2 มี.ค. – ตำรวจตามรวบ “บอล อ้อมน้อย” หลอกผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่ง ระบุสามารถทำวีซ่าเพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศได้ มีมูลค่าความเสียหายกว่า 3 แสนบาท ด้านเจ้าตัวสารภาพช่วงโควิด-19 มีปัญหาเรื่องเงินจึงก่อเหตุ
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยีให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้ออกลาดตระเวนออนไลน์จนทราบถึงความเดือดร้อนจากประชาชน รวมทั้งมีผู้เสียหายร้องเรียนผ่านเพจ “ สืบสวนนครบาล IDMB ” ซึ่งถูกคนร้ายชื่อนายบอล แฝงตัวเข้าไปในไลน์กลุ่มผู้ปกครองนักเรียนของโรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร จากนั้นได้โพสต์ข้อความโฆษณาว่าสามารถทำวีซ่าเพื่อใช้ไปเรียนต่อต่างประเทศได้ หากใครสนใจให้ส่งข้อความส่วนตัวไปหานายบอล ซึ่งมีผู้เสียหายหลายรายสนใจ ต่อมาได้ปิดกั้นช่องทางการติดต่อทั้งหมด นักเรียนบางรายนำเงินเพื่อเดินทางหาความรู้แต่ต้องสูญเงินมูลค่าความเสียหายกว่า 300,000 บาท
โดยเมื่อวันที่ 1 มี.ค.66 ตำรวจนครบาลพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ทำการจับกุมตัว นายบอล อายุ 33 ปี บ้านอยู่ซอยเพชรเกษม 87 อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 370/2565 ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2565 โดยกล่าวหาว่า “ฉ้อโกงทรัพย์” นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้ เหตุเกิดเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ผู้ต้องหาแฝงตัวเข้าไลน์กลุ่มผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร จากนั้นโพสต์ข้อความโฆษณาว่าสามารถทำวีซ่าเพื่อใช้ไปเรียนต่อต่างประเทศได้ หากใครสนใจให้ส่งข้อความส่วนตัวไปหาผู้ต้องหา มีผู้เสียหายหลายรายสนใจติดต่อเพื่อทำวีซ่ากับผู้ต้องหา และจ่ายเงินค่าดำเนินการตามที่ผู้ต้องหาเรียกร้องมา และเมื่อถึงเวลาที่ตกลงกันไว้ ผู้เสียหายจึงได้ทวงถามความคืบหน้าการทำวีซ่ากับผู้ต้องหา แต่ปรากฏว่าผู้ต้องหาได้ปิดกั้นช่องทางการติดต่อทั้งหมด ทำให้ผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้ ผู้เสียหายทราบว่าถูกฉ้อโกงเอาเงินไปแน่นอนแล้ว จึงรวมตัวกันมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหา โดยมีผู้เสียหายรวม 3 ราย ความเสียหายรายละ 100,000 บาท ซึ่งรวมแล้วมีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 300,000 บาท
จากการตรวจสอบประวัติการกระทำความผิด พบว่าผู้ต้องหากระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้ อีก 2 คดี และมีหมายจับอื่นๆ อีกในข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์” สน.ท่าข้าม และข้อหา “ยักยอกและฉัอโกง” สน.ทุ่งมหาเมฆ ด้านผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าช่วงโควิด-19 มีปัญหาเรื่องเงินจึงก่อเหตุ
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า นโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้จัดชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนติดตามคนร้ายที่เป็นภัยออนไลน์ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก และยังก่อเหตุต่อเนื่อง จึงฝากเตือนไปยังประชาชนอย่าหลงเชื่อการหลอกลวงโดยอ้างเป็นหน่วยงานเอกชน หรือเป็นบุคคลอื่น ๆ รวมถึงการหลอกให้ลงทุนหรือก็ยืมเงินในรูปแบบต่างๆ เพื่อหลอกให้ประชาชนหลงเชื่อ และทำการโอนเงินไปยังบัญชีคนร้าย ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน. -สำนักข่าวไทย