รวบสามีภรรยาชาวจีน ตัวการใหญ่แก๊งไฮบริดสแกม

กรุงเทพฯ 31 พ.ค. – ตำรวจไซเบอร์โชว์ผลงานชิ้นโบแดง จับ 2 สามีภรรยาชาวจีน ตัวการใหญ่แก๊งไฮบริดสแกม หลังจากขยายผลล่าข้ามโลก กลับพบผู้ต้องหาอยู่แค่ปลายจมูก ซื้อบ้านหรูอยู่ย่านศรีนครินทร์ เบื้องต้นพบคนไทยตกเป็นเหยื่อแล้ว 3 ราย


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงจับกุมนายเชา เซียน ซู และนางคียิ ยี สองสามีภรรยาชาวจีน โดยกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ หรือ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) เป็นการเปิดปฏิบัติการ “Trust No One ล่าข้ามโลก” เข้าตรวจค้นบ้านพักหรูหรา ราคาหลังละ 60 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 5 หลัง ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านศรีนครินทร์ จับกุม 2 สามีภรรยาชาวจีน และตรวจยึดทรัพย์สิน รวมมูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท อาทิ เงินสด 1.5 ล้านบาท รถยนต์ โฉนดที่ดิน รวมถึงกระเป๋าแบรนด์เนม และเครื่องประดับอีกจำนวนมาก

ทั้งนี้ ระหว่างตรวจค้นบ้านหรู 5 จุด เจ้าหน้าที่นิติบุคคลหมู่บ้านได้แจ้งตำรวจว่า ยังมีชาวจีนและชาวต่างด้าวพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านอีก 14 หลัง เจ้าหน้าที่จึงขอหมายค้นเข้าทำการตรวจค้นเพิ่มเติม สามารถควบคุมตัวชาวจีนได้ 22 คน ชาวเมียนมา 10 คน ชาวกัมพูชา 2 คน และบุคคลพื้นที่สูง 1 คน ซึ่งผู้ต้องหาถือวีซ่าแตกต่างกัน มีทั้งวีซ่านักท่องเที่ยว วีซ่าแรงงาน วีซ่านักศึกษา และวีซ่าพิเศษที่ใช้เดินทางเข้า-ออกประเทศไทยได้โดยไม่กำหนดจำนวนครั้ง


จากการสอบสวนพบว่า สองสามีภรรยาชาวจีน และกลุ่มชาวจีนและคนต่างด้าวที่ควบคุมตัวได้เพิ่มเติม เข้าพักอาศัยในหมู่บ้านดังกล่าว โดยมีสองสามีภรรยาคนไทยเป็นนอมินีในการถือครองสิทธิบ้านพักอาศัย จากการขยายผลลึกลงไปกลับพบว่า สองสามีภรรยาคนไทยดังกล่าวมีการจดทะเบียนบริษัทอสังหาริมทรัพย์อีกจำนวน 47 บริษัท ล่าสุดตำรวจได้เชิญตัวมาสอบสวนแล้ว พบว่ามีพื้นเพเป็นคนกรุงเทพฯ เป็นเจ้าของร้านโชห่วยหรือขายของชำ ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย อยู่ระหว่างพิจารณาตั้งข้อหา

สำหรับพฤติการณ์ของนายเชา เซียน ซู และนางคียิ ยี สองสามีภรรยาชาวจีน เป็นตัวการใหญ่ มีตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในขบวนการไฮบริดสแกม หลอกลงทุนออนไลน์ และเป็นการจับกุมตัวการใหญ่ครั้งแรกในไทย โดยมีฐานการหลอกลวงอยู่ต่างประเทศ ซึ่งหลังจากผู้เสียหายแจ้งความออนไลน์ว่า ถูกขบวนการดังกล่าวใช้โปรไฟล์ปลอม เข้ามาตีสนิทผ่านช่องทางโซเชียล ก่อนชวนลงทุนในแพลตฟอร์มที่ทำปลอมขึ้นมาสำหรับเทรดเงินสกุลดิจิทัล หรือสินทรัพย์ต่างๆ โดยในไทยพบมีผู้เสียหาย 3 ราย ในท้องที่ สน.ศาลาแดง มูลค่าความเสียหาย 8.3 ล้านบาท ท้องที่ สภ.บางสะพาน มูลค่าความเสียหาย 660,000 บาท และท้องที่ สน.โชคชัย มูลค่าความเสียหาย 18.2 ล้านบาท เหตุเกิดช่วงปลายปี 2564 ต่อเนื่องปี 2565 ซึ่งเหยื่อคนไทยทั้ง 3 ราย ถูกหลอกให้ร่วมลงทุนเทรดเงินผ่านแพลตฟอร์มที่สร้างปลอมขึ้นมาเช่นกัน

