“บิ๊กโจ๊ก” ยัน “ตู้ห่าว” เป็นเจ้าของผับจินหลิง เล็งยึดทรัพย์กว่า 1,000 ล้าน

กรุงเทพฯ 23 พ.ย. – “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” เผยหลักฐานชัด “ตู้ห่าว” เป็นเจ้าของผับจินหลิง ขยายผลยึดทรัพย์กว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่ “ชูวิทย์-สันธนะ” หวิดปะทะกลางสภาฯ


เมื่อเวลา 13.00 น. นายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว พร้อมทนายความ เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนชุดคลี่คายคดีนายทุนจีนสีเทา ที่สโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดี หลังถูกศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับในฐานความผิดสมคบ โดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้นั้นสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันค้ายาเสพติด และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย

เบื้องต้นเจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่การที่ตำรวจมีหลักฐานในการออกหมายจับนั้นจะให้ทนายความเป็นผู้ชี้แจง รวมถึงเรื่องการประกันตัวจะให้ทนายเป็นผู้ดำเนินการ


เมื่อช่วงเช้าพนักงานสอบสวนนำหมายศาล พร้อมกำลัง เข้าตรวจค้น 2 จุด จุดที่สำคัญคือ บ้านพักหรู ถนนราชพกฤษ์ ย่านตลิ่งชัน ที่เชื่อว่าเป็นแหล่งกบดานของนายตู้ห่าว แต่จากการตรวจค้นไม่พบนายตู้ห่าวอยู่ในบ้านพักหลังดังกล่าว พบเพียง “พ.ต.อ.หญิง” ที่เป็นภรรยาของนายตู้ห่าว แจ้งว่านายตู้ห่าวไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว แต่ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ โดยพยายามติดต่อกับ นายตู้ห่าว ที่พักอยู่ที่อื่น เพื่อประสานให้เข้ามอบตัว ซึ่งมีการนัดหมายจะนำตัวนายตู้ห่าว สามี เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้ (23 พ.ย.) ส่วนการตรวจสอบในบ้านพักไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด

“บิ๊กโจ๊ก” ยัน “ตู้ห่าว” เป็นเจ้าของผับจินหลิง เล็งยึดทรัพย์กว่า 1,000 ล้านบาท
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงภายหลังจากที่นายตู้ห่าว เข้ามอบตัวว่า สำหรับการจับกุมนายทุนจีนสีเทาและนอมินีครั้งนี้สืบเนื่องมาจากมีกลุ่มนายทุนจีนสีเทา 5 กลุ่ม เข้ามาประกอบธุรกิจสถานบันเทิงในไทย ประกอบด้วย 1.กลุ่มนายตู้ห่าว 2.กลุ่มนายเดวิด 3.กลุ่มนายหยู่ฉางเฟ่ย 4.กลุ่มนายโทนี่ และ 5.กลุ่มนายหมิง ตอนนี้จับกุมแล้ว 3 กลุ่ม คือ นายตู้ห่าว นายเดวิด และนายหยู่ฉางเฟ่ย ส่วนนายโทนี่อยู่ระหว่างจับกุมและกำลังหลบหนีในไทย ส่วนนายหมิงหลบหนีออกนอกประเทศ อยู่ระหว่างการออกหมายจับสากล โดยทั้ง 5 กลุ่มมีความสัมพันธ์รู้จักกัน โดยแต่ละกลุ่มจะแยกย้ายไปทำธุรกิจผับในพื้นที่ต่างๆ เช่น ท็อปวัน ในพื้นที่ สน.สุทธิสาร ที่มีนักท่องเที่ยวจีนเสพยาเกินขนาดและเสียชีวิต รวมทั้งมีการลักทรัพย์ของผู้เสียชีวิตไปทำลายเผาเพื่อหลักฐาน โดยในกลุ่มนี้มีการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 8 ราย ในหลายข้อหา

ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ คลับวัน ในพื้นที่เมืองพัทยา โดยมีนอมินีที่เป็นชาวจีน 4 ราย ที่สวมบัตรประชาชนไทย เคยสร้างวีรกรรมด่าผู้ว่าฯ และตำรวจ “ว่ามีการจ่ายเงินแล้วทำไมถึงถูกจับกุม” ซึ่งตำรวจมีการตรวจสอบนำดีเอ็นเอพ่อแม่ของเจ้าของบัตรประชาชนเดิมไปตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าไม่มีความเกี่ยวข้องทางเครือญาติ จึงประสานทางการจีนพบว่าผู้ก่อเหตุมีความเกี่ยวข้องทางเครือญาติกับที่ประเทศจีน


