยและปฏิบัติการตามขั้นตอน เพื่อยืนยันการรักษาอธิปไตยของไทย และความปลอดภัยของประชาชน ขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุในช่วงนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ขณะที่ทางฝั่งกัมพูชายังคงมีชาวบ้านนอนเฝ้าอยู่บริเวณรั้วตลอดทั้งคืน แต่ยังไม่มีการก่อความวุ่นวายใดๆ