รอง ผบ.ตร.เผยรอผลชันสูตร “แบงค์ เลสเตอร์” ก่อนพิจารณาบุคคลใดเข้าข่ายผิด

ตร. 26 ธ.ค. – รอง ผบ.ตร. ฝ่ายกฎหมาย รอผลชันสูตรศพ “แบงค์ เลสเตอร์” ก่อนพิจารณาว่าบุคคลใดเข้าข่ายผิด เทียบเคียงคดี “ลาลาเบล” ที่มีพฤติกรรมคล้ายกัน ด้าน “พล.ต.ท.โสภณรัชต์” ผู้ช่วย ผบ.ตร. ยังไม่ฟันธงปมเสียชีวิต เตือนดื่มเหล้าแก้หนาวเป็นความเชื่อที่ผิด ชี้หากมีโรคประจำตัวอาจถึงตายได้


พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ฝ่ายกฎหมาย) กล่าวถึงคดีการเสียชีวิตของ แบงค์ เลสเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์สู้ชีวิต ที่เสียชีวิตกะทันหัน คาดว่าสาเหตุเกิดจากการดื่มสุราในปริมาณมากแลกกับเงิน 3 หมื่นบาท จนร่างกายช็อกและเสียชีวิต ว่าสามารถเอาผิดกับผู้จ้างดื่มได้หรือไม่ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คดีดังกล่าวจะต้องเริ่มจากการทำสำนวนคดีชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายอาญาก่อน เพื่อให้ทราบสาเหตุแห่งการตายว่าเป็นการตายผิดธรรมชาติหรือตามธรรมชาติ ซึ่งจะต้องมีการตรวจพิสูจน์โดยแพทย์นิติเวช ซึ่งขณะนี้ร่างอยู่ระหว่างการผ่าพิสูจน์ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรยังไม่ทราบรายละเอียด

พล.ต.อ.นิรันดร กล่าวว่า หากแพทย์นิติเวชสรุปผลว่าเป็นการตายผิดธรรมชาต มีผู้ทำให้ถึงแก่ความตาย ก็ถือว่าความผิดทางอาญาเกิดขึ้น จึงต้องทำสำนวนขึ้นมาอีกสำนวน โดยเอาสำนวนชันสูตรศพมาประกอบคดีอาญา เพื่อที่จะสืบสวนสอบสวนว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการตายและใครกระทำความผิด ขณะนี้เชื่อว่าในทางสืบสวนตำรวจพื้นที่ต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานไว้แล้ว แต่ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าการตายเกิดจากสาเหตุใด เพาะคืนวันเกิดเหตุมีการจัดปาร์ตี้ร่วมดื่ม และมีการเชียร์ให้ดื่มสุรามากกว่าปกติ ซึ่งตามปกติร่างกายแต่ละคนรับได้ไม่เท่ากัน ในการดื่มแอลกอฮอล์ และแต่ละคนอาจมีโรคประจำตัวที่แต่ละคนไม่รู้มาก่อน อาจจะสัมพันธ์กับการดื่มสุราและไปการกระตุ้นให้เกิดการเสียชีวิตได้ ต้องรอแพทย์ทำการชันสูตรเพื่อให้ทราบสาเหตุที่แท้จริง


ส่วนการจะชี้ว่าใครกระทำผิดหรือไม่ต้องมีหลักฐานหลายอย่าง ยังไม่สามารถฟันธงได้ในเวลานี้เนื่องจากมีรายละเอียดจำนวนมาก ซึ่งคดีนี้อาจจะเทียบเคียงคดีในอดีต เช่น คดี “ลาลาเบล” ที่อาจจะมีพฤติการณ์ใกล้เคียงกัน คือมีการชักชวนให้ดื่มสุราในงานปาร์ตี้เช่นเดียวกัน จึงต้องดูพฤติการณ์ในการสืบสวนสอบสวนว่ามีบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง โดยย้ำต้องทราบสาเหตุการเสียชีวิตก่อนอย่าเพิ่งกล่าวหาบุคคลใด เพราะเป็นการชี้นำสังคม ถึงแม้สังคมจะเชื่อแล้วก็ตามว่ามีการว่าจ้างแล้วชี้ว่าบุคคลนั้นต้องผิดหรือต้องถูก ยืนยันว่าตำรวจทำงานไม่ล่าช้า

ส่วนที่สื่อมวลชน ระบุว่ามีการว่าจ้างกัน 3 หมื่นบาท ให้ดื่มจนเสียชีวิต เน้นย้ำว่าต้องดูรายละเอียดอื่น ๆ เช่น เป็นเรื่องของการสมัครใจหรือไม่ หรือมีการบังคับขู่เข็ญหรือไม่ จึงไม่สามารถฟันธงข้อกฎหมายได้ต้องมีการสืบสวนสอบสวน รวบรวมหลักฐานถึงสภาพแวดล้อมทั้งหมด

ด้าน พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะกำกับดูแลโรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยกรณี แบงค์ เลสเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์สู้ชีวิต เสียชีวิตกะทันหันโดยคาดว่าสาเหตุเกิดจากการดื่มเหล้าเพียว 1 แบนรวดเดียว แลกเงิน 3 หมื่นบาท จนร่างกายช็อกและเสียชีวิต โดยยืนยันว่าทางการแพทย์ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการเสียชีวิตเกิดจากการดื่มสุราหรือไม่ ต้องรอการพิสูจน์จากแพทย์นิติเวชอย่างเป็นทางการ เนื่องจากพฤติกรรมบางคนอาจจะเคยดื่มสุราเป็นประจำ หรือบางคนไม่เคยดื่มก็อาจจะมีผลต่อร่างกาย โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยดื่มถ้าดื่มในปริมาณมากจะรู้สึกไม่ดีและดื่มอย่างไม่มีความสุข จึงต้องรอผลทางการแพทย์อย่างเดียว


