รอง ผบ.ตร.เผยรอผลชันสูตร “แบงค์ เลสเตอร์” ก่อนพิจารณาบุคคลใดเข้าข่ายผิด

ตร. 26 ธ.ค. – รอง ผบ.ตร. ฝ่ายกฎหมาย รอผลชันสูตรศพ “แบงค์ เลสเตอร์” ก่อนพิจารณาว่าบุคคลใดเข้าข่ายผิด เทียบเคียงคดี “ลาลาเบล” ที่มีพฤติกรรมคล้ายกัน ด้าน “พล.ต.ท.โสภณรัชต์” ผู้ช่วย ผบ.ตร. ยังไม่ฟันธงปมเสียชีวิต เตือนดื่มเหล้าแก้หนาวเป็นความเชื่อที่ผิด ชี้หากมีโรคประจำตัวอาจถึงตายได้


พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ฝ่ายกฎหมาย) กล่าวถึงคดีการเสียชีวิตของ แบงค์ เลสเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์สู้ชีวิต ที่เสียชีวิตกะทันหัน คาดว่าสาเหตุเกิดจากการดื่มสุราในปริมาณมากแลกกับเงิน 3 หมื่นบาท จนร่างกายช็อกและเสียชีวิต ว่าสามารถเอาผิดกับผู้จ้างดื่มได้หรือไม่ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คดีดังกล่าวจะต้องเริ่มจากการทำสำนวนคดีชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายอาญาก่อน เพื่อให้ทราบสาเหตุแห่งการตายว่าเป็นการตายผิดธรรมชาติหรือตามธรรมชาติ ซึ่งจะต้องมีการตรวจพิสูจน์โดยแพทย์นิติเวช ซึ่งขณะนี้ร่างอยู่ระหว่างการผ่าพิสูจน์ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรยังไม่ทราบรายละเอียด

พล.ต.อ.นิรันดร กล่าวว่า หากแพทย์นิติเวชสรุปผลว่าเป็นการตายผิดธรรมชาต มีผู้ทำให้ถึงแก่ความตาย ก็ถือว่าความผิดทางอาญาเกิดขึ้น จึงต้องทำสำนวนขึ้นมาอีกสำนวน โดยเอาสำนวนชันสูตรศพมาประกอบคดีอาญา เพื่อที่จะสืบสวนสอบสวนว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการตายและใครกระทำความผิด ขณะนี้เชื่อว่าในทางสืบสวนตำรวจพื้นที่ต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานไว้แล้ว แต่ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าการตายเกิดจากสาเหตุใด เพาะคืนวันเกิดเหตุมีการจัดปาร์ตี้ร่วมดื่ม และมีการเชียร์ให้ดื่มสุรามากกว่าปกติ ซึ่งตามปกติร่างกายแต่ละคนรับได้ไม่เท่ากัน ในการดื่มแอลกอฮอล์ และแต่ละคนอาจมีโรคประจำตัวที่แต่ละคนไม่รู้มาก่อน อาจจะสัมพันธ์กับการดื่มสุราและไปการกระตุ้นให้เกิดการเสียชีวิตได้ ต้องรอแพทย์ทำการชันสูตรเพื่อให้ทราบสาเหตุที่แท้จริง


ส่วนการจะชี้ว่าใครกระทำผิดหรือไม่ต้องมีหลักฐานหลายอย่าง ยังไม่สามารถฟันธงได้ในเวลานี้เนื่องจากมีรายละเอียดจำนวนมาก ซึ่งคดีนี้อาจจะเทียบเคียงคดีในอดีต เช่น คดี “ลาลาเบล” ที่อาจจะมีพฤติการณ์ใกล้เคียงกัน คือมีการชักชวนให้ดื่มสุราในงานปาร์ตี้เช่นเดียวกัน จึงต้องดูพฤติการณ์ในการสืบสวนสอบสวนว่ามีบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง โดยย้ำต้องทราบสาเหตุการเสียชีวิตก่อนอย่าเพิ่งกล่าวหาบุคคลใด เพราะเป็นการชี้นำสังคม ถึงแม้สังคมจะเชื่อแล้วก็ตามว่ามีการว่าจ้างแล้วชี้ว่าบุคคลนั้นต้องผิดหรือต้องถูก ยืนยันว่าตำรวจทำงานไม่ล่าช้า

ส่วนที่สื่อมวลชน ระบุว่ามีการว่าจ้างกัน 3 หมื่นบาท ให้ดื่มจนเสียชีวิต เน้นย้ำว่าต้องดูรายละเอียดอื่น ๆ เช่น เป็นเรื่องของการสมัครใจหรือไม่ หรือมีการบังคับขู่เข็ญหรือไม่ จึงไม่สามารถฟันธงข้อกฎหมายได้ต้องมีการสืบสวนสอบสวน รวบรวมหลักฐานถึงสภาพแวดล้อมทั้งหมด