ส่วนกลุ่มที่ 3 คือ ผับจินหลิง ที่มีการตรวจสอบและพบยาเสพติดจำนวนมาก โดยตำรวจมีข้อมูลหลักฐานชัดเจนว่านายตู้ห่าวเป็นเจ้าของสถานบันเทิงดังกล่าว จึงมีการออกหมายจับตามข้อหาที่ได้เป็นข่าวไปแล้ว ซึ่งพฤติกรรมที่แสดงความเป็นเจ้าของคือ มีการเข้าออกในสถานที่ดังกล่าวเป็นประจำ และในวันเกิดเหตุนายตู้ห่าวก็อยู่ด้วย นอกจากนี้จากเส้นทางการเงินนายตู้ห่าวมีรายชื่อในการเช่าสถานที่และจ่ายค่าเช่า

ส่วนกลุ่มที่ 4 คือ Baby face ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ กลุ่มนี้มีคนไทยเป็นนอมินี เป็นแม่ยายของนายเดวิด โดยตำรวจขอหมายค้นบ้านพบรถยนต์หรู 3 คัน สุรานอก 28 ลัง ปืน 2 กระบอก เงินสด 19 ล้านบาท

วันนี้ตำรวจขอหมายค้นพื้นที่เกี่ยวข้องรวม 4 จุด หนึ่งในนั้นคือบ้านพักของนายตู้ห่าว ซึ่งมีชื่อภรรยายศ พ.ต.อ.หญิง เป็นเจ้าของบ้าน มูลค่าบ้านมากกว่า 200 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้ยึดอายัดทรัพย์สินของนายตู้ห่าว ทั้งอสังหาฯ รถยนต์ เงินสด มากกว่า 1,000 ล้านบาท

ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการระดมตรวจค้น 20 จังหวัด 75 จุด จับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายเดียวกัน 93 ราย

หลังจากนี้ตำรวจจะขยายผลตรวจสอบทะเบียนราษฎร์ผู้ที่เกี่ยวข้องในเครือข่าย รวมทั้งเส้นทางการเงิน และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ตม.อุดรธานี ขอนแก่น แพร่ และเชียงใหม่ ว่ามีการอนุญาตให้เปลี่ยนวีซ่าจากนักท่องเที่ยวเป็นวีซ่านักศึกษาได้อย่างไร เนื่องจากผู้ต้องหาบางคนอายุมากกว่า 50 ปี และการจะขอวีซ่านักเรียนได้นั้นต้องมีโรงเรียนรับรอง ซึ่งต้องตรวจสอบโรงเรียนที่เป็นผู้รับรองด้วย

นอกจากนี้ยังพบนายตำรวจระดับ พงส.สน.ยานาวา และรอง ผกก.จร.สน.ลาดพร้าว และรอง ผบก.น.6 ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ในลักษณะการปล่อยตัวผู้ต้องหาสำคัญ และปล่อยรถหรู ซึ่งเป็นของกลางในคดี โดยมีหลักฐานยืนยันว่ามีการแลกรับผลประโยชน์คันละ 2 ล้านบาท จำนวน 4 คัน หลังจากนี้ต้องขยายผลอีกว่ามีใครร่วมขบวนการที่มีตำแหน่งใหญ่กว่ารอง ผบก.น.6 หรือไม่ ส่วนตัวเชื่อว่ามี

สำหรับการตรวจสอบภรรยาของนายตู้ห่าว ถึงเรื่องเงินจำนวน 200 ล้านบาท ที่นำมาซื้อบ้าน เจ้าตัวต้องชี้แจงที่มาของเงินให้ได้ เพราะลำพังเงินเดือนข้าราชการไม่น่าจะมีทรัพย์ขนาดที่จะซื้อบ้านหลังดังกล่าวได้ หากชี้แจงไม่ได้ถือว่ามีความผิด ส่วนที่ว่าภรรยาของนายตู้ห่าวเป็นหลานของอดีต ผบ.ตร. จะมีการช่วยเหลือหรือไม่ ยืนยันว่ามีการคุยกับทุกฝ่าย ซึ่ง ผบ.ตร. และอดีต ผบ.ตร. ยินดีที่จะให้ดำเนินคดีตามหลักฐานที่ปรากฏอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีใครมาขอให้ดูแลอะไรเป็นพิเศษ หากพบใครกระทำผิดจะดำเนินคดีทุกราย ไม่มีละเว้น