พล.ต.ท.โสภณรัชต์ กล่าวว่า กรณีชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่บางประเทศที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นจัด จึงดื่มเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ทางการแพทย์ส่วนใหญ่ที่พบ มักเจอกับคนไข้ที่เป็นโรคเส้นเลือดโป่งพอง และคนสูงอายุ เพราะช่วงที่อากาศเย็นหลอดเลือดจะหดตัวแต่หากดื่มแอลกอฮอล์ เส้นเลือดจะโป่ง เมื่อดื่มในปริมาณมากก็จะทำให้เส้นเลือดหดตัวและขยายตัวอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้เส้นเลือดแตกจนเสียชีวิตได้ แต่ในประเทศไทยไม่ได้มีอากาศหนาวจัดเหมือนต่างประเทศ ซึ่งประเด็นนี้ต้องดูหลายปัจจัย การดื่มสุราที่ไม่คุ้นชินไปทันทีทันใดจะมีผลต่อสุขภาพ แต่ยังไม่รวมถึงบุคคลที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคตับ และตับอ่อน ฯลฯ บางคนไม่รู้ว่าตัวเองมีโรคประจำตัวแล้วไปดื่มก็อาจทำให้มีผลได้ทันที เพราะไม่ทราบว่าร่างกายจะรับได้ปริมาณมากน้อยเพียงใด

ทั้งนี้ ยังกล่าวว่าการที่คนไทยและชาวต่างชาติ คิดว่าดื่มแอลกอฮอล์สามารถช่วยแก้หนาวได้เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องและมีความเสี่ยง เพราะจะกระตุ้นให้เกิดอาการกำเริบเป็นอันตรายต่อชีวิตได้

ขณะยายเศร้าเผยเลี้ยงดู “แบงค์ เลสเตอร์” มาตั้งแต่เล็ก เพราะพ่อแม่แยกทางกันและถูกทอดทิ้ง หลานเป็นคนดี เป็นเสาหลักของครอบครัว ก่อนไปพบจุดจบ บอกจะไปหาเงิน 60,000 บาท มาจ่ายค่าบ้าน ไม่นึกว่าจะกลายเป็นพบจุดจบ เผยเมื่อไม่มีหลานก็เคว้งคว้างไม่รู้จะดำเนินชีวิตอย่างไร

วันนี้นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน ได้ลงพื้นที่ ชุมชนหมู่บ้านมั่นคง ซอยสุขาภิบาล 5 แยก 32 เขตสายไหม กทม. ซึ่งเป็นบ้านของ แบงค์ เลสเตอร์ ที่ซื้อให้ยายอยู่ พบยายเล็ก อายุ 80 ปี ซึ่งเป็นยายแท้ๆ ของแบงค์ โดยยายได้ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตในวัยเด็กของแบงค์ให้ฟังว่า ยายเลี้ยงดูส่งเสียแบงค์มาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะพ่อกับแม่ของแบงค์แยกทางกันตั้งแต่แบงค์ยังเด็ก ทิ้งแบงค์ไว้กับยาย หลานชายคนนี้เป็นคนกตัญญูมาก พอโตขึ้นก็ดูแลยายมาตลอด เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา แบงค์รับปากกับยายว่าจะหาเงิน 60,000 บาท มาจ่ายค่าบ้านที่ติดไว้ให้ ตนก็ไม่รู้ว่าแบงค์จะไปหาเงินด้วยวิธีนี้ แบงค์คงทำทุกวิถีทาง เพราะอยากได้เงินตามที่รับปากไว้

ตอนนี้ตนอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้กับลูกชาย แล้วก็หลานเท่านั้น ปกติแบงค์จะเป็นคนดูแลยายทุกอย่าง ตอนนี้ไม่มีแบงค์แล้ว ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะอยู่ต่อไปอย่างไร

นายเอกภพ ยังระบุอีกว่า คนที่ให้ แบงค์ เลสเตอร์ ดื่มแอลกอฮอล์ เป็นคนที่ใจร้ายมาก พอเห็นว่าเขายากจนก็จ้างให้เขากิน ซึ่งเป็นสิ่งที่กินไม่ได้ แต่เขาต้องกินเพื่อจะหาเงินมาจ่ายค่าบ้านและดูแลยายที่แก่ชรา ยังไงก็ต้องโดนดำเนินคดีในเรื่องของการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนข้อหาอื่นเชื่อว่าตำรวจต้องเอาผิดอยู่แล้ว

ในส่วนศพของ แบงค์ เลสเตอร์ จะถูกตั้งที่วัดออเงิน ศาลา 4 จะมีการรดน้ำศพ วันที่ 27 ธ.ค. เวลา 16.00 น. และฌาปนกิจ วันที่ 30 ธ.ค.67 เวลา 15.00 น. .-412, 420 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 26 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 7 จังหวัดรับมือ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “ก๋อมัย” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย.- สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]