ผบ.ตร. สั่งให้ทุกหน่วยวาง 6 มาตรการเข้มป้องกันอาชญากรรม

22 ต.ค. – ผบ.ตร. มีคำสั่งให้ทุกหน่วยวาง 6 มาตรการเข้มป้องกันอาชญากรรม จี้ต้องรุกคืบแก้ปัญหายาเสพติด-อาวุธปืน กำชับต้องรายงานผลให้ทราบภายใน 10 พ.ย.นี้


เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประกัสร์ ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งด่วนที่สุด เป็นวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ถึง ผบช. หรือตำแหน่งเทียบเท่า และ ผบก. ในสังกัด สง.ผบ.ตร.มีใจความว่า :

“ด้วยปัญหายาเสพติดที่กำลังแพร่ระบาด คุกคามและบ่อนทำลายประเทศชาติ เป็นต้นเหตุสำคัญประการหนึ่งของความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งผู้ค้าและผู้เสพยาเสพดิดที่เพิ่มมากขึ้น อาชญากรรมและภัยคุกคามจากยาเสพติดมักมีความรุนแรง ประกอบกับปัจจุบันมีเหตุการณ์ก่ออาชญากรรมที่มีการใช้อาวุธปืนอยู่บ่อยครั้ง สร้างความสูญเสียแก่ชีวิต ทรัพย์สิน และความหวาดกลัวภัยของประชาชนมากยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบต่อสังคมและความสงบเรียบร้อยของประชาชนโดยรวม


เพื่อให้การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชน โดยบัญชาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ ตร. เร่งรัดปราบปรามความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุนปืน ให้บังเกิดผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้แก่ประชาชน จึงให้ทุกหน่วยดำเนินการตามมาตรการ ของ ตร. ที่เคยสั่งการไว้โดยเคร่งครัด และกำชับการปฏิบัติ ดังนี้
(1.)ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ให้เพิ่มความเข้มในการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดในพื้นที่ รวมทั้งให้มีการขยายผลและใช้มาตรการทางทรัพย์สินแบบบูรณาการทั้งยึด อายัดทรัพย์คดียาเสพติด และดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการพอกเงินฯ ต่อผู้กระทำผิดทุกระดับ ให้ดำเนินการเชิงรุก ลดการแพร่ระบาดยาเสพติดในพื้นที่อย่างจริงจัง โดยแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการแก้ปัญหาทั้งมิติในด้านการป้องกัน การจับกุม การบำบัด โดยเฉหาะในชุมซน สถานศึกษา สถานบริการและสถานประกอบการ

ให้ ผบช.,ผบก. ขับเคลื่อนการปฏิบัติในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดด้วยตนเอง ให้มีแผนการสุ่มตรวจสถานบริการ สถานประกอบการตามวงรอบ และมีแผนการปิดล้อมตรวจค้นชุมชนแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และให้ดำเนินการตามโครงการตำรวจสีขาว โดยการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะของข้าราชการตำรวจในสังกัด โดยหากตรวจพบว่าข้าราชการตำรวจนายใดมีสารเสพติดในร่างกาย

ผู้บังคับบัญชาจะต้องดำเนินการทางวินัยและปกครองขั้นเด็ดขาด และหากพบว่าผู้บังคับบัญชามีการปล่อยปละละเลยให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจะถูกดำเนินการทางวินัยเช่นกัน , ร่วมกับภาคีเครือข่าย ค้นหาผู้ติดยาเสพติดที่มีอาการทางจิตในพื้นที่ จัดทำฐานข้อมูล เพื่อพิจารณาจัดลำดับความรุนแรงของอาการ เพื่อนำเข้าบำบัดรักษาโดยเร็ว ตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต พ.ศ.2551 และค้นหาและนำผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำปัดรักษาโดยสมัศรใจ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มาตรา 114 และบันทึกข้อมูลในระบบชักถามข้อมูลยาเสพติดทุกราย (https://www.nsbqdrugs.com/form.pdf )


ให้รายงานผลการปฏิบัติภายในวันที่ 10 พ.ย.65 ในการปฏิบัติงานให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ ภายใต้กรอบของกฎหมายโดยเคร่งครัด และด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระตับ ติตตาม ตรวจสอบ และควบคุมความประพฤติของผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยเด็ดขาค หากพบการกระทำความผิดจะต้องดำเนินการทางอาญา ทางวินัย และทางปกครองอย่างเฉียบขาดทุกราย

