ตร.ย้ำใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ ต้องใช้อุปกรณ์เสริม-ห้ามถือหรือจับ

กรุงเทพฯ 19 ต.ค.- ตร.ย้ำการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ขับขี่ขณะขับรถ ต้องใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับสนทนา ห้ามถือหรือจับ ฝ่าฝืนปรับสูงสุดไม่เกิน 4,000 บาท


เวลา 11.00 น. พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า เดิม พ.ร.บ.จราจรทางบก กำหนดหลักการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถไว้แล้ว แต่ด้วยเทคโนโลยีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบัน ไม่ได้เป็นอุปกรณ์เพียงสำหรับการสนทนาเท่านั้น แต่ยังเป็นอุปกรณ์เสริม แต่รูปแบบการใช้งานมีหลากหลาย ทำให้กฎหมายเดิมไม่ครอบคลุมรูปแบบการใช้งานได้ทั้งหมด จึงมีการแก้ไขเนื้อหาในกฎหมายใหม่ในพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 ให้ครอบคลุมไว้ในมาตรา 43(9) และกำหนดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกหลักเกณฑ์ ข้อยกเว้นที่จะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยมีเงื่อนไขคือผู้ขับขี่ต้องไม่ถือหรือจับโทรศัพท์

ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการออกประกาศเรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ขับขี่ขณะขับรถ พ.ศ.2565 มีผลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยกำหนดข้อยกเว้นของผู้ขับขี่ที่จะสามารถใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถได้ แต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขนี้คือ 1.ใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา/ระบบกระจายเสียง โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2.ใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับยึดหรือติดโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้กับส่วนหน้าของตัวรถทุกครั้งก่อนการขับรถ โดยต้องไม่บดบังทัศนวิสัยหรือเสียความสามารถในการขับรถ กรณีมีความจำเป็นต้องถือ จับ สัมผัสโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อใช้งาน ให้หยุดหรือจอดในสถานที่สำหรับจอดรถอย่างปลอดภัย หากฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามแนวทางนี้ จะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 4,000 บาท จึงฝากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนร่วมกันปฏิบัติตามกฎหมายจราจร เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน สร้างความปลอดภัยในการขับขี่


ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ประกาศดังกล่าวออกมาเพื่อดูแลความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน โดยจะสั่งการให้ตำรวจทุกจังหวัดทั่วประเทศเพิ่มการกวดขันวินัยการจราจรให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยจะมีการตรวจสอบร่วมกับกล้องวงจรปิด ซึ่งในช่วงแรกอาจเน้นการประชาสัมพันธ์ตักเตือน เมื่อพบเห็นการกระทำความผิด แต่หากมีการกระทำความผิดซ้ำ ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

“อ.แจ็คพันศพ” ถูกเปลวไฟพุ่งใส่ขณะเผาศพ

“อาจารย์แจ็คพันศพ” สัปเหร่อและหมอผีชื่อดัง จ.บุรีรัมย์ ถูกเปลวไฟพุ่งใส่ขณะวางดอกไม้จันทน์เผาศพ ไฟลวกทั่วร่างกาย ต้องหามส่งโรงพยาบาล  เจ้าตัวงง! เผาศพมาเป็นพัน ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้

ข่าวแนะนำ

ปิด “จุดชมวิวภูชี้ฟ้า” ชั่วคราว เหตุเสียงปืนดังข้ามแดน-กระสุนตกใส่หลังคาบ้าน

อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า (เตรียมการ) ประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวจุดชมวิวภูชี้ฟ้า ชายแดนไทย-สปป ลาว อำเภอเวียงแก่น และอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว หลังเกิดเสียงปืนดังข้ามแดน และพบกระสุนตกใส่บ้านเรือนประชาชน

กทม.พาสื่อดูซากตึก สตง. คาดอีก 2-3 วัน ภารกิจเสร็จสิ้น

กทม.พาสื่อลงพื้นที่ดูซากตึก สตง. ขณะนี้เคลียร์ถึงชั้นใต้ดินซึ่งเป็นจุดสุดท้าย คาดภารกิจการค้นหาผู้สูญหายและรื้อซากจะเสร็จสิ้นในอีก 2-3 วัน

เงินดิจิทัลเฟส3

นายกฯ บอกรอก่อนเงินดิจิทัลเฟส3 ยังไม่เคาะกำหนดเดิมหรือไม่

นายกฯ บอก เงินดิจิทัลฯ เฟส3 รอก่อน ยังไม่เคาะจ่ายตามกำหนดเดิมหรือไม่ ชี้เจอปัจจัยไม่คาดฝัน-ภาษีทรัมป์ ต้องฟังความเห็นครบทุกหน่วยงาน แจง เจรจาแบบดีลลับสหรัฐ พร้อมเปิดในเวลาที่เหมาะและเกิดประโยชน์สูงสุดกับไทย ย้ำทันกรอบ 90 วัน

คลั่งยิงสนั่นแม่สอด

สยบหนุ่มคลั่ง ยิงสนั่นกลางเมืองแม่สอด

ระทึก! ชายคลั่งสาดกระสุนกลางเมืองแม่สอด ชาวบ้านแตกตื่นหนีตาย สุดท้ายเปิดฉากยิงปะทะ เจอตำรวจยิงสวนโดนขา 2 นัด สิ้นฤทธิ์