จากการประสานหน่วยงานกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐ และหน่วยงานต่างประเทศ ตำรวจไซเบอร์ยังพบมีเหยื่ออยู่ในสหรัฐ 2 คดี และอังกฤษ 1 คดี มีหลักฐานเชื่อมโยงกับบัญชีเงินดิจิทัลของกลุ่มผู้ต้องหา และเชื่อมโยงกับสองสามีภรรยาชาวจีน


ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบข้อมูลที่น่าตกใจ เนื่องจากมีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อสองสามีภรรยาชาวจีนและแก๊งไฮบริดสแกมนี้แล้วมากกว่า 20,000 คดี รวมมูลค่าความเสียหายมากกว่า 12,000 ล้านบาท สาเหตุที่มีเหยื่อจำนวนมาก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไปพบบัญชีซึ่งเป็นของชาวลาว แต่กลับมีการนำไปใช้งานในหลายประเทศ ได้แก่ เมียนมา ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ดูไบ ลาว รวมถึงประเทศไทย ลักษณะการหลอกจะเหมือนกัน คือ ชักชวนเหยื่อลงทุนสกุลเงินดิจิทัล จากนั้นให้ผู้เสียหายซื้อเงินสกุล USDT และโอนไปตามเลขกระเป๋าเงินดิจิทัลที่คนร้ายสร้างปลอมขึ้นมา แต่เมื่อผู้เสียหายต้องการจะถอนเงินต้นพร้อมกับผลกำไร ปรากฏว่าไม่สามารถถอนได้ โดยคนร้ายอ้างว่าบัญชีถูกระงับ ต้องโอนเงินลงทุนเพิ่ม จึงจะสามารถถอนเงินได้ ทำให้เหยื่อรู้ตัวว่าถูกหลอก

สำหรับนายซู และนางยี ไม่มีธุรกิจใดๆ แต่ใช้ชีวิตหรูหรา มีเงินสดฝากเข้าบัญชีจำนวนมาก และเดินทางไปต่างประเทศโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำ ใช้บัตร Thailand Privilege Card สำหรับเดินทางเข้าออกประเทศแบบมีสิทธิพิเศษ เบื้องต้นแจ้งข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี

ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้ที่ยื่นเรื่องร้องเรียนให้ตำรวจตรวจสอบกลุ่มทุนจีนสีเทา ซึ่งมาสังเกตการแถลงข่าว ยืนยันคดีนี้ต่างจากคดีของนายตู้ห่าว ที่จะเป็นอาชญากรรมจากกลุ่มคนจีนสีเทาที่เห็นได้อย่างชัดเจน แต่คดีนี้ถือว่าเป็นคดีที่ตรวจสอบได้ยาก หรือเรียกว่า Indirect Crime เนื่องจากมีความซับซ้อนในแผนประทุษกรรม ทั้งในเรื่องการเงิน และวิธีการหลอกลวงแบบไฮบริดสแกม แต่ในการฟอกเงินก็จะใช้คนไทยมาเป็นนอมินีแทนเหมือนเดิม เพื่อให้จัดตั้งบริษัท รวมทั้งมีกลุ่มที่จะจ่ายเงินกับเจ้าหน้าที่

นายชูวิทย์ ยังตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากนี้ไทยจะเป็นศูนย์กลางของกลุ่มทุนจีนสีเทาที่จะเข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจีนมีการปราบปรามกลุ่มคนที่ทำผิดกฎหมายมากขึ้น และจะหนีหมายจับมาในไทย รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน เพราะจะไม่ไปในทวีปยุโรป ซึ่งการเข้ามาอยู่ในไทยของคนจีน จะเห็นได้ว่ามักจะรวมกลุ่มกันอยู่จำนวนมาก ซื้อบ้าน 10-20 หลัง

กลุ่มคนจีนสีเทาเหล่านี้ยังพบว่ามีความเชื่อมโยงกับนายจ้าวเหว่ย รวมทั้งกลุ่ม Y Group กาสิโนใหญ่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเงินก็จะหมุนเวียนอยู่กับกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายเหล่านี้

ส่วนประเทศไทยก็เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มคนจีนเข้ามาในไทยได้ง่าย เพราะมีวีซ่าหลายรูปแบบ แต่ไม่มีการเชื่อมโยงระบบหมายจับของประเทศจีน เพื่อให้ตรวจสอบคัดกรองคนที่ผิดกฎหมายก่อนเข้าประเทศ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]