สตช. 14 พ.ย. – “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” รอง ผบ.ตร. เผยความคืบหน้าการจับกุมนายทุนจีนพัวพันธุรกิจสีเทาเข้ามาเปิดสถานบริการและทำผิดกฎหมายที่ร้านจินหลิงในพื้นที่ กทม.และพัทยา ว่าอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลและสัปดาห์นี้จะขอหมายค้นเพิ่ม รวมทั้งยื่นขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาชาวจีนและชาวไทยอีก 3-4 คน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการขยายผลจับกุมนายทุนจีน ที่พัวพันการทำธุรกิจสีเทา ที่เข้ามาทำผิดกฎหมาย เปิดสถานบริการ มีการเสพยาเสพติด ในร้านจินหลิง ในพื้นที่กรุงเทพฯ และพัทยา ว่า ขณะนี้ คณะทำงานอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล โดยในสัปดาห์นี้จะมีการขออนุมัติหมายค้นเพิ่มอีกรอบ และจะขอหมายจับเพิ่มอีก 3-4 คน มีทั้งคนจีน และคนไทย และภายใน 2 สัปดาห์นี้ จะไล่ดำเนินคดีทั้งหมด รวมถึงคนไทยที่เป็นนอมินีด้วย นอกจากนี้จากการพูดคุยกับตัวแทนของรัฐบาลจีน ก็พร้อมจะเดินหน้าปราบปรามขบวนการดังกล่าวร่วมกัน เหมือนกับการปราบปราม ทัวร์ศูนย์เหรียญเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ซึ่งจากข้อมูลการกระทำความผิดก็พบว่า บางคนที่ถูกจับดำเนินคดี เรื่องสถานบริการ ก็เคยถูกจับกุมเมื่อ 6 ปีที่แล้ว มาแล้วในเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ และคนจีนที่ทำธุรกิจสีเทา ก็มักจะมี 2 สัญชาติ จึงเป็นเป้าหมายให้ตำรวจเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่อยู่แค่นี้ จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ปปง. ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินเอาผิดทั้งขบวนการให้ได้ทั้งหมด และวันนี้เรากำลังต่อสู้กับคนรวย ดังนั้นจึงต้องทำให้รอบคอบ แต่ไม่ได้กลัวอะไร ซึ่งที่กำลังออกหมายจับเร็ว ๆ นี้ บางส่วนตัวอยู่ในเมืองไทยและมีบางส่วนที่ออกไปต่างประเทศแล้ว แต่จะออกแบล็กลิสต์ถาวรห้ามเข้าไทย
ส่วนกรณีที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมีการจับกุมนายเซา เขียนโป คนจีนสองสัญชาติ ที่สวมบัตรประชาชนคนไทย เบื้องต้นจากข้อมูลยังไม่พบว่าเชื่อมโยงกับนายทุนจีนกลุ่มนี้
ส่วนวันนี้ที่นายสันธนะ มายื่นเอกสาร และบอกว่ารู้จักกับกลุ่มนายทุนจีนนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า จากการตรวจสอบยังไม่พบว่า นายสันธนะ มีความผิดหรือเกี่ยวข้อง ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย. -สำนักข่าวไทย