กรุงเทพฯ 3 เม.ย. – “อุปกิต” ส.ว. ยื่นขอความเป็นธรรม อสส. สอบ 86 บริษัท ใช้บริการโอนเงินบัญชีเดียวกับคดีลูกเขยโดนจับ
นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (3 เม.ย.) ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุดให้สอบสวนนิติบุคคลประมาณ 86 บริษัทที่รับโอนเงินจากบัญชีผู้ให้บริการโอนเงินเดียวกันกับที่บริษัทอัลลัวร์ฯ ใช้และเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างในกรณีจับกุมนายดีน ยัง จุลธุระ ลูกเขย ระบุเป็นบัญชีเครือข่ายยาเสพติดนั้นว่า ทั้ง 86 บริษัทได้รับโอนเงินได้อย่างไร หากมองว่าเป็นการทำธุรกิจปกติ กลุ่มอัลลัวร์ก็ทำธุรกิจปกติ นอกจากนี้เงินของกลุ่มอัลลัวร์ฯ ที่รับโอนจากบัญชีซึ่งตำรวจอ้างเป็นเครือข่ายยาเสพติดได้โอนเข้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ทั้งหมด ตามใบเสร็จที่เรียกเก็บจาก กฟภ. แต่นิติบุคคลทั้ง 86 บริษัทนั้น รับโอนเข้านิติบุคคลนั้นๆ โดยตรง
นายอุปกิต กล่าวว่า ด้วยเส้นทางการเงินเทียบเคียงเหมือนกันกับคดีนายดีน ยัง นิติบุคคลเหล่านั้นจึงน่าจะมีเหตุที่จะถูกดำเนินคดีมากกว่ากลุ่มบริษัทอัลลัวร์ฯ เพราะรับเงินจากบัญชีที่ตำรวจอ้างว่าเป็นเครือข่ายยาเสพติดโดยตรง แต่กลุ่มอัลลัวร์ฯ ปลายทางเงินเข้าบัญชี กฟภ.ทั้งหมด
นายอุปกิต กล่าวว่า ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ด่านชายแดนไทย-เมียนมาปิด กลุ่มบริษัทอัลลัวร์ฯ ถูกดำเนินคดี ทำให้ไม่มีผู้ประสานงานในการชำระค่าไฟฟ้า กฟภ. จึงจะดำเนินการตัดกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคนไข้ในโรงพยาบาล โรงเรียน วัด ส่วนราชการ ภาคเอกชนต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชนระดับประเทศ ทางส่วนราชการและคณะกรรมการการไฟฟ้า เมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ส่วนราชการของไทย และ กฟภ. ได้ประชุมร่วมกันเพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหา โดยได้ข้อสรุปว่า คณะกรรมการการไฟฟ้า เมืองท่าขี้เหล็ก จะเป็นผู้ประสานงานชำระค่าไฟฟ้ากับ กฟภ. แทน กลุ่มบริษัทอัลลัวร์ฯ ซึ่งก็ได้ใช้วิธีชำระเงินผ่านบริษัทรับฝากโอนเงินเช่นเดียวกัน จึงเห็นได้ว่าการชำระเงินด้วยช่องทางดังกล่าวเป็นช่องทางเดียวที่จะชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ ในการค้าขายปกติ ระหว่างไทยและเมียนมาในช่วงที่ด่านชายแดนไทย-เมียนมาปิด
“ตนหวังว่าการร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้จะทำให้อัยการสูงสุดได้รับข้อมูลครบถ้วนและจะสามารถบังคับใช้กฎหมายได้ด้วยความเสมอภาค เท่าเทียมกันไม่เลือกปฏิบัติ และเป็นธรรม” นายอุปกิต ระบุ.-สำนักข่าวไทย