ภายหลังการสอบปากคำนายตู้ห่าวนานกว่า 3 ชั่วโมง มีการส่งตัวผู้ต้องหาไปสอบปากคำต่อที่ สน.ยานาวา โดยจะมีการคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน และในท้ายคำร้องฝากขังจะมีการคัดค้านประกันตัวเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นคดียาเสพติดที่เกี่ยวกับความมั่นคง

“ชูวิทย์” ร้องสอบเส้นทางการเงิน “สันธนะ”
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) ขอให้สอบสวนเส้นทางการเงินนายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล จากที่เห็นอยู่บ้านราคาแพง ภรรยาและลูกมีรถหรู ใช้จ่ายเงินทั้งๆ ที่ถูกไล่ออกจากราชการ โดยอ้างว่าทำงานต่างประเทศ ไม่ทราบว่าอยู่บริษัทอะไร เสียภาษีหรือไม่

นายชูวิทย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่ตนได้ออกมาเปิดเผยเรื่องนายทุนจีนสีเทา ซึ่งถือว่าตอนนี้เป็นวาระแห่งชาติ จนวันนี้มีการออกหมายจับ “นายหาว เจ๋อ ตู้” หรือนายตู้ห่าว ถือว่าตนหมดภาระหน้าที่แล้ว และยินดีมอบข้อมูลต่างๆ ที่แสดงถึงทรัพย์สินของกลุ่มทุนจีนสีเทานี้ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปทำตามหน้าที่ต่อ แต่ภายหลังจากตนเผยข้อมูลได้ไม่นานมีนายสันธนะที่ตนมองว่าเป็นบุคคลอันตรายต่อสังคม โดยใช้สื่อตีมูลค่าตนเอง เข้ามาที่โรงแรมของตนและป้ายสีว่ามีการมั่วสุมเสพยา มีการอ้างเรื่องอาบอบนวดที่ตนขายไปเมื่อหลายปีก่อน วันนี้ตนจึงยื่น กมธ.ป.ปช. และเชื่อว่าการทำหน้าที่ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะมีความตรงไปตรงมา ชัดเจน

นายชูวิทย์ กล่าวว่า ได้มอบเอกสารหลักฐานสาเหตุที่ราชการปลดนายสันธนะออกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งนายสันธนะได้ขออุทธรณ์แต่ฟังไม่ขึ้น จึงมีคำสั่งใหม่ให้ไล่ออกจากราชการเป็นการถูกต้องเหมาะสมแล้ว จากนั้นถูกเรียกคืนเครื่องราชย์ถอดยศทั้งหมด เมื่อปี 61 เหตุผลเพราะเข้าไปแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่ดอนเมือง หลังจากนี้ตนยินดีมาให้ข้อมูลกับ กมธ.ป.ป.ช. ทั้งในกรณีที่ตนมายื่น หรือกรณีที่นายสันธนะจะมายื่นให้สอบตนก็ตาม

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ทราบข่าวว่าวันนี้นายสันธนะจะมายื่นหนังสือที่นี่ ตนจะรอ สังเกตมาหลายครั้งแล้วเมื่อตนไปที่ใด นายสันธนะจะตามมาทีหลังเสมอ ตนจึงมีของมาฝาก คือเกมแกะน้ำตาล ที่เป็นเกมในซีรีย์เรื่อง squid Game ไปให้เล่น เพราะชีวิตนายสันธนะอยู่บนเส้นด้ายแล้ว อีกทั้งนายสันธนะไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีขององค์กรเก่า พฤติกรรมแบบนี้ตำรวจด้วยกันก็ไม่เอาด้วย ตนไม่ได้อาศัยสภาฯ แห่งนี้มาพูดถึงพฤติกรรมของนายสันธนะ แต่พูดถึงข้อเท็จจริง

ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า นายชูวิทย์ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ การเปิดอาบอบนวดก็ไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่อาจจะผิดเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ยอมรับนายชูวิทย์เป็นคนแน่ที่จะกล้าพบกับนายสันธนะ เพื่อพิสูจน์ความจริง ถ้ามาสร้างปัญหาภายในสภาฯ ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจสภาฯ ในการดูแลความเรียบร้อย และส่งมอบให้ตำรวจท้องที่ดำเนินการต่อ ซึ่งตนได้สั่งการไว้แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ยังเปิดหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ต่อหน้าสื่อมวลชนถึงเที่ยวบินที่เดินทางไป จ.ร้อยเอ็ด อีกทั้งยังกล่าวถึงเส้นทางการเงินของนายตู้ห่าว โดยเฉพาะการบริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ 3 ล้านบาท จะมีความเกี่ยวข้องอย่างไร กับใครบ้าง เป็นหน้าที่ของทางการที่จะต้องตรวจสอบ