ด้าน พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะกำกับดูแลโรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยกรณี แบงค์ เลสเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์สู้ชีวิต เสียชีวิตกะทันหันโดยคาดว่าสาเหตุเกิดจากการดื่มเหล้าเพียว 1 แบนรวดเดียว แลกเงิน 3 หมื่นบาท จนร่างกายช็อกและเสียชีวิต โดยยืนยันว่าทางการแพทย์ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการเสียชีวิตเกิดจากการดื่มสุราหรือไม่ ต้องรอการพิสูจน์จากแพทย์นิติเวชอย่างเป็นทางการ เนื่องจากพฤติกรรมบางคนอาจจะเคยดื่มสุราเป็นประจำ หรือบางคนไม่เคยดื่มก็อาจจะมีผลต่อร่างกาย โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยดื่มถ้าดื่มในปริมาณมากจะรู้สึกไม่ดีและดื่มอย่างไม่มีความสุข จึงต้องรอผลทางการแพทย์อย่างเดียว


พล.ต.ท.โสภณรัชต์ กล่าวว่า กรณีชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่บางประเทศที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นจัด จึงดื่มเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ทางการแพทย์ส่วนใหญ่ที่พบ มักเจอกับคนไข้ที่เป็นโรคเส้นเลือดโป่งพอง และคนสูงอายุ เพราะช่วงที่อากาศเย็นหลอดเลือดจะหดตัวแต่หากดื่มแอลกอฮอล์ เส้นเลือดจะโป่ง เมื่อดื่มในปริมาณมากก็จะทำให้เส้นเลือดหดตัวและขยายตัวอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้เส้นเลือดแตกจนเสียชีวิตได้ แต่ในประเทศไทยไม่ได้มีอากาศหนาวจัดเหมือนต่างประเทศ ซึ่งประเด็นนี้ต้องดูหลายปัจจัย การดื่มสุราที่ไม่คุ้นชินไปทันทีทันใดจะมีผลต่อสุขภาพ แต่ยังไม่รวมถึงบุคคลที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคตับ และตับอ่อน ฯลฯ บางคนไม่รู้ว่าตัวเองมีโรคประจำตัวแล้วไปดื่มก็อาจทำให้มีผลได้ทันที เพราะไม่ทราบว่าร่างกายจะรับได้ปริมาณมากน้อยเพียงใด

ทั้งนี้ ยังกล่าวว่าการที่คนไทยและชาวต่างชาติ คิดว่าดื่มแอลกอฮอล์สามารถช่วยแก้หนาวได้เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องและมีความเสี่ยง เพราะจะกระตุ้นให้เกิดอาการกำเริบเป็นอันตรายต่อชีวิตได้

ขณะยายเศร้าเผยเลี้ยงดู “แบงค์ เลสเตอร์” มาตั้งแต่เล็ก เพราะพ่อแม่แยกทางกันและถูกทอดทิ้ง หลานเป็นคนดี เป็นเสาหลักของครอบครัว ก่อนไปพบจุดจบ บอกจะไปหาเงิน 60,000 บาท มาจ่ายค่าบ้าน ไม่นึกว่าจะกลายเป็นพบจุดจบ เผยเมื่อไม่มีหลานก็เคว้งคว้างไม่รู้จะดำเนินชีวิตอย่างไร

วันนี้นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน ได้ลงพื้นที่ ชุมชนหมู่บ้านมั่นคง ซอยสุขาภิบาล 5 แยก 32 เขตสายไหม กทม. ซึ่งเป็นบ้านของ แบงค์ เลสเตอร์ ที่ซื้อให้ยายอยู่ พบยายเล็ก อายุ 80 ปี ซึ่งเป็นยายแท้ๆ ของแบงค์ โดยยายได้ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตในวัยเด็กของแบงค์ให้ฟังว่า ยายเลี้ยงดูส่งเสียแบงค์มาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะพ่อกับแม่ของแบงค์แยกทางกันตั้งแต่แบงค์ยังเด็ก ทิ้งแบงค์ไว้กับยาย หลานชายคนนี้เป็นคนกตัญญูมาก พอโตขึ้นก็ดูแลยายมาตลอด เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา แบงค์รับปากกับยายว่าจะหาเงิน 60,000 บาท มาจ่ายค่าบ้านที่ติดไว้ให้ ตนก็ไม่รู้ว่าแบงค์จะไปหาเงินด้วยวิธีนี้ แบงค์คงทำทุกวิถีทาง เพราะอยากได้เงินตามที่รับปากไว้