(2.)ความผิดเกี่ยวกับอาวุธป็น อาวุธสงคราม การป้องกัน ตรวจสอบข้อมูลประวัติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืน โดยปรับปรุง การบันทึกข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน รวมถึงดำเนินการกับกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้
วัยรุ่น กลุ่มเสี่ยง เด็กแว้นแข่งรถจักรยานยนต์ ที่มีพฤติกรรมชอบพกพาอวุธปืนในที่สาธารณะ และชอบยิงปืน หรือกลุ่มวัยรุ่น นักเลงอันธพาล ที่มีพฤติกรรมก่อความวุ่นวาย ก่อความเดือดร้อนรำคาญ ทำตัวเป็นเจ้าถิ่น จับกลุ่มมั่วสุมในที่สาธารณะ มีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม สร้างความหวาดกลัวต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ บุคคลที่พกพาอาวุธปินติตตามผู้มีอิทธิพส ผู้กว้างชวางในพื้นที่ บุคคลผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่มีความประพฤติไม่เรียบร้อยหรือมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม ต้องสืบสวนติดตามพฤติกรรมในเชิงลึก กลุ่มบุคคลหรือบุคคลผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ผู้ติดตามทวงหนี้ โดยการข่มขู่และหรือมีพฤติกรรมข่มขู่ หรือใช้ความรุนแรง บุคคลพันโทษ บุคคลที่ถูกปล่อยตัวชั่วคราว ในความผิดเกี่ยวกับอาวุธปินหรือความผิดอื่นโดยใช้อาวุธปืนในการกระทำความผิด บุคคลที่มีพฤติกรรมหรือลักลอบผลิต จำหน่ายหรือขายอาวุธปืนโดยเปิดเผยทางอินเตอร์เน็ต (online) และในทางลับ และให้หน่วยเฉพาะทาง เช่น บช.สอท. บช.ก. รวมถึง ศปอส. ในทุกระดับ ดำเนินการสืบสวนปราบปรามให้ได้ผล บุคคล กลุ่มบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและใช้อาวุธปืนในการกระทำความผิด

ทั้งนี้ หากพบว่าเข้าลักษณะบุคคลตามมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ให้แจ้งนายทะเบียนอาวุธปืนเพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ให้จัดทำฐานข้อมูลอาวุธปิน เครื่องกระสุนปืน (เฉพาะอาวุธปืนถูกกฎหมาย) ให้เป็นปัจจุบัน โดยให้เป็นหน้าที่ของ หน.สน.,สภ. ประสานกับฝ่ายปกครองเพื่อพิสูจน์ทราบจำนวนอาวุธปืน ผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปิน ตลอดจนรายละเอียดขนาด,ชนิดของอาวุธปืน

สำหรับสถานีตำรวจที่มีร้านจำหน่ายอาวุธป็นในพื้นที่ให้ดำเนินการตรวจสอบยอดจำนวนการนำเข้า ขาย คงเหลือ ของอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนให้ถูกต้องตรงกับบัญชี พร้อมขอความร่วมมือให้จำหน่ายกระสุนปืนกับผู้ที่มีใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน (ป.4) มาแสดง และต้องเป็นกระสุนปืนตามขนาดที่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนเท่านั้น หากตรวจสอบพฤติการณ์การกระทำผิด พฤติการณ์ในทางที่ไม่ดีของบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปิน (ป.ส.) หรือมีพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจในคุณสมบัติของผู้ได้รับอนุญาตตามมาตรา 3 แแห่ง พ.ร.บ.อาวุปืนฯ ให้รายงานนายทะเบียนอาวุธปืนทราบเพื่อพิจารณาเรียกประกันหรือเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป สืบสวนหาข่าว ติดตามพฤติการณ์ ความเคลื่อนไหว และจัดทำฐานข้อมูลบุคคล และสถานที่ เป้าหมายสำคัญ โดยเฉพาะแหล่งผลิต ซุกช่อน จำหน่าย ให้เป็นปัจจุบัน เพื่อกำหนดเป็นเป้าหมายในการปิตล้อมตรวจค้นในช่วงระดมให้ชัดเจน

กำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกลำดับชั้นเข้มงวดกวดขันในการตรวจสอบอาวุธปืน คงคลังของทางราชการ และควบคุมการเบิกจ่ายอาวุธปืนของทางราชการทุกประเภทให้เป็นไปโดยถูกต้องตามระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดีลักษณะที่ 32 (เดิม) อาวุธและกระสุนปืนของกรมตำรวจ ข้อ 3 และระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 35 (เดิม) บทที่ 8 คำแนะนำในการรักษาคลังและให้ผู้บังคับบัญชาทุกลำดับชั้นกำชับการปฏิบัติดูแลรักษาอาวุธปืนของทางราชการตามหนังสือ ตร. ที่ 0008.421/ว 44 ลง 30 ก.ย.59 เรื่อง กำชับการปฏิบัติและกำหนดมาตรการในการควบคุมและการตรวจสอบเกี่ยวกับการใช้อาวุธปืนของทางราชการ โดยให้ถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด

กรณีข้าราชการตำรวจที่มีอาวุธป็นเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง ให้ตรวจสอบสถานภาพอาวุธปืนที่ตัวเองมีชื่อครอบครองทั้งหมดว่ายังอยู่ครบถ้วน สูญหาย ชำรุด หรือมีการจำหน่ายไปแล้วหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีการจำหน่ายให้ตรวจสอบผู้ซื้อด้วยว่าได้รับใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน (แบบ ป.3) จากนายทะเบียนท้องที่ถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้ให้หารือนายทะเบียนท้องที่และปฏิบัติให้ครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมาย กฎระเบียบ และคำสั่งที่เกี่ยวซ้องการปราบปรามให้สืบสวนปราบปราม ตรวจค้นจับกุมแหล่งค้า ผลิต ซุกซ่อนอาวุธที่ผิดกฎหมายแหล่งอบายมุข แหล่งมั่วสุมของวัยรุ่น นักเลงอันธพาล สถานบริการ และเพิ่มมาตรการกดดันบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่คุ้มครองดูแลสถานบริการ สถานบันเทึง โดยเน้นการครอบครองอาวุธปืนและพกพาอาวุธที่ผิดกฎหมาย มิได้รับอนุญาต กำหนดจุดตรวจ จุดสกัด และตั้งด่านตรวจค้นบนเส้นทางหลัก เส้นทางรองเส้นทางล่อแหลม เส้นทางคนร้าย เพื่อตรวจค้นบุคคล ยานพาหนะ อาวุธทุกชนิดที่อาจนำไปใช้ในการกระทำ ความผิด รวมถึงการครอบครองและพกพาอาวุโดยมีได้รับอนุญาต

ทั้งนี้ การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และด่านตรวจดังกล่าวให้ปฏิบัติตามแนวทางที่ ตร. กำหนดสกัดกั้นการลักลอบขนส่งอาวุธที่ผิดกฎหมาย ทั้งทางบกและทางน้ำ การสุ่มตรวจค้นบุคคลหรือสัมภาระที่ต้องสงสัยในการกระทำความผิดที่มากับรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถไฟ รถโดยสารประจำทาง ไม่ประจำทาง หรือสัมภาระที่ไม่มีผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าของ และสกัดกั้นการลักลอบซื้อขาย นำเข้าและส่งออก อาวุธผิดกฎหมายตามแนวชายแดน สน.,สภ. ที่มีที่ทำการไปรษณีย์ หรือบริษัทขนส่งพัสดุเอกชนในพื้นที่ ให้ประสานขอความร่วมมือเพื่อสุ่มตรวจสอบพัสดุต้องสงสัยที่ส่งทางไปรษณีย์หรือบริษัทนส่งพัสดุเอกชน ตลอดจนให้ความร่วมมือแจ้งข้อมูลกรณีตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยที่อาจเป็นสิ่งของผิดกฎหมายเพื่อร่วมกันตรวจสอบโดยละเอียดจากเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

การปราบปรามการค้าอาวุธข้ามชาติ ให้ บช.ก. เป็นหน่วยรับผิดชอบหลักและดำเนินการกรณีมีหลักฐานการเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ การดำเนินการกับผู้มีอิทธิพลที่มีมือปืน ให้ความคุ้มครองต้องสืบสวนเชิงลึกเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมชัดเจนเพื่อพิสูจน์ความผิดให้ศาลพิพากษาลงโหษได้และการซื้อขายอาวุธทางสื่อออนไลน์ ซึ่งต้องใช้ผู้มีความรู้ทางเทคนิคความเชี่ยวชาญเฉพาะทางดำเนินการให้ได้ผล

(3.)การดำเนินการตามข้อ 1 และ 2 ให้ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากประชาชนผู้นำชุมชน สมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรม ในการแจ้งเบาะแสผ่านศูนย์รับแจ้งเหตุ 141 หรือทางสายด่วน 1544 เพื่อตรวจสอบดำเนินการ โดยขอเน้นย้ำในการรักษาความลับและความปลอดภัยของผู้แจ้งเหตุหรือเบาะแสรวมถึงให้ดำเนินการขอเบิกจ่ายสินบนเงินรางวัลนำจับให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

(4.)ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ควบคุม กำกับดูแล การปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด เน้นย้ำให้ปฏิบัติตามหลักยุทธวิธีตำรวจและคู่มือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายงาน ป้องกันปราบปราม (Standard Operating Procedure : SOP) ควบคู่ไปกับมาตรการความปลอดภัยเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างเคร่งครัด

(5.)ให้ทุกหน่วยประสานและสนับสนุนการปฏิบัติซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด กรณีที่มีการจับกุมรายสำคัญ มีของกลางเป็นจำนวนมาก หรือเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ให้จัดแถลงข่าวในพื้นที่ทันที โดยดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

(6.)กรณีที่มีเหตุสำคัญเร่งด่วนให้ใช้ช่องทาง ศปก.ของหน่วย รายงานให้ ศปก.ตร. ทราบ เพื่อรายงาน ผบ.ตร. จตช. รอง ผบ.ตร. ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่รับผิดชอบ และ ผอ.ศปอส.ตร. (กรณีเหตุสำคัญเร่งด่วนความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงครามที่กระทำความผิดผ่านระบบออนไลน์และโซเชียลมีเดียต่างๆ) ผอ.ศอ.ปส.ตร. (กรณีเหตุสำคัญเร่งด่วนความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด) เพื่อทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด “คำสั่งดังกล่าว ระบุ” . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]