ตร.ยืนกั้น “ชูวิทย์-สันธนะ” หวั่นปะทะกันที่สภาฯ
นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล เดินทางมายังอาคารรัฐสภา นำชาวบ้านย่านพระโขนงที่ถูกดำเนินคดีจากเจ้าหน้าที่โดยมิชอบฐานบุกรุก กรณีข้อพิพาทที่ดิน โดยร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายสุทา ประทีบ ณ ถลาง รองประธาน กมธ.ป.ป.ช. เป็นผู้รับหนังสือ

ก่อนที่นายสันธนะจะมาถึงบริเวณจุดยื่นหนังสืออาคารรัฐสภา นายชูวิทย์ที่เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ประธาน กมธ.ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายสันธนะ ได้มายืนรอพบนายสันธนะ และทันทีที่นายสันธนะปรากฏตัว นายชูวิทย์ตะโกนถามว่า “ใส่กระโปรงมาหรือเปล่าให้ถอดมาเลย จะเดินหนีทำไม ชอบตีกินไปเรื่อย เก่งทุกอย่าง รู้ทุกเรื่อง ขอให้นายสันธนะเดินเข้ามาหาตน สัญญาต่อหน้าตำรวจว่าไม่ทำอะไร ไม่ต้องกลัว ทำต่อหน้าดีกว่า อย่าเก่งลับหลัง” แต่นายสันธนะไม่ได้เดินเข้าไปหานายชูวิทย์ เพียงยืนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนห่างกันประมาณ 10 เมตร ท่ามกลางตำรวจจาก สน.บางโพ และตำรวจประจำรัฐสภา ยืนกั้นกลางเพื่อป้องกันการเผชิญหน้า

นายสันธนะ ให้สัมภาษณ์ยืนยันไม่ได้ตั้งใจตามนายชูวิทย์มาที่อาคารรัฐสภา เพื่อยั่วยุ แต่มีนัดหมายล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่เชื่อว่านายชูวิทย์ทราบว่าการเดินทางมาที่รัฐสภา เจ้าหน้าที่ไม่ปล่อยให้เกิดการปะทะกันอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ยืนรอนายสันธนะร่วม 40 นาที ก่อนเดินทางกลับโดยไม่มีเหตุความรุนแรง อย่างไรก็ตาม ก่อนกลับนายชูวิทย์ได้แตะบ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและกล่าวชื่นชมที่มาดูแลรักษาความปลอดภัย ขอบใจมาก วันนี้คงไม่ต้องบอกว่าตนเป็นคนดีหรือใครเป็นคนเลว ขอให้ดูเอาแล้วกัน อย่างน้อยสังคมบ้าแบบนี้ ต้องมีคนที่พูดความจริง เอาเรื่องจริงมาพูด ไม่อย่างนั้นสังคมนี้จะอยู่ไม่ได้ คนแบบนี้ต้องจัดการ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]

บ้านดอนตัน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังจมน้ำ

น่าน 18 ก.ค. – “บ้านดอนตัน” จ.น่าน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังคงจมน้ำ น้ำใจหลั่งไหลเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งเยาวชนฝีพายเรือแข่งอำเภอท่าวังผา ขนน้ำดื่มลงเรือแจกจ่ายช่วยชาวบ้าน สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.น่าน ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่บ้านดอนตัน หมู่ 4 ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ชาวบ้านกว่าร้อยหลังคาเรือนยังอาศัยอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขัง ระดับน้ำในพื้นที่สูงกว่า 1 เมตร ประชาชนต้องย้ายสิ่งของขึ้นชั้น 2 เพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียว ต้องอพยพไปพักอยู่กับญาติในพื้นที่ใกล้เคียง หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและจิตอาสา ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยจัดส่งอาหาร น้ำดื่มและสิ่งของจำเป็น โดยเฉพาะเยาวชนฝีพายเรือแข่งจากบ้านสบหนอง อำเภอท่าวังผา นำเรือออกให้ความช่วยเหลือในการขนส่งน้ำดื่มและอาหารไปยังบ้านที่ถูกน้ำล้อม เพื่อส่งต่อถึงผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ในบ้าน ผู้ใหญ่บ้านดอนตัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและ มีแนวโน้มลดลง แต่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่ติดแม่น้ำยังคงมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะในพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งไร่ข้าวโพดและลำไย รวมกว่า 2,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ขณะที่หมู่บ้านใกล้เคียงในพื้นที่ ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา ได้แก่ […]