กรุงเทพฯ 4 พ.ย. – สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองปูพรมปราบต่างด้าวอยู่เกินกำหนด ยอดจับเดือนเดียวพุ่ง 719 คดี เตรียมผลักดันกลับประเทศ เข้มจีนเทา ขอวีซ่านักเรียน-นักศึกษา ลักลอบซ่องสุมทำผิดกฎหมาย
พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง แถลงระดมกวาดล้างผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ระหว่างวันที่ 5-31 ตุลาคมที่ผ่านมา เน้นการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการอยู่เกินกำหนดอนุญาต (overstay) หรือความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือช่วยเหลือซ่อนเร้นคนต่างด้าวให้พ้นจากการจับกุม และให้คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี)
เบื้องต้นสามารถจับกุมคนต่างด้าวอยู่เกินกำหนด 719 คดี ได้ผู้ต้องหา 779 คน โดยมีคดีสำคัญ เช่น การจับกุมนายบุนซู อายุ 62 ปีชาวเกาหลี ซึ่งมีพฤติกรรมในการหลอกลวงลงทุนที่ประเทศเกาหลีใต้ในความผิดฐานฉ้อโกง ทางการเกาหลีใต้ จึงประสานตำรวจให้ช่วยติดตามตัว เมื่อเดือนพฤษภาคม 2559 ถึงมีนาคม 2560 หลอกเพื่อนร่วมชาติว่ามีร้านเอ้าท์เลทในกรุงเทพฯ 30 แห่ง ชักชวนให้ผู้เสียหายส่งเสื้อผ้าจากเกาหลีมาไทยจะขายได้ 3-15 เท่าของราคาเดิม และมีการขอเงินจากผู้เสียหายเป็นค่าธรรมเนียมพิธีการศุลกากรในการส่งออกเพิ่มเติม ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อสูญเงินกว่า 3,558 ล้านวอน หรือคิดเงินไทยประมาณ 100 ล้านบาท ตรวจสอบข้อมูลพบว่านายบุญซู เข้ามาไทยเมื่อต้นปี 2563 และได้รับการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวถึง 18 เมษายน 2565 จึงถือว่าการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลง จากนี้จะประสานส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่ เกาหลีใต้
พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ ระบุว่าที่ผ่านมา สตม.กวาดล้างต่างด้าวผิดกฎหมายต่อเนื่อง ส่วนการปฏิเสธคนเข้าเมือง ถือเป็นกระดุมเม็ดแรกของเข้าเมือง ดูแลมาโดยตลอด ปีที่แล้วปฏิเสธการเข้าเมือง 8,429 คน เฉพาะเดือนตุลาคมปฏิเสธไปแล้ว 606 คน ย้ำว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังจากนี้ต้องเข้มงวดขึ้น
สำหรับกรณีพบคนจีนเข้ามากระทำความผิดในไทยจะยื่นขอวีซ่าประเภทนักเรียน นักศึกษา พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ ยืนยันว่าที่ผ่านมาเข้มงวดอยู่แล้ว และขณะนี้ได้ทำหนังสือสั่งการกำชับเจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบว่าเข้าไทยมาตามวัตถุประสงค์หรือไม่ ยอมรับว่ามีบางส่วนที่เล็ดลอดหลุดออกมาได้ ก็จะพยายามแก้ไขให้เกิดความบกพร่องน้อยที่สุด ส่วนหลังจากนี้จะต้องมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการขอวีซ่าประเภทนักเรียนนักศึกษาหรือไม่นั้น ยังต้องมีการหารือร่วมกับหลายหน่วยงาน เนื่องจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่ใช่หน่วยงานเดียวที่ดูแลคนเดินทางเข้าประเทศ.-สำนักข่าวไทย