ตอนนี้ตนอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้กับลูกชาย แล้วก็หลานเท่านั้น ปกติแบงค์จะเป็นคนดูแลยายทุกอย่าง ตอนนี้ไม่มีแบงค์แล้ว ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะอยู่ต่อไปอย่างไร

นายเอกภพ ยังระบุอีกว่า คนที่ให้ แบงค์ เลสเตอร์ ดื่มแอลกอฮอล์ เป็นคนที่ใจร้ายมาก พอเห็นว่าเขายากจนก็จ้างให้เขากิน ซึ่งเป็นสิ่งที่กินไม่ได้ แต่เขาต้องกินเพื่อจะหาเงินมาจ่ายค่าบ้านและดูแลยายที่แก่ชรา ยังไงก็ต้องโดนดำเนินคดีในเรื่องของการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนข้อหาอื่นเชื่อว่าตำรวจต้องเอาผิดอยู่แล้ว

ในส่วนศพของ แบงค์ เลสเตอร์ จะถูกตั้งที่วัดออเงิน ศาลา 4 จะมีการรดน้ำศพ วันที่ 27 ธ.ค. เวลา 16.00 น. และฌาปนกิจ วันที่ 30 ธ.ค.67 เวลา 15.00 น. .-412, 420 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

อดีตนายกฯ โพสต์พร้อมทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน-ตรวจสอบรัฐบาล

กรุงเทพ 5 ก.ย.- “แพทองธาร” ระบุ จากวันนี้เพื่อไทยทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล บอก ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมขอบคุณผู้สนับสนุน จะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานของพรรคเพื่อไทย เราผ่านสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทั้งช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาที่ต้องแบกรับความยากลำบากร่วมกัน แต่สิ่งที่เราไม่เคยละวาง คือความหวัง โอกาส และอนาคตที่ดีกว่าของประชาชน จากวันนี้ เราจะทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รักษาระบบรัฐสภาให้เดินหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตย เราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่นี้ แต่เราจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ขอบคุณกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกท่าน เราทราบดีว่า การเดินทางร่วมกับพรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้ ต้องใช้ความเข้มแข็งและอดทนถึงเพียงไหน เราจะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน .-316 -สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกฯ

รัฐสภา 5 ก.ย.- “อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เดินทางไปเยี่ยม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ภายหลังได้รับการโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล นายอนุทินได้ก้มกราบที่ตักพ่อ พร้อมสวมกอดระหว่างที่พ่อกำลังรับประทานอาหารเย็น ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้ม สดใส ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอนุทินจะเดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ในเวลา 20.00 น. ของวันนี้.-315 -สำนักข่าวไทย

เริ่มลงตัว! เปิดโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” แบ่งโควตาคนนอก 5 เก้าอี้

กทม.5 ก.ย.- เช็กโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” เริ่มลงตัว “ภูมิใจไทย” 12 เก้าอี้ แบ่งโควตาคนนอกอีก 5 เก้าอี้ มีชื่อ “เศรษฐพุฒิ” อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ นั่งขุนคลัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี​ จากสภาผู้แทนราษฎร ความเคลื่อนไหวการจัดตั้ง “ครม.อนุทิน 1” ก็ขยับทันที​ โดยมีการจัดสรรโควตาตามจำนวนเสียงที่ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเสียง​ข้างน้อย​ ร่วมกัน​ 146 ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย​ 12 เก้าอี้ เนื่องจากมีโควตาของคนนอก ที่จะไม่นับรวม อีก 5 เก้าอี้​ ส่วนพรรคกล้าธรรม 7 เก้าอี้ แบ่งเป็น 4 รัฐมนตรีว่าการ​ และ 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ขณะที่​ พรรคพลังประชารัฐ​ 4​ เก้าอี้ กลุ่มนายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ 4 […]

เพื่อไทยโพสต์พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน

กรุงเทพฯ 5 ก.ย.- พรรคเพื่อไทย พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ขอบคุณทุกแรงใจ ระบุ นโยบายหลายเรื่องค้างไว้ รอวันกลับมาสานต่อ ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติ 311 เสียง เห็นชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ว่า “พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตามครรลองของรัฐสภา ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย ขอขอบคุณทุกแรงใจ นโยบายหลายเรื่องที่ยังค้างไว้ เราจะรอวันกลับมาสานต่อให้สำเร็จ เพื่อคนไทยทุกคน…ตลอดไป” .-316 -สำนักข่าวไทย